สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 120 เอิกเกริก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 120 เอิกเกริก

“ยังไม่มีเจ้าค่ะ” ถงหมัวมัวประคองหญิงสาวพลางเอ่ยตอบเสียงเบา

“แต่เมื่อวานชุนเหยียนมาร้องห่มร้องไห้กับบ่าว กล่าวว่าสำนึกผิดแล้ว อยากกลับมารับใช้ข้างกายคุณหนูแถมยังยัดกำไลทองใส่มือของบ่าวด้วย บ่าวจึงรับมาเจ้าค่ะ”

โคมไฟสีขาวที่แขวนอยู่บนชายคาของระเบียงทางเดินซึ่งแกะสลักด้วยลวดลายสีแดงแกว่งไปมาตามแรงลม

ไป๋ชิงเหยียนถือเตาอุ่นมือไว้ในมือ ใบหน้าอ่อนโยนสงบนิ่ง

ทุกคนในจวนเจิ้นกั๋วกงรู้สาเหตุดีว่าเหตุใดชุนเหยียนถึงถูกไล่ออกจากเรือนชิงฮุย ย่อมไม่มีผู้ใดเกรงใจชุนเหยียนอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะชุนเหยียนมีเงิน และเครื่องประดับที่ได้จากการตบรางวัลของไป๋ชิงเหยียน นางคงไม่มีแม้แต่น้ำจะดื่ม

เมื่อเห็นว่าของมีค่าของตัวเองถูกคนต่ำต้อยพวกนั้นทั้งแย่งทั้งขโมยไปจนเกือบหมดตัว นางจึงเห็นถึงความดีของเรือนชิงฮุยขึ้นมา

หลังจากกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ไป๋ชิงเหยียนเอาแต่คิดว่าชาติที่แล้วเหลียงอ๋องเอาจดหมายเหล่านั้นไปไว้ในห้องหนังสือของท่านปู่ได้อย่างไร

คนที่เข้าออกห้องหนังสือของท่านปู่ได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นอกจากองค์หญิงใหญ่แล้วก็มีนาง

คิดไปคิดมาก็นึกถึงชุนเหยียนขึ้นมาได้ ชาติที่แล้วนางเชื่อใจเหลียงอ๋องมาก ชุนเหยียนและชุนเถาเป็นสาวใหญ่ข้างกายคนสนิทที่สุดของนาง หากชุนเหยียนอ้างว่าต้องการเข้าไปหยิบของในห้องหนังสือแทนนาง หรืออ้างว่าต้องการนำของเข้าไปคืนในห้องหนังสือของท่านปู่แทนนาง แล้วถือโอกาสนั้นนำจดหมายไปวางไว้เล่า

ชาติที่แล้วตอนที่จดหมายเหล่านั้นถูกค้นพบในห้องหนังสือของท่านปู่ ต่งซื่อส่งนางออกจากเมืองหลวงไปแล้ว นางจึงไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียด อาศัยเพียงการคาดเดาของตัวเองเท่านั้น

บัดนี้นางเตรียมแผนการทุกไว้หมดแล้ว เหลือแค่รอให้เหยื่อเข้ามาติดกับเท่านั้น ดังนั้นนางจึงต้องรับชุนเหยียนมาอยู่ข้างกายอีกครั้งแล้วสั่งให้คนจับตาดูนางเอาไว้

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋ชิงเหยียนจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ช่วงนี้ข้านึกอยากทานโหยวฉาเมี่ยน[1]ขึ้นมา แต่ไม่ว่าโรงครัวใหญ่ โรงครัวเล็กหรือแม้แต่พวกชุนเถา ชุนซิ่งก็ทำรสชาตินั้นออกมาไม่ได้”

ถงหมัวมัวเป็นคนฉลาด เข้าใจความหมายของไป๋ชิงเหยียนได้ในทันที กล่าวเพียง

“เด็กชุนเหยียนนั่นมักจะทำโหยวฉาเมี่ยนเป็นประจำทุกฤดูหนาว ได้รับรางวัลจากคุณหนูใหญ่ไม่น้อย! หากคุณหนูใหญ่อยากทาน บ่าวจะไปบอกชุนเหยียนเองเจ้าค่ะ จะได้ไม่ถือเป็นการรับกำไลทองมาจากนางเปล่าๆ”

“หมัวมัวไปจัดการเถิด! ชุนเถาไปที่โถงทำพิธีกับข้าคนเดียวก็พอ” หญิงสาวกล่าว

เมื่อชุนเหยียนได้ยินถงหมัวมัวกล่าวว่าวันนี้ไป๋ชิงเหยียนอยากทานโหยวฉาเมี่ยน น้ำตาของนางไหลพรากออกมาในทันที รีบก้มศีรษะคำนับถงหมัวมัว

“ขอบพระคุณหมัวมัวที่ชี้แนะเจ้าค่ะ ขอบพระคุณหมัวมัวที่ชี้แนะเจ้าค่ะ!”

“พวกเราเป็นเพียงบ่าว กว่าจะได้ของรางวัลมีค่าพวกนี้มาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ข้ามิอาจรับกำไลทองของเจ้ามาเปล่าๆ ได้หรอก” สีหน้าของถงหมัวมัวมีแววดุดันเล็กน้อย

“แต่ข้าขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าหากคุณหนูใหญ่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ ยอมให้เจ้ากลับไปที่เรือนชิงฮุยอีกครั้ง เจ้าจงสงบเสงี่ยมหน่อย หากทำผิดอีก…ไม่ต้องรอให้คุณหนูใหญ่สั่ง ข้าจะจัดการกับเจ้าก่อนเลย ถึงเวลานั้นอย่ามาหาว่าหมัวมัวอย่างข้าใจร้ายก็แล้วกัน”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ หมัวมัววางใจได้เจ้าค่ะ บ่าวจะไม่มีทางทำผิดอีกเจ้าค่ะ บ่าวจะตั้งใจปรนนิบัติรับใช้คุณหนูใหญ่อย่างเต็มที่เจ้าค่ะ” ชุนเหยียนล้วงจี้ทองคำรูปถั่วลิสงที่ไป๋ชิงเหยียนเคยมอบให้นางออกมาจากอกแล้วยื่นส่งให้ถงหมัวมัว กล่าวอย่างจริงใจ

“นี่คือของชิ้นสุดท้ายที่บ่าวมีแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่มอบให้บ่าวเมื่อปีที่แล้ว ถือเป็นคำขอบคุณจากชุนเหยียนนะเจ้าคะ!”

ถงหมัวมัวรับจี้ทองคำถั่งลิสงมา หัวเราะเบาๆ พลางกล่าวขึ้น

“คุณหนูใหญ่เฝ้าวิญญาณอยู่ที่โถงทำพิธี กลางดึกคงทั้งหิวทั้งหนาว”

ดวงตาของชุนเหยียนเป็นประกาย ก้มศีรษะลงบนพื้นติดต่อกันหลายครั้ง

“ขอบพระคุณหมัวมัวที่ชี้แนะเจ้าค่ะ!”

ยามจื่อ[2]เพิ่งผ่านพ้นไป

ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้ไป๋จิ่นจื้อที่ยังบาดเจ็บอยู่พาน้องสาวอีกสามคนกลับไปพักผ่อน ส่วนนาง ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นถงอยู่เฝ้าวิญญาณอยู่ในโถงทำพิธี ถงหมัวมัวถือกล่องอาหารสีดำสลับทองเดินเข้ามา คุกเขาลงทางด้านหลังไป๋ชิงเหยียนอย่างเงียบเชียบ

“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนู คุณหนูรองและคุณหนูสามทานอันใดรองท้องหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะไม่มีแรงกันพอดี!”

“อืม!” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “จิ่นซิ่ว จิ่นถง มาทานสักหน่อยเถิด”

สามพี่น้องนั่งเรียงกัน เมื่อเห็นถงหมัวมัวเปิดกล่องอาหารออก ไป๋จิ่นถงถูกกลิ่นหอมยั่วยวนจนต้องชะโงกหน้าเข้าไปมอง “หอมจังเลย…”

“โหยวฉาเมี่ยน!” ไป๋จิ่นถงตะลึง

ถงหมัวมัวรับคำยิ้มๆ ตักแบ่งให้ทั้งสามคนคนละชาม จากนั้นหยิบเครื่องเคียงที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นซึ่งเพิ่งทำสดๆ ออกมาจากกล่องอาหารอีกสองสามจาน

ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยขึ้นชิมหนึ่งคำ จากนั้นหันไปถามถงหมัวมัว

“วันนี้ผู้ใดเป็นคนทำโหยวฉาเมี่ยนกัน รสชาติเหมือนกับที่ชุนเหยียนทำไม่มีผิด”

ถงหมัวมัวคุกเข่าอยู่ตรงด้านข้างอย่างนอบน้อม สองมือประสานไว้ที่หน้าท้อง กล่าวเสียงเบา

“ชุนเหยีนนเป็นคนทำเจ้าค่ะ! เด็กนั่นได้ยินว่าคุณหนูใหญ่สั่งให้โรงครัวทำโหยวฉาเมี่ยน แต่ไม่ได้รสชาติที่ถูกใจเสียที นางเห็นว่าคุณหนูใหญ่นั่งทรมานเฝ้าวิญญาณอยู่ที่โถงทำพิธีจึงทำโหยวฉาเมี่ยนมาให้เจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นถงหัวเราะออกมาเบาๆ ทานโหยวฉาเมี่ยนที่ชุนเหยียนทำ แต่ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งใจเลยสักนิด กล่าวเสียงเย็น

“ข้าว่านางคงอยากขอร้องพี่หญิงใหญ่ให้นางย้ายกลับมาอยู่ที่เรือนชิงฮุยเสียมากกว่า! ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้นางลำบากไม่น้อย”

ไป๋ชิงเหยียนเม้มปาก ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น ทานโหยวฉาเมี่ยนจนหมดแล้ววางชามลง ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่ริมฝีปาก จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ชุนเหยียนอยู่ที่ใด”

“รออยู่ด้านนอกเจ้าค่ะ” ถงหมัวมัวกล่าว

ไป๋จิ่นถงยิ้มเย็น “ว่าแล้ว…”

“นางอยากกลับมาที่เรือนชิงฮุยก็ให้นางกลับมาเถิด กำชับให้นางสำรวมหน่อย อย่ามาให้ข้าเห็นหน้า”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็ลุกขึ้นยืน กลับไปเฝ้าวิญญาณต่อ สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ

ถงหมัวมัวรอจนไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นถงรับประทานเสร็จจึงเก็บจานทั้งหมด จากนั้นตามระเบียงทางเดินไปยังประตูชุ่ยฮวา ชุนเหยียนยืนเกาะกำแพงอยู่อย่างร้อนใจ เมื่อเห็นนางจึงถลาเข้าไปหาสองสามก้าว

“หมัวมัว คุณหนูใหญ่ต้องการพบข้าหรือไม่เจ้าคะ”

ถงหมัวมัววางมาด ยื่นกล่องอาหารให้ชุนเหยียน ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับที่มุมปากพล่างกล่าว

“คุณหนูใหญ่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน ถือเป็นโชคดีของเจ้า! เจ้าเก็บของกลับเรือนชิงฮุยได้ สงบเสงี่ยมหน่อย อย่าโผล่หน้าไปให้คุณหนูใหญ่เห็น หากเจ้าอยู่อย่างสงบเสงี่ยมได้สักปีสองปี ไม่แน่คุณหนูใหญ่อาจเห็นแก่ความดีที่แล้วๆ มาของเจ้า ยอมให้เจ้ากลับไปดูแลข้างกายอีกครั้งก็ได้”

“ขอบพระคุณหมัวมัวที่ชี้แนะเจ้าค่ะ! ขอบพระคุณหมัวมัวที่ชี้แนะเจ้าค่ะ!” ชุนเหยียนดีใจจนน้ำตาไหล ใช้มือปิดปากพลางร้องไห้ออกมา

“เอาล่ะ! รีบไปเก็บของเถิด เช้าวันพรุ่งนี้ย้ายกลับมาที่เรือนชิงฮุย”

“เจ้าค่ะ!”

ชุนเหยียนกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งจากนั้นถือกล่องอาหารเดินจากไป รู้สึกว่าวันที่แสนทุกข์ทรมานของตัวเองกำลังจะหมดไป

ถงหมัวมัวมองดูแผ่นหลังของชุนเถาที่เดินจากไปอย่างโงนเงน ดวงตาส่อแววเย็นชาขึ้นมา นางสะบัดผ้าเช็ดหน้า หมุนตัวเดินกลับไปรายงานไป๋ชิงเหยียนที่โถงทำพิธี

“บ่าวกำชับให้นางย้ายกลับเรือนชิงฮุยพรุ่งนี้เช้าเจ้าค่ะ จากนิสัยที่ไม่ยอมเสียเปรียบของนางแล้ว เมื่อได้รับความเมตตาจากคุณหนูใหญ่เช่นนี้ พรุ่งนี้นางต้องย้ายกลับมาเรือนชิงฮุยอย่างเอิกเกริกเพื่อระบายความโมโหแน่นอนเจ้าค่ะ” ถงหมัวมัวกล่าวเสียงแผ่วเบา

ขณะที่ถงหมัวมัวรายงาน ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้หลบไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นถง

ไป๋จิ่นถงเบิกตาโพลง “พี่หญิงใหญ่ ท่านไม่ได้ให้ชุนเหยียนย้ายกลับเรือนชิงฮุยเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าแก่หรือเจ้าคะ ท่านมีแผนอันใดเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนปักธูปในกระถางต่ออย่างนอบน้อม ก้มศีรษะคำนับแนบพื้น นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้าง จากนั้นกล่าวขึ้น “หมัวมัวให้คนจับตาดูชุนเหยียนไว้ ชุนเถา สองสามวันนี้เจ้าแสร้งทำเป็นสนิทสนมกับชุนเหยียนสักหน่อย ตอนนี้เจ้าเป็นสาวใช้คนสนิทที่สุดของข้า เจ้าใกล้ชิดนางหนึ่งส่วน นางจะโอ้อวดไปถึงห้าส่วน”

[1]โหยวฉาเมี่ยน อาหารทานเล่นอย่างหนึ่งของจีน วัตถุดิบหลักคือแป้งข้าวสาลี น้ำมันพืช น้ำตาลทรายขาว ถั่ว ผลไม้แช่อิ่ม งา

[2]ยามจื่อ ช่วงเวลาระหว่าง 11.00-01.00

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท