ตอนที่ 130 มีอันเป็นไป
“เจ้าค่ะ! ท่านย่ากล่าวถูกต้องแล้ว! พวกเรามีชีวิตที่ดีกว่าชาวบ้านทั่วไปตั้งแต่เด็ก! ทว่า ทายาทของตระกูลไป๋ เมื่ออายุครบสิบขวบก็ต้องติดตามผู้ใหญ่ไปออกรบ ฆ่าฟันสังหารศัตรูในสนามรบ ชาวบ้านตระกูลใดต้องไปออกรบเมื่ออายุครบสิบขวบบ้าง! ที่พวกเรามีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายก็เพราะพวกเราใช้เลือดเนื้อของตัวเองแลกมามิใช่หรือเจ้าคะ!”
ไป๋ชิงเหยียนชี้นิ้วไปทางป้ายวิญญาณในโถงทำพิธี
“บรรดาน้องชายมิได้ตอบแทนบุญคุณของชาวบ้านด้วยชีวิตของพวกเขาหรือเจ้าคะ!”
องค์หญิงใหญ่มองดูหลานสาวที่ตัวสั่นเทาเพราะความโกรธและความเกลียงชัง นางเม้มปากแน่น
“การที่ท่านย่าต้องการฆ่าจี้ถิงอวี๋มันแตกต่างอันใดกับการที่ฮ่องเต้ทรงต้องการสังหารท่านปู่ ท่านพ่อ ท่าอาและบรรดาน้องชายกันเจ้าคะ!”
หญิงสาวน้ำตาคลอ เมื่อเอ่ยถึงการตายของวิญญาณวีรบุรุษของตระกูลไป๋ นางรู้สึกปวดใจจนแทบสลาย เค้นเสียงเอ่ยรอดไรฟันออกมาทีละคำ
“หรือว่าคนที่มีความจงรักภักดี คนที่มีความกล้าหาญจะยิ่งอยู่บนโลกใบนี้มิได้กันเจ้าคะ ท่านปู่เสียชีวิตเพราะความตรงไปตรงมา ไม่ยอมแพ้ต่อสถานการณ์ที่บีบบังคับ! บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตเพราะต้องการปกป้องชาวบ้านไม่ยอมละทิ้งพวกเขาไปอย่างคนขลาด! จี้ถิงอวี๋ต้องมาเสียชีวิตเพราะมีบุญคุณต่อตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือเจ้าคะ หรือว่าผู้ที่มีจิตใจเมตตา จงรักภักดีล้วนถูกชะตากำหนดมิให้ตายดีเจ้าคะ!”
ถ้อยคำที่เต็มไปด้วยคำถาม และน้ำเสียงที่ทรงพลังราวกับสลักลึกลงไปในกระดูกของไป๋ชิงเหยียนทำให้องค์หญิงใหญ่หวั่นวิตกจนชาวาบไปถึงปลายนิ้ว
มือที่ซ่อนอยู่ในเสื้อขององค์หญิงใหญ่สั่นอย่างรุนแรง เมื่อเอ่ยถึงสามี บุตรชาย และหลานชายของนาง องค์หญิงใหญ่เจ็บปวดจนแทบขาดใจ
นั่นสินะ…อาเป่ากล่าวถูกต้องทุกถ้อยคำ!
ไป๋เวยถิงเสียชีวิตเพราะความซื่อตรงไม่ยอมอ่อนข้อ ไม่ยอมโอนอ่อนไปตามสถานการณ์
บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตเพราะไม่ยอมทอดทิ้งชาวบ้าน พวกเขาทุกคนสละชีพของตัวเองเพื่อปกป้องชาวบ้านนับแสนที่อยู่ทางด้านหลัง
ส่วนจี้ถิงอวี๋…เพราะเขามีบุญคุณต่อตระกูลไป๋เป็นอย่างมาก องค์หญิงใหญ่จึงจำเป็นต้องฆ่าเขา! หากเขาเป็นเพียงบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ธรรมดาคนหนึ่งของตระกูลไป๋ องค์หญิงใหญ่อาจข่มขู่เขาด้วยอำนาจ อาจล่อลวงเขาด้วยผลประโยชน์ได้ เหตุใดต้องลงมือฆ่าเขาเช่นนี้ด้วย!
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนวาวโรจน์ ความเกลียงชังโกรธแค้นพุ่งพล่านอยู่ในใจของไป๋ชิงเหยียนในขณะที่นางกำลังยืนอยู่หน้าโถงทำพิธีแห่งนี้
ท่านย่าของนางผู้นี้แตกต่างอันใดกับคนในราชวงศ์เหล่านั้นกัน!
ใช่แล้ว นางคือองค์หญิงใหญ่…
ต่อให้นางจะแต่งเข้ามาในตระกูลไป๋ มีทายาทให้แก่ท่านปู่ ทว่า นางก็ยังคงเป็นองค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์อยู่ดี
องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถามอย่างไร้เรี่ยวแรง
“เจ้าต้องการฆ่าไป๋ชิงเสวียนจริงๆ อย่างนั้นหรือ!”
“เลือดต้องชำระด้วยเลือด ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต นี่คือสัจธรรมของชีวิตเจ้าค่ะ…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
องค์หญิงใหญ่เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา “นั่นคือน้องชายของเจ้านะ เขาแซ่ไป๋!”
“จี้ถิงอวี๋คือบ่าวผู้ซื่อสัตย์ที่ยอมสละชีวิตเพื่อตระกูลไป๋ ภรรยาของเขาโดนสัตว์เดรัจฉานผู้นั้นข่มเหงจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะว่ากฎหมาย เหตุผลหรือความรู้สึก เขาสมควรตายทั้งนั้น!” ดวงตาของหญิงสาวลึกล้ำจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง
“คนที่นิสัยชั่วช้าเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานผู้นี้ ท่านย่าได้โปรดอย่าทำให้สกุลไป๋ของเราต้องแปดเปื้อนจนท่านปู่นอนตายตาไม่หลับเลยเจ้าค่ะ!”
ต่งซื่อ ฮูหยินสองหลิวซื่อ ฮูหยินสามหลี่ซื่อที่รีบบึ่งมาทันทีที่ทราบเรื่อง รวมถึงไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นถง ไป๋จิ่นจื้อ ต่างยืนรออยู่ด้านนอกด้วยความร้อนใจ
ฮูหยินห้าฉีซื่อถูกสาวใช้ประคองเข้ามา เมื่อมาถึงก็รีบเอ่ยถามในทันที
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น ข้าได้ยินบ่าวรับใช้กล่าวว่าอาเป่าถือดาบไปฆ่าคน นางจะฆ่าลูกอนุผู้นั้นหรือ!”
ไป๋จิ่นถงยืนเฝ้าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรก หลูผิงกับเจี่ยงหมัวมัวเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้นางฟังอย่างละเอียดแล้ว
นางรู้แล้วว่าบุตรอนุผู้นั้นหวังจะข่มขืนภรรยาของจี้ถิงอวี๋ ภรรยาของจี้ถิงอวี๋วิ่งเอาศีรษะกระแทกเสาในจวนจนเสียชีวิต สัตว์เดรัจฉานที่สมควรตายอย่างไป๋ชิงเสวียนกลับสั่งให้คนย่ำยีศพของนางจนไม่เหลือแม้แต่ร่าง มิน่าเล่าตอนที่เขามาที่โถงทำพิธีใบหน้าของเขาถึงมีรอยขีดข่วน!
ไป๋จิ่นถงโมโหจนร่างสั่นเทิ้ม
วันที่จี้ถิงอวี๋กลับมาที่จวน ไป๋จิ่นถงอยู่กับไป๋ชิงเหยียนตลอด นางรู้ดีว่าจี้ถิงอวี๋ทำเพื่อตระกูลไป๋มากมายเพียงใด จี้ถิงอวี๋ยอมสละแม้แต่ชีวิตของตัวเองเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ตระกูลไป๋ ทว่า เพื่อช่วยบุตรอนุผู้นั้นปกปิดเรื่องการตายของภรรยาของจี้ถิงอวี๋ ท่านย่าถึงขนาดต้องการฆ่าจี้ถิงอวี๋!
ไป๋จิ่นถงเบนหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาหนีไปอีกทาง นางยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ แล้วพี่หญิงใหญ่ที่รัก และผูกพันกับท่านย่ามากมายเช่นนั้นจะเจ็บปวดมากเพียงใดกัน!
ภายในโถงทำพิธีเงียบสงบอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดองค์หญิงใหญ่ก็ตัดสินใจยอมถอยออกมาก้าวหนึ่ง
“อาเป่า หากเจ้ายังเชื่อในตัวย่าอยู่ ปล่อยให้ย่าจัดการเรื่องนี้ได้หรือไม่ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพของตระกูลไป๋ ย่าจะคืนความยุกติธรรมให้จี้ถิงอวี๋เอง ได้หรือไม่”
หากตัดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างย่าหลานทิ้งไป ให้ไป๋ชิงเหยียนเชื่อว่าคนที่ต้องการฆ่าจี้ถิงอวี๋จะคืนความยุติธรรมให้จี้ถิงอวี๋อย่างนั้นหรือ นางเชื่อไม่ลง!
ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันแน่น ร่างทั้งร่างเย็นชาราวกับถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาว
“หากท่านย่าเชื่อใจข้า ท่านคงไม่เอาตัวลูกอนุผู้นั้นไปซ่อนไว้ที่หมู่บ้าน ให้เขามีโอกาสทำร้ายภรรยาของจี้ถิงอวี๋จนตายหรอกเจ้าค่ะ”
องค์หญิงใหญ่หลับตาลง แสดงว่าหลานสาวคนโตของนางไม่ยอมเชื่อใจนางอีกแล้ว
“ท่านย่าส่งตัวลูกอนุผู้นั้นมาให้ข้าตอนนี้ ให้ข้าพาเขาไปฆ่าที่หน้าเตียงของจี้ถิงอวี๋ หรือไม่ ท่านย่าก็ซ่อนเขาไว้ให้ดีๆ มิเช่นนั้น หากข้าเจอเขามันเมื่อไร ข้าจะทำให้เขาตายทั้งเป็นจนรู้สึกเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านย่าเป็นคนเลี้ยงข้ามาเองกับมือ ท่านย่าคงรู้ดีว่าข้ากล่าวจริงทำจริง!”
ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังองค์หญิงใหญ่ที่ดูชราภาพลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของนางวาวโรจน์ ความเจ็บปวด และความโกรธเคืองจุกแน่นอยู่ในอก
“หรือเพื่อปกป้องชีวิตของลูกอนุผู้นั้นไว้ ท่านย่ายอมสละได้แม้แต่ข้า เช่นนั้นท่านย่าก็สั่งให้องครักษ์ลับมาสังหารข้าเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ” ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนแดงฉานจนน่าตกใจ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้
“วันนี้ข้าขอสาบานต่อหน้าดวงวิญญาณวีรบุรุษของตระกูลไป๋ มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น หากเขาไม่ตายก็ขอให้ข้ามีอันเป็นไป!”
“อาเป่า!” ดวงตาขององค์หญิงใหญ่วาวโรจน์
ต่งซื่อที่อยู่ทางด้านนอกได้ยินเสียงกล่าวสาบานของบุตรสาวก็ตกใจจนแทบอยากบุกเข้าไปด้านใน ทว่า ก็ทำได้แต่อดทนไว้ น้ำตาของนางไหลพรากไม่ขาดสาย
ไป๋ชิงเหยียนมองดูใบหน้าของท่านย่าที่เคยเอ็นดูนาง รักนาง ยามนางเป็นไข้ไม่ยอมลดก็ยินดีแลกอายุขัยสิบปีของตัวเองเพื่อให้นางปลอดภัย เลือดในหัวใจของนางเย็นเฉียบราวกับถูกความหนาวของฤดูหนาวแช่แข็งเอาไว้
หญิงสาวคุกเข่าลงบนพื้น ก้มศีรษะคำนับองค์หญิงใหญ่อย่างหนักแน่น
“ท่านย่าเคยกล่าวว่า หากไม่ยอมตัดให้เด็ดขาดก็จะมีแต่ความวุ่นวาย วันนี้…ขอบพระคุณท่านย่ามากเจ้าค่ะที่ทำให้ข้าตัดได้เด็ดขาดเสียที!”
องค์หญิงใหญ่รู้สึกเหมือนถูกมีดดาบแทงทะลุที่หัวใจ ร่างกายเซจนแทบล้ม “อาเป่า เจ้าต้องการตัดความสัมพันธ์ย่าหลานกับย่าอย่างนั้นหรือ!”
ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันแน่น ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น นางคำนับศีรษะจรดพื้นสามครั้ง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากโถงทำพิธี
“อาเป่า! อาเป่า…”
องค์หญิงใหญ่เอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนอย่างร้อนรน ทว่า นางไม่หันกลับมาแม้แต้น้อย
ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากโถงทำพิธี มองเห็นมารดา ท่านอาสะใภ้ และบรรดาน้องสาวรออยู่ที่ด้านนอก ลมหนาวพัดเข้ามาจนน้ำตาอุ่นร้อนไหลรินออกมาอย่างอดไม่ได้
ในที่สุดนางกับท่านย่าก็เดินมาถึงจุดนี้จนได้!
“อาเป่า…” ต่งซื่อก้าวขึ้นบันไดไปกุมมือที่เย็นเฉียบจับขั้วกระดูกของบุตรสาวเอาไว้
“ท่านแม่ ข้ามิเป็นอันใดเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของหญิงสาวแหบพร่า
“ข้าอยาก…ไปดูอาการของจี้ถิงอวี๋เจ้าค่ะ”
ต่งซื่อพยักหน้า “ไปเถิด! ทางนี้มีแม่อยู่”
ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากให้มารดา ท่านอาสะใภ้ และบรรดาน้องสาวเห็นด้านที่อ่อนแอของตัวเอง หญิงสาวก้มหน้าทำความเคารพแล้วเดินไปยังเรือนหลัง