ตอนที่ 137 จัดการเรียบร้อย
ไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออก ผู้ที่เดินออกมายังคงเป็นหญิงชราที่ถงจี๋วานให้ไปส่งข่าว ใจของถงจี๋หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ “แม่นางชุนเหยียนเล่า ออกมาไม่ได้หรือ”
“ท่านวางใจได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวแม่นางชุนเหยีนจะตามมาเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าท่านจะรอนานเกินไปจึงมาแจ้งท่านก่อนเจ้าค่ะ ท่านไม่รู้หรอกว่าข้าต้องหลบสายตาของคนทุกคนด้วยความยากลำบากเพียงใดจึงจะเข้าไปส่งข่าวให้แม่นางชุนเหยียนได้” หญิงชราถูมือไปมาพลางกล่าวยิ้มๆ
ถงจี๋ดูหมิ่นอยู่ในใจ ก็แค่อยากได้เงินไม่ใช่หรืออย่างไร
ถงจี๋ล้วงหยิบเงินออกมาจากหน้าอกสองสามก้อนจากนั้นส่งให้หญิงชรา สีหน้าส่อแววดูหมิ่นอย่างปิดไม่มิด ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณ ใบหน้าที่หนาวจนแดงบึ้งตึงไปทั้งใบหน้า
หญิงชรารับเงินไปอย่างดีใจ กล่าวขอบคุณจากนั้นเดินเข้าประตูและปิดประตูลง
เดิมทีถงจี๋อยากเดินเข้าไปถ่มน้ำลายใส่หญิงชราผู้นั้น ทว่า เมื่อนึกถึงจดหมายที่ซ่อนอยู่ในอกของตัวเอง นึกถึงคำกำชับของเหลียงอ๋องที่สั่งให้เขามอบจดหมายเหล่านี้ให้ถึงมือชุนเหยียนให้ได้ เขาจึงข่มใจเอาไว้
หญิงชราได้เงินมาอีกจำนวนหนึ่ง เดินกลับเข้าไปเฝ้าอยู่ตรงประตูซึ่งจุดไฟผิงสว่างจ้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแล้วลงมือนับเงิน ถงหมัวมัวและฉินหมัวมัวกล่าวว่านางสามารถเก็บเงินพวกนี้ไว้ได้ และทางจวนจะมอบเงินรางวัลให้นางอีกจำนวนหนึ่ง เรื่องดีๆ เช่นนี้ นางชอบอยู่แล้ว
ไม่นานก็มีคนมาแจ้งหญิงชราให้ไปรายงานชุนเหยียนได้แล้ว
หญิงชราเดินอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ไปถึงเรือนชิงฮุย
ช่วงนี้ถงหมัวมัวไม่ได้มอบหมายงานให้ชุนเหยียน คุณหนูใหญ่และชุนเถาก็เอาแต่เฝ้าอยู่ที่โถงทำพิธี ชุนเหยียนไม่มีโอกาสพบหน้าคุณหนูใหญ่เลยสักครั้ง นางรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก ตัดสินใจเดินเข้าไปในโรงครัวเพื่อทำของว่างที่คุณหนูใหญ่ชอบทานสักสองสามอย่าง เมื่อคุณหนูใหญ่รับประทานจะได้นึกถึงนาง สั่งให้นางกลับไปรับใช้ข้างกาย
สาวใช้ที่มีหน้าที่ทำความสะอาดเรือนชิงฮุยวิ่งเข้ามาในโรงครัว ปัดหิมะที่ติดอยู่บนไหล่ของตัวเองออก ถลาเข้าไปหาชุนเหยียน “ชุนเหยียน มีหญิงชรามารอพบเจ้าอยู่ที่ด้านนอก”
ชุนเหยียนขมวดคิ้วเตรียมจะบอกว่าตนเองไม่ว่าง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ นางก็นึกถึงเหลียงอ๋องขึ้นมา นางวางพัดที่ใช้พัดเตาถ่านในมือลง จัดผมของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปจากโรงครัว เป็นจริงดังที่คาด เมื่อนางออกมาก็เห็นหญิงชราเฝ้าประตูคนเดิมที่มาส่งข่าวแทนเหลียงอ๋องเมื่อวาน
เมื่อเห็นชุนเหยียนเดินออกมา หญิงชรารีบเดินไปยังที่ลับตาคน ชุนเหยียนรีบเดินตามไป ในใจรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาในทันที นางกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น
“เหลียงอ๋องทรงมีรับสั่งอันใดหรือ” ใบหูของชุนเหยียนแดงก่ำ รู้สึกคิดถึงบุรุษสูงศักดิ์รูปงามยิ่งกว่าชายใดผู้นั้นมาก
“ใช่เจ้าค่ะ แม่นางชุนเหยียน ข้ายอมเสี่ยงอันตรายมาส่งข่าวให้ท่านเลยนะเจ้าคะ ต่อไปหากท่านได้ดีก็อย่าลืมข้านะเจ้าคะ!” หญิงชรากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ชุนเหยียนรีบปลดกำไลข้อมือที่ตนใส่อยู่ยัดใส่มือของหญิงชรา “รู้ว่าหมัวมัวเสี่ยงอันตราย ชุนเหยียนซาบซึ้งใจมาก หมัวมัวรีบกล่าวมาเถิด เดี๋ยวผู้อื่นจะจับได้”
หญิงชราชั่งน้ำหนักกำไลในมือ จากนั้นยัดใส่ลงไปในแขนเสื้อของตัวเอง กล่าวขึ้น “ท่านถงจี๋ บ่าวรับใช้ข้างกายของเหลียงอ๋องมารอพบท่านอยู่ด้านนอกเจ้าค่ะ เมื่อครู่ข้าปลีกตัวมาไม่ได้ ข้าเพิ่งหาโอกาสปลีกตัวออกมาได้ตอนนี้เอง ท่านถงจี๋รออยู่สักพักใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ข้าไปดูให้แม่นางแล้ว ท่านถงจี๋ยังรออยู่เจ้าค่ะ ดูเหมือนท่านมีเรื่องสำคัญจะกล่าวกับแม่นาง แม่นางรีบไปเถิดเจ้าค่ะ!”
กล่าวจบ หญิงชรามองสำรวจซ้ายขวาแล้วจากไปโดยเร็ว
ชุนเหยียนรู้สึกว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก ก้มหน้าปัดชุดสีม่วงของตัวเองซึ่งไม่ได้มีคราบแป้งติดอยู่ จัดผมของตัวเองให้เรียบร้อยจากนั้นเร่งฝีเท้าเดินไปยังประตูอย่างรีบร้อน
เมื่อเห็นว่าชุนเหยียนจากไปแล้ว อิ๋นซวงจึงกระโดดลงมาจากต้นไม้ ลอบตามหลังชุนเหยียนไปเงียบๆ
ถงหมัวมัวสั่งอิ๋นซวงไว้ว่าหากชุนเหยียนออกจากเรือนชิงฮุยให้นางรีบตามไปทันที สั่งให้จดจำว่า
ชุนเหยียนกล่าวสิ่งใดกับผู้ใดบ้าง หากจำได้หมดทุกคำจะให้ลูกอมแก่นาง!
ชุนเหยียนวิ่งไปตลอดทาง เมื่อใกล้จะถึงประตูข้างก็รีบหยุดพักหายใจ จัดผมและเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยจากนั้นเดินออกมาจากประตู
เมื่อเห็นรถม้า ชุนเหยียนร้อนใจในทันที “องค์ชายเสด็จมาด้วยหรือ”
“เหตุใดเจ้าถึงเพิ่งออกมา!” ถงจี๋เห็นชุนเหยียนเดินออกมาก็บ่นออกมาอย่างอดไม่ได้
“ขอโทษเจ้าค่ะ! หญิงชราเฝ้าประตูต้องหาจังหวะตอนไม่มีคน ข้าจึงออกมาช้าหน่อยเจ้าค่ะ” ดวงตาทั้งสองข้างของชุนเหยียนเหลือบมองไปทางรถม้าเป็นระยะ
ปกติเหลียงอ๋องจะนั่งรถม้าของบ่าวรับใช้เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา ชุนเหยียนจึงนึกว่าเหลียงอ๋องเสด็จมาด้วย
“องค์ชายไม่ได้เสด็จมา เจ้าไม่ต้องชะเง้อคอแล้ว!” ถงจี๋โมโหจึงกล่าวออกไปอย่างไม่ถนอมน้ำใจ “องค์ชายมีรับสั่งว่า…”
ขณะกล่าว ถงจี๋ล้วงจดหมายหลายฉบับออกมาจากหน้าอก ถ่ายทอดคำสั่งของเหลียงอ๋องให้ชุนเหยียนฟังทุกคำโดยไม่มีตกหล่น
ถงจี๋กล่าวว่าเหลียงอ๋องมีใจให้นาง ชุนเหยียนใจเต้นรัวขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าแดงฉาน
“หลังจากเสร็จเรื่อง เมื่อคุณหนูใหญ่แต่งเข้าจวนเหลียงอ๋องแล้ว องค์ชายจะขอคุณหนูใหญ่ไป๋รับเจ้ามาเป็นอนุ! ดังนั้นเรื่องนี้ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด เจ้าห้ามแกะจดหมายพวกนี้เชียว มิเช่นนั้นอาจจะถูกจับได้! เพราะด้วยนิสัยของท่านกั๋วกง ท่านไม่มีทางแอบอ่านจดหมายของลูกหลานแน่นอน” ถงจี๋กำชับ “องค์ชายกำชับอยู่หลายครั้ง เจ้าจงจำให้ขึ้นใจ”
มือของชุนเหยียนสั่นเทาเล็กน้อย องค์ชายตรัสว่าจะรับนางไปเป็นอนุ นางรู้สึกตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว การนำจดหมายเหล่านี้ไปวางไว้ในห้องหนังสือของท่านกั๋วกงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทว่า…หากได้กลายเป็นผู้หญิงขององค์ชาย นางยินดีเสี่ยง
อีกอย่าง คุณหนูใหญ่ของนางมีบุตรยากเช่นนี้จะได้แต่งงานเข้าตระกูลดีๆ ที่ใดกัน เหลียงอ๋องเป็นถึงองค์ชาย แถมยังมีใจรักนาง จะมีการแต่งงานใดดีไปกว่าการแต่งงานกับเหลียงอ๋องอีกเล่า นางทำเช่นนี้…เพราะหวังดีต่อคุณหนูใหญ่!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ชุนเหยียนก็ไม่คิดลังเลอีกต่อไป รับจดหมายเหล่านั้นมาจากถงจี๋ “ท่านกลับไปรายงานเหลียงอ๋องว่าบ่าวจะหาวิธีนำจดหมายไปวางไว้ในห้องหนังสือของท่านกั๋วกงให้ได้เจ้าค่ะ”
“องค์ชายตรัสว่าวันนี้ตระกูลไป๋เคลื่อนขบวนศพเป็นโอกาสที่ดีที่สุด หากพลาดโอกาสในวันนี้ก็มิรู้ต้องรอไปถึงเมื่อใด ถึงเวลานั้น…หากการแต่งงานของคุณหนูใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงก็คงน่าผิดหวังที่สุด! เจ้าจงจำไว้ให้ดี” ถงจี๋กลัวว่าชุนเหยียนจะขี้ขลาด กลัวไปเสียทุกเรื่อง จึงจงใจกล่าวย้ำอีกประโยค
หากการแต่งงานของคุณหนูใหญ่มีการเปลี่ยนแปลง นางจะไม่ได้พบหน้าเหลียงอ๋องอีก ชุนเหยียนหน้าซีดเผือด ตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องนี้คือเรื่องสำคัญ
นางกำจดหมายในมือแน่น พยักหน้า “ท่านบอกให้เหลียงอ๋องสบายพระทัยได้ ชุนเหยียนจะจัดการให้เรียบร้อยภายในวันนี้เจ้าค่ะ หากจัดการเสร็จแล้วข้าจะหาทางให้คนไปรายงานเหลียงอ๋องเจ้าค่ะ!”
ขบวนศพของตระกูลไป๋เดินทางมาถึงบริเวณหน้าทางเข้าของซอยลึกพอดี ถงจี๋หันกลับไปมองแล้วรีบเอ่ยอย่างร้อนรน “ไม่ต้องให้คนไปแจ้งข่าวหรอก ข้าจะรออยู่ตรงนี้ ขบวนเคลื่อนศพกลับมาแล้ว หากมัวรีรอจะไม่มีโอกาสอีก เจ้ารีบนำไปวางแล้วกลับมาบอกข้า!”
สิ้นเสียงของถงจี๋ ประตูข้างถูกเปิดออกอย่างแรง องครักษ์สิบกว่าคนและหญิงชราที่รับผิดชอบงานหนักกรูกันออกมาจับตัวชุนเหยียนซึ่งถือจดหมายไว้ในมือ ถงจี๋และคนบังคับม้าของจวนเหลียงอ๋องไว้!
“พวกเจ้าทำอันใด ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ! ข้าคือบ่าวรับใช้ของเหลียงอ๋อง พวกเจ้ากล้าล่วงเกินข้าอย่างนั้นหรือ!” ถงจี๋ตวาดออกมาเสียงดัง