ตอนที่ 139 เดรัจฉานสวมเสื้อผ้า
ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวดูถูกเหลียงอ๋องเช่นนี้ ถงจี๋ทนต่อไปไม่ไหว เขาอดทนจนปวดร้าวไปทั้งใจ เชิดหน้าตะโกนเถียงออกมา “ท่านเป็นเพียงหญิงแก่ที่มีบุตรไม่ได้คนหนึ่งเท่านั้น องค์ชายของข้าหลงรักท่านถือเป็นบุญวาสนาของท่านแล้ว ในเมืองหลวงนี้ นอกจากองค์ชายของข้าแล้ว ยังมีผู้ใดปรารถนาอยากจะแต่งงานกับท่านเช่นนี้อีกบ้าง องค์ชายของข้าหลงรักท่านมากถึงเพียงนี้ ท่านยังไม่สำนึกบุญคุณอีก!”
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มเย็น ถงจี๋ยอมรับออกมาก็ดีแล้ว
น้ำเสียงราบเรียบของหญิงสาวแฝงไปด้วยความเยือกเย็น “ที่หน้าจวนของข้าในวันนั้น ข้ายังกล่าวออกไปไม่ชัดเจนอีกหรือ ต่อให้เหลียงอ๋องเป็นองค์ชาย ทว่า ข้าไป๋ชิงเหยียนดูถูกการกระทำเช่นคนถ่อยของเขา ข้ายินดีแต่งงานกับหมูกับหมาที่ใดก็ได้แต่จะไม่แต่งงานกับเขาเด็ดขาด! เหลียงอ๋องไม่เพียงไม่ถอดใจยอมแพ้ กลับเหิมเกริมวางแผนชั่วช้ายิ่งกว่าเดิม เขายังมีความละอายใจอยู่บ้างหรือไม่ ช่างเป็นเดรัจฉานสวมเสื้อผ้า[1]จริงๆ !”
ถงจี๋ได้ยินไป๋ชิงเหยียนด่าเหลียงอ๋องก็เดือดดาลขึ้นทันที ดวงตาของเขาวาวโรจน์ ตวาดออกมาเสียงดัง “ท่านกล้าหาว่าองค์ชายของข้าเป็นเดรัจฉานสวมเสื้อผ้าเช่นนั้นหรือ! ข้าว่าท่านต่างหากที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่าสัตว์ ท่านไม่คู่ควรกับองค์ชายของข้าเลยสักนิด!”
“ข้าจะฆ่าคนปากพล่อยอย่างเจ้าให้ตาย…”
ไป๋จิ่นจื้อเตรียมถลาเข้าไปด่าทอแต่โดนไป๋จิ่นซิ่วรั้งตัวไว้เสียก่อน ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวขึ้นอย่างชัดเจนและเชื่องช้า “ในเมื่อเจ้าคิดว่าพี่หญิงใหญ่ของข้ามิคู่ควรกับเหลียงอ๋อง พี่หญิงใหญ่ของข้าก็ไม่ได้ชอบพอเหลียงอ๋องของพวกเจ้า! เหตุใดเจ้าจึงต้องลำบากมาทำเรื่องชั่วช้าทำลายชื่อเสียงของผู้อื่นเช่นนี้แทนเหลียงอ๋องด้วยเล่า เจ้าทำลงไปแล้ว…ถือว่าไร้ศีลธรรม! เจ้าเป็นบ่าวรับใช้ของเหลียงอ๋อง ไม่ตักเตือนเจ้านายด้วยความซื่อสัตย์ แต่กลับช่วยเหลือเจ้านายของตนทำเรื่องเช่นนี้ถือว่าไม่จงรักภักดี! บ่าวที่ไร้ศีลธรรม ไม่มีความจงรักภักดีเช่นเจ้า มีสิทธิ์อันใดมาต่อว่าพี่หญิงใหญ่ของข้าเช่นนี้!”
“องค์หญิงใหญ่…คุณหนูใหญ่!” ชุนเหยียนร้องตะโกนออกมา “องค์ชายจริงใจต่อคุณหนูใหญ่จริงๆ นะเจ้าคะ! องค์หญิงใหญ่และคุณหนูใหญ่ได้โปรดตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดด้วยเถิดเจ้าค่ะ! บ่าวทำไปเพราะหวังดีกับชีวิตในภายภาคหน้าของคุณหนูใหญ่จริงๆ นะเจ้าคะ! คุณหนูใหญ่มีบุตรยาก คุณชายสูงศักดิ์ตระกูลใดในเมืองหลวงจะยินดีรับคุณหนูใหญ่ไปเป็นภรรยาเอกกันเจ้าคะ! มีเพียงองค์ชายเท่านั้น…ไม่ว่าจวนเจิ้นกั๋วกงจะเจริญรุ่งเรืองหรือบุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตจนจวนเจิ้นกั๋วกงหมดสิ้นอำนาจไร้ความรุ่งเรือง องค์ชายก็ไม่เคยเปลี่ยนพระทัยไปจากตัวคุณหนูใหญ่เลยนะเจ้าคะ! คุณหนูใหญ่ลองคิดดูให้ดีสิเจ้าคะ ในเมืองหลวงแห่งนี้ นอกจากเหลียงอ๋องแล้วยังมีบุรุษคนใดเอาใจใส่คุณหนูมากมายถึงเพียงนี้อีกเจ้าคะ”
หลงรัก! เอาใจใส่! เพื่อต้องการได้แต่งงานกับนางอันเป็นที่รัก เป็นจริงดังที่ชุนเหยียนกล่าว แม้ว่าจวนเจิ้นกั๋วกงจะหมดสิ้นความรุ่งเรืองแล้ว เหลียงอ๋องก็ยังคงรักคุณหนูใหญ่ไป๋ไม่เปลี่ยนแปลง นี่…เรียกได้ว่าหลงรักมากจริงๆ กระมัง!
ชาวบ้านที่ใจอ่อนบางคนเริ่มประทับใจ
“เหลียงอ๋องน่ะหรือรักและจริงใจ! ข้ามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าการกระทำที่ต่ำช้าเช่นนี้เรียกว่าหลงรักได้ด้วย!” ใบหน้าของต่งชิงเยว่เต็มไปด้วยความโกรธ
“ในความหมายของเจ้า เขาคิดวางแผนใส่ร้ายพี่หญิงใหญ่ พี่หญิงใหญ่ต้องขอบคุณในความรักของเขาหรืออย่างไรกัน ไม่ว่าเขาใช้วิธีใด ต่อให้เป็นการทำลายชื่อเสียงของพี่หญิงใหญ่ แอบอ้างชื่อของท่านปู่บังคับให้พี่หญิงใหญ่แต่งงานด้วย พี่หญิงใหญ่ก็ต้องสำนึกบุญคุณแล้วทำตามเขาอย่างนั้นหรือ นี่มันตรรกะอันใดกัน!” ไป๋จิ่นจื้อเดือดดาลถึงขีดสุด กล่าวด้วยเสียงแหลมสูง
“เหลียงอ๋องไม่เลือกวิธีที่เปิดเผยอย่างเช่นการเชิญแม่สื่อมาที่จวน แต่กลับเลือกใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แถมยังกล้ากล่าวว่าจะรับบุตรสาวของข้าไปเป็นชายาเอก! ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลวไหลสิ้นดี!”
ต่งซื่อกล่าวออกมาด้วยความโมโหอย่างทนไม่ไหว “ตระกูลไป๋ของข้าจะห้ามมิให้แม่สื่อของเหลียงอ๋องเข้ามาในจวนหรืออย่างไร ทำลายชื่อเสียงเท่ากับเป็นการทำลายชีวิตของคนๆ หนึ่ง ความรักเช่นนี้ บุตรสาวของข้ารับไม่ไหวหรอก!”
ไป๋จิ่นจื้อนึกถึงเรื่องที่พี่หญิงใหญ่กำชับตอนอยู่บนรถม้า นางสะบัดมือของไป๋จิ่นซิ่วออก ถลาเข้าไปแย่งจดหมายซึ่งยังปิดผนึกดีอยู่ซึ่งอยู่ในมือของชุนเหยียนมา “ข้าขอดูหน่อยเถิดว่าเหลียงอ๋องพร่ำพรรณนาถึงความรักที่มีต่อพี่หญิงใหญ่เช่นไรบ้างถึงไม่ยอมให้ผู้ใดเปิดจดหมายอ่าน!”
กล่าวจบ ไป๋จิ่นจื้อฉีกจดหมายฉบับหนึ่งออกอ่าน “ขอแสดงความนับถือท่านกั๋วกง เราได้รับแผนยุทธวิธีการรบที่หนานเจียงของแคว้นต้าจิ้น…”
“นี่ไม่ใช่จดหมายรักที่เขียนถึงพี่หญิงใหญ่นี่!” ไป๋จิ่นจื้อนึกถึงถ้อยคำทุกถ้อยคำที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวบนรถม้าได้ นางเบิกตาโพลง เงยหน้ามองไปทางองค์หญิงใหญ่และไป๋ชิงเหยียน “เหลียงอ๋อง ต้องการใส่ร้ายว่าท่านปู่ทรยศบ้านเมืองจึงสั่งให้ชุนเหยียนนำจดหมายไปวางไว้ในห้องหนังสือของท่านปู่!”
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึม แววตาเยือกเย็นจับขั้วกระดูกของหญิงสาวกวาดสายตามองไปทางชุนเหยียนที่ร้องไห้จนหายใจแทบไม่ทัน นางกัดฟันแน่น “อ่านต่อไป!”
“เราได้รับแผนยุทธวิธีการรบที่หนานเจียงของแคว้นต้าจิ้นแล้ว เราได้ส่งแม่ทัพหวังหย่วนเจ๋อไปร่วมวางแผนกับแม่ทัพอวิ๋นพั่วสิงของแคว้นซีเหลียงแล้ว…เราได้อ่านจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของท่านกั๋วกงจนจบและส่งคืนไปแล้ว ท่านกั๋วกงวางใจได้ เราจะไม่สร้างปัญหาให้ท่านกั๋วกงในภายหลังแน่นอน”
ไป๋จิ่นจื้ออ่านจบก็พบว่ามีจดหมายอีกฉบับแนบอยู่ในซองเดียวกันจริงๆ ทว่า นั่นไม่ใช่จดหมายที่เขียนด้วยลายมือของท่านกั๋วกง
“ท่านย่า! ด้านหลังมีจดหมายแนบมาอีกฉบับเจ้าค่ะ แต่นั่นไม่ใช่ลายมือของท่านปู่เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อ
กล่าว
มือขององค์หญิงใหญ่สั่นเทา “เอา…เอาจดหมายมานี่!”
ไป๋จิ่นจื้อเดินเข้าไปสองสามก้าวแล้วส่งจดหมายให้องค์หญิงใหญ่
“นี่มัน…ลายมือของจักรพรรดิเกาจู่!” องค์หญิงใหญ่เป็นองค์หญิงของราชวงศ์ที่เกิดจากฮองเฮา ย่อมต้องเคยเห็นลายมือของจักรพรรดิเกาจู่ซึ่งมีอยู่น้อยมากในวังหลวงอยู่แล้ว
เมื่อองค์หญิงใหญ่เห็นจดหมายที่อ้างว่าคือลายมือของท่านกั๋วกง ไป๋ชิงเหยียนจึงรับมาดูต่อ เป็นดังที่ไป๋ชิงเหยียนคาดไว้จริงๆ จดหมายฉบับนี้คือลายมือของจักรพรรดิเกาจู่
เหลียงอ๋องไม่ทำให้นางผิดหวังจริงๆ !
ในจดหมายกล่าวว่าเจิ้นกั๋วกงผู้เป็นท่านปู่ของนางไม่เพียงบอกแผนการรบอย่างละเอียดให้กับหนานเยี่ยนจวิ้นอ๋อง ท่านยังบอกอีกว่าครั้งนี้ได้พาคุณชายทั้งสิบเจ็ดคนไปออกรบด้วย จะรวบรวมอำนาจทางทหารทั้งหมดให้อยู่ในกำมือของตระกูลไป๋ จะทำให้ตระกูลไป๋เป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในแคว้นต้าจิ้น
แต่ละประโยคล้วนจี้จุดในสิ่งที่ฮ่องเต้ทรงหวาดระแวงในตัวตระกูลไป๋ มิน่าเล่า…ชาติที่แล้วฮ่องเต้จึงมีพระราชโองการจัดการกับตระกูลไป๋อย่างเด็ดขาดถึงเพียงนั้น
เลือดที่อยู่ในกายของไป๋ชิงเหยียนพลุ่งพล่าน หญิงสาวคุกเข่าลงตรงหน้าองค์หญิงใหญ่ “ท่านย่า คืนก่อนวันที่น้องหญิงรองจะออกเรือน เหลียงอ๋องใช้ให้ชุนเหยียนมายืมตำราพิชัยสงครามที่ท่านปู่เคยเขียนเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการนัดเจอเพื่อขอบคุณข้า แต่ข้าให้ตำราพิชัยสงครามของจักรพรรดิเกาจู่ไปแทน หวังว่าเหลียงอ๋องจะเข้าใจว่าตระกูลไป๋มิต้องการเกี่ยวข้องกับเขา! เมื่อครู่บ่าวรับใช้ชายข้างกายของเหลียงอ๋องก็ยอมรับออกมาแล้ว ไม่ทราบว่าเหลียงอ๋องทรงเข้าพระทัยผิดว่านั่นคือลายมือของท่านปู่ จงใจใส่ร้ายตระกูลไป๋ของเราหรือไม่เจ้าคะ!”
ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋ชิงเหยียนคลอไปด้วยน้ำตา “ต่างว่ากันว่าเหลียงอ๋องเป็นคนอ่อนแอไร้ความสามารถ ทว่า ดูจากการกระทำของเขา เขาจะไร้ความสามารถได้อย่างไรกันเจ้าคะ! เหลียงอ๋องไม่ได้ต้องการบังคับแต่งงาน แต่ต้องการทำลายล้างตระกูลไป๋ของเราชัดๆ ! ตระกูลไป๋ของเรามีความแค้นอันใดกับ
เหลียงอ๋องกันเจ้าคะ เขาถึงโหดร้ายอำมหิตกับเราถึงเพียงนี้! บุรุษตระกูลไป๋สละชีพเพื่อบ้านเมือง แต่เหลียงอ๋องกลับใส่ร้ายดวงวิญญาณวีรบุรุษของตระกูลไป๋ว่าเป็นกบฏ และยังต้องการชีวิตของสตรีตระกูลไป๋อีก! โชคดีที่วันนี้อิ๋นซวงไปพบว่าชุนเหยียนลอบพบกับบ่าวรับใช้ชายของเหลียงอ๋อง มิเช่นนั้น ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร ข้าไม่กล้าคิดเลยเจ้าค่ะ!”
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกินไปแล้ว!
ใหญ่จนเลือดในกายขององค์หญิงใหญ่เย็นวาบ
หากวันนี้ถงหมัวมัวไม่ไปพบและจับกุมตัวชุนเหยียนและบ่าวรับใช้ชายของเหลียงอ๋องเอาไว้ได้ หากจดหมายเหล่านี้ถูกนำเข้ามาในจวนเจิ้นกั๋วกง เช่นนั้น…ไม่ว่าจวนเจิ้นกั๋วกงจะแก้ต่างอย่างไรก็ไม่อาจล้างมลทินนี้ได้
ชาวบ้านที่ยืนอออยู่เต็มท้องถนนล้วนตกตะลึง เหลียงอ๋องช่างโหดร้ายอำมหิตเสียจริง!
[1] เดรัจฉานสวมเสื้อผ้า หมายถึง คนไร้ศีลธรรมจรรยาเฉกเช่นสัตว์เดรัจฉาน