ตอนที่ 142 มีชีวิตเป็นเดิมพัน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ปล่อยให้ไป๋จิ่นซิ่วพาชาวบ้านไปสรรเสริญฮ่องเต้ว่าไม่ทรงเห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัว ตัดสินทุกอย่างด้วยความเป็นธรรม! ตอนคดีของซิ่นอ๋องก็ไม่พระทัยอ่อนเพียงเพราะซิ่นอ๋องเป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮา ถือเป็นจักรพรรดิที่ปราดเปรื่อง และทรงคุณธรรมที่สุดในใต้หล้า
ให้คนตระกูลไป๋พาชาวบ้านไปตะโกนร้องว่าเชื่อใจว่าฮ่องเต้จะทรงจัดการเหลียงอ๋องที่ต้องการใส่ร้ายตระกูลไป๋อย่างเป็นธรรม
เมื่อคำสรรเสริญของชาวบ้านรู้ถึงพระกรรณของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ที่ทรงรักชื่อเสียง และไม่ค่อยโปรดปรานเหลียงอ๋องโอรสผู้อ่อนแอคนนี้สักเท่าใดอยู่แล้ว จะไม่ทรงจัดการเหลียงอ๋องเพื่อรักษาชื่อเสียงอันดีงามของตัวเองไว้หรืออย่างไรกัน!
ไป๋ชิงเหยียนต้องการให้ชาวบ้านสวมหมวกให้ฮ่องเต้ให้มากและสูงที่สุด
การบีบบังคับไม่ได้มีเพียงวิธีหักดิบอย่างการไปตีกลองเติงเหวินด้วยท่าทีแข็งกร้าวเท่านั้น หมวกแห่งคุณธรรมยิ่งสวมมากเท่าใดก็มักจะทำให้คนหวั่นวิตกมากเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจไม่สวมใส่มัน
ฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์ที่สูงส่ง ทรงหวาดกลัวคำติฉินนินทา และปลายปากกาของขุนนางผู้บันทึกประวัติศาสตร์มากกว่าผู้ใดทั้งหมด
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ทำความเคารพอย่างนอบน้อม “เช่นนั้นก็ลำบากท่านแม่และบรรดาท่านอาสะใภ้ด้วยนะเจ้าคะ!”
มองส่งมารดา บรรดาอาสะใภ้และน้องสาวเดินตรงไปยังประตูอู่เต๋อพร้อมกับชาวบ้านในเมืองหลวง ไป๋ชิงเหยียนขึ้นรถม้าไปพร้อมกับองค์หญิงใหญ่
สองย่าหลานนั่งอยู่บนรถม้า
องค์หญิงใหญ่ซึ่งผมขาวโพลนราวกับชราลงสิบปีนั่งหลับตา เม้มริมฝีปาก นับลูกประคำที่อยู่ในมือไปตลอดทาง
ไป๋ชิงเหยียนนั่งอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านข้าง สีหน้าสงบนิ่งราวกับสายน้ำ
วันนี้เหลียงอ๋องแทบนั่งไม่ติดอยู่ที่จวน ถงจี๋หายไปหลายชั่วยามแล้ว เมื่อเขาส่งคนไปสอบถามก็ได้คำตอบเพียงว่าถงจี๋ยังคงยืนรออยู่ที่ประตูข้างของจวนเจิ้นกั๋วกง ยังไม่ได้พบหน้าสาวใช้ของจวนเจิ้นกั๋วกง
แม้เกาเซิงจะบอกว่าเขาจับกุมตัวหลิวฮ่วนจางได้แล้ว ทว่า หลิวฮ่วนจางเป็นห่วงครอบครัวของเขาจนทนไม่ไหว กล่าวว่าจะไปฟ้องร้องเรื่องท่านกั๋วกงเป็นกบฏแล้ว
ขอเพียงวันนี้ชุนเหยียนนำจดหมายเหล่านั้นเข้าไปในจวนเจิ้นกั๋วกง แม้จะไม่ได้นำไปวางในห้องหนังสือของท่านกั๋วกง ขอแค่จดหมายเหล่านั้นอยู่ในจวน บวกกับคำให้การของหลิวฮ่วนจาง อาศัยแค่ความหวาดระแวงในตัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเสด็จพ่อรวมถึงความไม่พอใจในการกระทำหลายวันมานี้ของไป๋ชิงเหยียน ตระกูลไป๋ต้องถูกตราหน้าว่าทรยศแผ่นดินอย่างแน่นอน!
หากพลาดโอกาสในครั้งนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสลากตระกูลไป๋ให้ลงมาตกต่ำได้อีกเมื่อใด
ส่วนเรื่องการหลอกใช้ไป๋ชิงเหยียน เมื่อสตรีตระกูลไป๋โดนจับเข้าคุกหมดแล้ว เขาค่อยหาทางช่วยไป๋ชิงเหยียน และสตรีของตระกูลไป๋ออกมาสักสองสามคน เขาไม่เชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนจะไม่หลงรักเขาจนหัวปักหัวปำ
ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจของเหลียงอ๋อง ชายหนุ่มหลับตาลงพลางไอออกมาอย่างรุนแรง เขากระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเหลียงอ๋องมีแต่ความเย็นชา
ขอแค่ทำลายชื่อเสียงที่มีมานับร้อยปีของตระกูลไป๋ให้พังพินาศลงได้ ก็ถือว่าเขาแก้แค้นแทนถงกุ้ยเฟย และเสด็จพี่รองได้แล้ว
ส่วนเรื่องหลอกใช้ไป๋ชิงเหยียนให้ได้จวินกงสำหรับปูทางเพื่อครอบครองบัลลังก์ในภายภาคหน้า ความคิดนี้ของเขามันค่อยๆ จืดจางลงแล้ว
การโดนลอบสังหารในครั้งนี้ เขาโดนแทงที่ปอด ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะมีชีวิตรอดไปถึงวันที่ได้ครอบครองบัลลังก์นั้นหรือไม่ บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนแสดงออกว่ารังเกียจเขาอย่างเห็นได้ชัด กล่าวต่อหน้าชาวบ้านทุกคนว่ายอมตายดีกว่าต้องแต่งงานกับเขา เหลียงอ๋องไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาทำไม่ดีพอตรงที่ใด เหตุใดท่าทีของไป๋ชิงเหยียนที่มีต่อเขาจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้
“องค์ชาย! เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย!” พ่อบ้านชราของจวนเหลียงอ๋องตะโกนบอกอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ
เหลียงอ๋องขมวดคิ้วแน่น “เข้ามารายงาน!”
พ่อบ้านรีบเดินเข้าไปด้านในทันที เมื่อทำความเคารพเสร็จจึงกล่าวขึ้น
“องค์ชาย ถงจี๋ลอบพบกับสาวใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นั้นที่ประตูข้างของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่ถูกหมัวมัวของจวนจับได้คาหนังคาเขาพ่ะย่ะค่ะ ขบวนแห่ศพกลับมาถึงเมืองหลวงพอดี เรื่องราวใหญ่โตจนรู้ไปถึงหูขององค์หญิงใหญ่ จดหมายที่องค์ชายเขียนเหล่านั้นถูกเปิดออกอ่านต่อหน้าทุกคน ปรากฏว่ากลายเป็นจดหมายเขียนถึงกันของเจิ้นกั๋วอ๋องและหนานเยี่ยนจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ทว่า ลายมือที่ในจดหมายกล่าวว่าเป็นลายมือของเจิ้นกั๋วอ๋องกลับกลายเป็นลายมือของจักรพรรดิเกาจู่แทนพ่ะย่ะค่ะ! คุณหนูใหญ่ไป๋กล่าวต่อหน้าทุกคนว่าองค์ชายเคยขอยืมตำราพิชัยสงครามที่เจิ้นกั๋วอ๋องเขียนจากนาง เพื่อต้องการปฏิเสธความสัมพันธ์กับพระองค์ นางจึงมอบตำราพิชัยสงครามของจักรพรรดิเกาจู่ให้องค์ชายแทนพ่ะย่ะค่ะ!”
ตำราพิชัยสงครามของจักรพรรดิเกาจู่เช่นนั้นหรือ!
ตำราที่ไป๋ชิงเหยียนมอบให้เขาคือตำราพิชัยสงครามของจักรพรรดิเกาจู่อย่างนั้นหรือ!
เหลียงอ๋องกำหมัดแน่น ใจเต้นรัว ชายหนุ่มแทบทรงตัวไม่อยู่ เซถลาไปทางด้านหลังเล็กน้อย
“องค์ชาย!” พ่อบ้านรีบถลาเข้าไปประคองเหลียงอ๋อง “องค์ชายทรงเป็นอันใดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!”
เหลียงอ๋องปวดศีรษะอย่างรุนแรง ใจเต้นรัวจนแทบจะระเบิดออกมา รู้สึกเหมือนบาดแผลที่เพิ่งสมานเข้าที่แทบจะปริออกอีกครั้ง
“ถงจี๋ล่ะ!” เหลียงอ๋องถามทันทีที่ได้สติ
“องค์หญิงใหญ่นำจดหมาย ถงจี๋และสาวใช้ผู้นั้นไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงของพ่อบ้านจวนเหลียงสั่นเทา
เข้าวัง?
เขาต้องตั้งสติคิดหาวิธีรับมือ
แม้เป็นลายมือของจักรพรรดิเกาจู่แต่เขาก็สามารถอ้างได้ว่าไป๋เวยถิงใช้ลายมือของจักรพรรดิเกาจู่เขียนจดหมายติดต่อหนานเยี่ยนจวิ้นอ๋อง ทว่า ปัญหาหลักคือจดหมายเหล่านี้มาจากตัวของถงจี๋
พ่อบ้านหวาดกลัวเป็นอย่างมาก “องค์ชาย ทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ! มีคนต้องการใส่ร้ายองค์ชายแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! ถงจี๋ต้องหลงกลผู้อื่นอย่างแน่นอน หากองค์ชายยังไหว…ทรงรีบเข้าวังไปอธิบายกับฝ่าบาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เหลียงอ๋องที่สีหน้าเคร่งขรึมเงยหน้ามองพ่อบ้านในทันที ดวงตาเปล่งประกายราวกับคิดข้อแก้ตัวดีๆ ได้แล้ว เขาจับมือของพ่อบ้านแน่น
จดหมายที่เขามอบให้ถงจี๋คือจดหมายรัก เขาแค่หลงรักคุณหนูใหญ่ไป๋ และต้องการแต่งงานกับนางเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าเหตุใดจดหมายในมือของถงจี๋จึงกลายเป็นจดหมายที่เขียนถึงกันของเจิ้นกั๋วกงและหนานเยี่ยนจวิ้นอ๋องไปได้อย่างไร เขาแค่แกล้งโง่ต่อหน้าเสด็จพ่อ แสร้งทำเป็นตกใจจนเสียสติ แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องก็เพียงพอแล้ว
ให้เกาเซิงอ้างเหตุผลว่าต้องการช่วยชีวิตคนตระกูลหลิวพาหลิวฮ่วนจางไปตีกลองที่ศาลต้าหลี่ เป็นพยานว่าเจิ้นกั๋วกงทรยศแผ่นดิน กล่าวว่าเขาเสี่ยงชีวิตกลับมาที่เมืองหลวงเพราะต้องการเปิดเผยความจริงให้ทุกคนได้รับรู้ ดังนั้นเมื่อรู้จุดประสงค์ของเหลียงอ๋องจึงลอบสับเปลี่ยนจดหมายในมือของถงจี๋
แม้มีบันทึกสถานการณ์รบอยู่ ทว่า หลิวฮ่วนจางยอมเสี่ยงชีวิตกลับมาเป็นพยานว่าไป๋เวยถิงทรยศจริงๆ ทุกคนคงเริ่มไขว้เขวกันบ้าง เสด็จพ่อจะได้มีข้ออ้างในการสืบสวนเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง
ซิ่นอ๋องเป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮา เสด็จพ่อและฮองเฮาจะไม่อยากช่วยซิ่นอ๋องหรืออย่างไร! การปรากฏตัวของหลิวฮ่วนจางคือการพลิกสถานการณ์ของซิ่นอ๋อง
ต่อให้เสด็จพ่อต้องการเป็นจักรพรรดิผู้ปราดเปรื่อง ไม่ทรงยอมรับว่าราชโองการแต่งตั้งเจิ้นกั๋วกงเป็นเจิ้นกั๋วอ๋องคือความผิดพลาด ทรงยอมสละโอรสสายตรงอย่างซิ่นอ๋องทิ้ง
ทว่า การปรากฏตัวของหลิวฮ่วนจางต้องทำให้ชื่อเสียงความจงรักภักดีของตระกูลไป๋ต้องแปดเปื้อนอย่างแน่นอน!
เหลียงอ๋องหลับตาใคร่ครวญอย่างละเอียดถี่ถ้วน ขอแค่เขากันตัวเองออกมาจากเรื่องนี้ได้ เขาค่อยวางแผนใหม่ในภายภาคหน้า ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะถลกหนังหน้าตระกูลไป๋ผู้จงรักภักดี ดึงพวกมันให้ตกต่ำลงดิน โดนผู้คนเหยียบย่ำดูถูกให้ได้
เวลากระชั้นชิด เหลียงอ๋องจึงไม่มีเวลาคิดมากนัก เขากล่าวกับพ่อบ้าน
“เรียกเถียนเหวยจวินมาเดี๋ยวนี้! เร็วเข้า!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” พ่อบ้านรับคำแล้วรีบเดินออกไปเรียกเถียนเหวยจวิน
เหลียงอ๋องลุกขึ้นยืนพลางเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ หยิบพู่กันเขียนข้อความสั้นๆ ถึงเกาเซิง เป่าหมึกจนแห้ง เมื่อพับกระดาษเสร็จ เถียนเหวยจวินก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนพอดี
เหลียงอ๋องยื่นจดหมายให้เถียนเหวยจวิน
“เวลากระชั้นชิด ข้าไม่มีเวลาอธิบายกับเจ้ามากนัก! จงนำสิ่งนี้ไปมอบให้เกาเซิง ให้เขาลงมือตามความเหมาะสม ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด เรื่องนี้มีชีวิตเป็นเดิมพัน! รีบไปเร็ว!”