ตอนที่ 145 กรรมตามสนอง
หน้าประตูอู่เต๋อ เซียวรั่วเจียงตีกลองอย่างแรงจนเสียงดังก้องไปทั่ว
เซียวรั่วไห่ได้รับบาดเจ็บจึงคุกเข่าอยู่ด้านข้าง ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปที่เกาเซิง การจับเป็นเกาเซิงทำให้เสียองครักษ์ยอดฝีมือของจวนเจิ้นกั๋วกงไปถึงหกคน แขนซ้ายของเขาก็เกือบใช้การไม่ได้อีกต่อไป คนผู้นี้ฝีมือเก่งกาจยิ่งนัก!
เกาเซิงที่โดนจับกุมตัว หลิวฮ่วนจางที่เสียชีวิตแล้วรวมถึงเถียนเหวยจวินถูกองครักษ์กุมตัวให้คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูอู่เต๋อ
เถียนเหวยจวินขบกรามแน่น จ้องไปที่เกาเซิงเขม็งด้วยดวงตาที่แดงฉาน “เกาเซิง ท่านเกา ท่านจะสังหารข้าอย่างนั้นหรือ!”
เกาเซิงสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาวาวโรจน์ ถ้อยคำนี้…เหลียงอ๋องเคยตรัสกับเขามาก่อน
คืนที่ฝนตกหนัก พายุกระหน่ำ เหลียงอ๋องสั่งให้เขายิงธนูสังหารพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของเขา เมื่อเห็นว่าเขาลังเล เหลียงอ๋องจึงตรัสกับเขาว่า ในเมื่อถูกจับ สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง หากไม่ทำเช่นนี้เรื่องทุกอย่างคงจบเห่แน่ ทำเช่นนี้ดีกว่าโดนจับไปทุกข์ทรมานอยู่ในคุก
เถียนเหวยจวินอ้าปากราวกับอยากจะต่อว่าอันใดอีก ทว่า สุดท้ายกลับกลืนถ้อยคำนั้นลงไปในลำคอ
นี่คือนิสัยของเหลียงอ๋อง เมื่อก่อนเหลียงอ๋องสั่งให้เขาสังหารพี่น้องของตัวเอง เหตุใดวันนี้จะสั่งให้เกาเซิงซึ่งเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของเขาสังหารเขาไม่ได้กัน!
เวรกรรมมีจริงๆ วันนี้เขาถูกกรรมตามสนองแล้ว!
ไป๋จิ่นถงถือจดหมายที่มีลายมือของเหลียงอ๋องที่องครักษ์ตระกูลไป๋ค้นได้จากตัวของเถียนเหวยจวินไว้ในมือ นางอ่านออกมาต่อหน้าทุกคน ป้องกันฮ่องเต้ทรงเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้เพื่อปกป้องโอรสของตนอย่างเห็นแก่ตัว
“สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง เจ้าจงใช้ชีวิตคนในครอบครัวของหลิวฮ่วงจางเป็นตัวประกัน บังคับให้เขาไปสารภาพผิดที่ศาลต้าหลี่ สารภาพกับผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ว่าเขาเป็นคนลอบเปลี่ยนจดหมายในมือของถงจี๋เพราะต้องการให้ทุกคนรับรู้ว่าเจิ้นกั๋วอ๋องทรยศบ้านเมือง! จงทำให้หลิวฮ่วนจางสารภาพว่าที่เขาเสี่ยงตายกลับมาฟ้องร้องเจิ้นกั๋วอ๋องที่เมืองหลวงเพราะเขาต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง! หากเขาไม่ยอมทำตามหรือคิดจะเปิดโปงเรื่องราวทั้งหมดโดยการสารภาพว่าร่วมมือกับข้า ข้าจะให้เขาไปพบกับครอบครัวของเขาในปรโลก หากเขากังวลเรื่องที่บันทึกอยู่ในบันทึกสถานการณ์รบ จงบอกให้เขามิต้องกังวล ข้ามีแผนรับมือแล้ว!”
ชาวบ้านได้ยินไป๋จิ่นถงอ่านจดหมายจบต่างรู้สึกตกตะลึง
ผู้ใดกัน! แทนตัวเองว่าข้า…คือเหลียงอ๋องจริงๆ นะหรือ!
ไป๋จิ่นถงอ่านจดหมายจบก็รู้สึกเดือดดาลมาก ไป๋จิ่นจื้อถีบไปที่ไหล่ซึ่งได้รับบาดเจ็บของเกาเซิงจนเขาล้มลงไปกองอยู่บนพื้น น้ำตาคลอด้วยความโมโห “สารภาพมา! พวกเจ้ากับหลิวฮ่วนจางร่วมมือทำสิ่งใดกันบ้าง! ผู้ที่สมคบคิดกับหนานเยี่ยนจวิ้นอ๋องคือเหลียงอ๋องใช่หรือไม่ พวกเจ้าทรยศบ้านเมืองใช่หรือไม่ บุรุษตระกูลไป๋ของข้าจึงเสียชีวิตจนไม่เหลือรอดกลับมาสักคนเช่นนี้!”
ชาวบ้านได้ยินคำกล่าวของไป๋จิ่นจื้อ ความโกรธที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทวีคูณเข้าไปอีก ต่างตะโกนร้องขอให้ประหารคนทั้งสาม พวกเขานึกถึงบุรุษตระกูลไป๋ที่เสียชีวิตลงที่หนานเจียงไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก นึกถึงคุณชายสิบเจ็ดที่อายุเพียงแค่สิบขวบ ดวงตายิ่งแดงก่ำขึ้น แทบอยากจะเอาดาบแทงหลิวฮ่วนจางให้ตายไปอีกครั้งเดี๋ยวนี้เลย
เกาเซิงเป็นชายฉกรรจ์แข็งแกร่ง เขากัดฟันเตรียมจะลุกขึ้นยืน แต่โดนองครักษ์กดให้คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นอีกครั้ง เขามองไปยังเบื้องหน้าด้วยใบหน้าที่เฉยชาไร้ความรู้สึก
บริเวณด้านหน้าประตูอู่เต๋อ องค์ชายรองผู้เป็นเจ้านายของเขาและพี่ชายของเขาเสียชีวิตลงที่นี่
ไม่นาน องครักษ์ตระกูลไป๋คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามากระซิบข้างใบหูของเซียวรั่วไห่ “จิ่งจ้าวอิ่นทราบว่าพบตัวหลิวฮ่วนจางในเมืองหลวง เขาเตรียมเข้าวังมารับโทษจากฮ่องเต้แล้วขอรับ ชายชราของจวนท่านผู้พิพากษาหลู่จิ้นกล่าวว่า ตอนที่ท่านหลู่จิ้นได้ยินว่าเหลียงอ๋องต้องการใส่ร้ายว่าจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกบฏแล้วองค์หญิงใหญ่ถือจดหมายไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวัง เขาก็ออกเดินทางมาที่นี่ทันทีขอรับ ตอนนี้น่าจะใกล้ถึงวังหลวงแล้วขอรับ”
หูของเกาเซิงกระตุกเล็กน้อย เขาหันไปมองเซียวรั่วไห่ ในใจกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที…เหลียงอ๋องติดกับดักตระกูลไป๋เข้าแล้ว
ร่างที่หยัดตรงของเกาเซิงโค้งงอเล็กน้อย
ไม่นานทหารเฝ้าประตูอู่เต๋อก็ถูกเรียกตัวเข้าไปรายงานฮ่องเต้ในตำหนัก
เมื่อฮ่องเต้เห็นทหารเฝ้าประตูเดินเข้ามาในท้องพระโรงก็เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้งอย่างทนไม่ไหว ตวาดถามเสียงดัง “ผู้ใดตีกลองเติงเหวิน!”
“ทูลฝ่าบาท บ่าวรับใช้ของตระกูลไป๋พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินคำตอบ สายพระเนตรเคร่งขรึมมองไปทางไป๋ชิงเหยียนทันที “เจ้าก่อเรื่องอันใดอีก เราไม่ได้กำลังสอบสวนเรื่องนี้อยู่หรืออย่างไร!”
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้า แสร้งทำเป็นตะลึง “ฝ่าบาท หม่อมฉัน…อยู่ที่หน้าประตูอู่เต๋อหรือเพคะ”
ฮ่องเต้ “…”
องค์หญิงเห็นสีพระพักตร์ที่เคร่งขรึมลงทุกทีของฮ่องเต้ นางรีบรั้งตัวไป๋ชิงเหยียนมาหลบอยู่ด้านหลังตน
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นยังไม่รีบรายงานอีก!” ฮ่องเต้บันดาลโทสะทั้งหมดใส่ทหารเฝ้าประตูอู่เต๋อ
“ทูลฝ่าบาท บ่าวรับใช้ของตระกูลไป๋เสียชีวิตหลายคน พวกเขาจับตัวหลิวฮ่วนจางและองครักษ์ของ
เหลียงอ๋องอีกสองคนได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเขามาตีกลองเติงเหวินโดยไม่สนบาดแผลบนร่างกาย ร้องทุกข์ว่าตระกูลไป๋ถูกใส่ร้าย ฟ้องร้องว่าเหลียงอ๋องทรยศบ้านเมือง คิดใส่ร้ายขุนนางผู้จงรักภักดีพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนใจชื้นในทันที มือที่ประสานอยู่ที่หน้าท้องค่อยๆ ผ่อนแรง สายตาคมกริบเหลือบมองไปทางเหลียงอ๋อง
“หลิวฮ่วนจาง?!” มือที่สวมแหวนหยกปานจื่อ[1] ของฮ่องเต้สั่นเทาเล็กน้อย
เหลียงอ๋องตัวสั่นไปทั้งร่าง ร้องตะโกนออกมาทันที “ลูกถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อต้องคืนความยุติธรรมให้ลูกนะพ่ะย่ะค่ะ! ต่อให้ลูกมีความกล้าเพียงใดก็มิกล้าทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ!”
ปากของเหลียงอ๋องร้องตะโกนออกมาว่าถูกใส่ร้าย แต่ในใจกำลังคิดวางแผนรับมืออย่างรวดเร็ว
“เสด็จพ่อ! ลูกมิได้ทำนะพ่ะย่ะค่ะ!” ร่างของเหลียงอ๋องยังคงสั่นเทาอยู่ น้ำมูกน้ำตาไหลออกมายิ่งตอกย้ำความอ่อนแอไร้ความสามารถของเขาให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น
“พาตัวเข้ามาให้หมด! เราจะไต่สวนด้วยตัวเอง!” ฮ่องเต้ตรัสเสียงรอดไรฟัน
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารเฝ้าประตูเหลือบมองดูเหลียงอ๋องที่ร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายแวบหนึ่ง เงยหน้าขึ้นพลางกล่าวสำทับ “ยังมีอีกเรื่องพ่ะย่ะค่ะ หลิวฮ่วนจางเสียชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ องครักษ์ของจวนเหลียงอ๋องเป็นคนฆ่าปิดปาก องครักษ์อีกคนที่โดนจับตัวมาด้วยก็เกือบถูกองครักษ์ที่ชื่อเกาเซิงนั่นฆ่าปิดปากเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ”
“นำตัวเข้ามาให้เรา!” ฮ่องเต้กวาดถ้วยน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะทั้งหมดร่วงลงพื้น
“พ่ะย่ะค่ะ” ทหารเฝ้าประตูรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
เหลียงอ๋องร้องไห้อย่างหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม “เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ทำพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อต้องเชื่อลูกนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ขันทีเล็กเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน กล่าวอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาท ผู้พิพากษาหลู่จิ้นของศาลต้าหลี่ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้หลู่จิ้นเข้ามา!” ฮ่องเต้ปวดศีรษะกับเสียงร้องไห้ของเหลียงอ๋อง
ไม่นาน เซียวรั่วไห่ เกาเซิงและเถียนเหวยจวินก็โดนพาตัวเข้ามา
หลิวฮ่วนจางเสียชีวิตแล้ว หากนำเข้ามาในวังหลวงถือเป็นสิ่งอัปมงคล ดังนั้นทหารจึงปล่อยศพเขาไว้ที่ด้านนอกวัง คนที่ฮ่องเต้ส่งไปยืนยันตัวตนเดินเข้ามาพร้อมกับเซียวรั่วไห่ เกาเซิงและเถียนเหวยจวิน เขาคุกเข่าลงรายงาน “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมให้คนพาภรรยาและบุตรสาวของหลิวฮ่วนจางไปยืนยันตัวตนแล้วพ่ะย่ะค่ะ ผู้ที่ตายคือหลิวฮ่วนจางจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“เกาเซิง! เหตุใดเจ้าต้องทำร้ายองค์ชายด้วย! หากไม่ใช่เพราะองค์ชายช่วยเหลือเจ้าเอาไว้ เจ้าตายไปนานแล้ว! องค์ชายดีกับเจ้าถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้าต้องใส่ร้ายพระองค์ด้วย!” ถงจี๋เห็นเกาเซิงก็แทบอยากเข้าไปกัดคนหน้าตายอย่างเขา
เกาเซิงเม้มปากแน่น คุกเข่าอยู่กลางท้องพระโรงโดยไม่เอ่ยสิ่งใดทั้งสิ้น ปล่อยให้เลือดสดชุ่มไปทั่วทั้งชุดสีดำของเขา เลือดที่ยังคงไหลไม่หยุดหยดลงบนพื้นทีละหยดอย่างเห็นได้ชัด
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปยังเกาเซิง หรี่ตาลง เขารู้สึกคุ้นหน้าคนผู้นี้ราวกับเคยเห็นที่ใดมาก่อน
“เสด็จพ่อ! ลูกไม่ได้ทำเรื่องที่ชั่วช้าเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานนั่นจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ! ลูกขี้ขลาดเพียงใด เสด็จพ่อก็ทรงทราบดี!” เหลียงอ๋องยังคงร้องไห้ต่อ
[1] แหวนปานจื่อ เป็นแหวนทรงกลมขนาดใหญ่ มักจะสวมที่นิ้วโป้ง