ตอนที่ 155 ช่วยปกป้องบ้านเมือง
“ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นถงกำชับอย่างเป็นกังวล
“วันที่สิบห้าพี่คงไปส่งเจ้าไม่ได้แล้ว เดินทางอยู่ข้างนอกจงระวังตัวให้ดีนะ!” ไป๋จิ่นซิ่วดวงตาแดงก่ำ จากนั้นหันไปมองไป๋ชิงเหยียน “วันที่พี่หญิงใหญ่เดินทางไปหนานเจียง หากจิ่นซิ่วมาส่งไม่ได้ พี่หญิงใหญ่ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะเจ้าคะ จิ่นซิ่วจะรอพี่หญิงใหญ่กลับมาเมืองหลวงอย่างสมเกียรติเจ้าค่ะ”
“ข้าไปส่งพี่หญิงรองเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อลุกขึ้นยืน!
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับไป๋จิ่นจื้อ “เจ้าไปเชิญเจี่ยงหมัวมัวให้ไปส่งจิ่นซิ่วที่จวนจงหย่งโหว ส่วนเจ้าติดตามไปด้วย ทุกคนที่จวนจงหย่งโหวจะได้รู้ว่าจิ่นซิ่วมีองค์หญิงใหญ่และสตรีทั้งหมดของตระกูลไป๋คอยปกป้องอยู่ คนในเมืองหลวงทุกคนจะได้รับรู้ว่าจิ่นซิ่วมิใช่คนที่จะมารังแกได้ง่ายๆ”
“พี่หญิงใหญ่ เมื่อวานท่านย่าบอกไว้แล้วเจ้าค่ะว่าวันที่พี่หญิงรองกลับจวนให้เจี่ยงหมัวมัวนั่งรถม้าขององค์หญิงใหญ่ไปพร้อมกับพี่หญิงรองเจ้าค่ะ! ท่านย่าพยายามปูทางให้พี่หญิงรองอยู่ที่จวนจงหย่งโหวได้อย่างสงบสุขที่สุดเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นถงเอ่ยเสียงเบา
แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่นึกเลยว่าองค์หญิงใหญ่จะเป็นคนเริ่มทำก่อนเช่นนี้ หญิงสาวพยักหน้า “ดี เช่นนั้นพี่ก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีกแล้ว”
มองส่งน้องสาวทั้งสามคนเดินจากไป ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยกับชุนเถา “ชุนเถา เปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้ข้า สั่งให้คนไปเรียกเซียวรั่วไห่มาด้วย”
ชุนเถาเห็นสีหน้าขาวซีดของไป๋ชิงเหยียน นางอยากเกลี้ยกล่อมแต่ก็รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อันใด นางจึงได้แต่ย่อกายรับคำสั่งทั้งน้ำตา “เจ้าค่ะ!”
ยังไม่ถึงเวลาที่นางจะนอนหลับฝันหวานได้ แต่นางกลับสลบไปถึงสองวัน
ไม่รู้ว่าสองวันมานี้เหลียงอ๋องที่อยู่ในคุกจะมีความเคลื่อนไหวอันใดบ้างหรือไม่ การสอบสวนเกาเซิง ถงจี๋และเถียนเหวยจวินได้เรื่องอันใดคืบหน้าบ้างหรือไม่
หลังจากที่เซียวรั่วไห่ทราบว่าไป๋ชิงเหยียนฟื้นแล้ว เขาเตรียมพร้อมรอคุณหนูใหญ่เรียกไปพบนานแล้วดังนั้นจึงไปถึงอย่างรวดเร็ว
“สาวใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่ที่นามว่าชุนเหยียนสารภาพเรื่องราวทั้งหมดออกมาทันทีที่เริ่มถูกทรมานขอรับ เมื่อวานเสียชีวิตแล้วเพราะเสียเลือดมากขอรับ เกาเซิงเป็นคนแข็งแกร่งคนหนึ่งเลยขอรับ ได้ยินว่าไม่ว่าคนของศาลต้าหลี่ใช้วิธีการสอบสวนรุนแรงเพียงใดก็ไม่ได้คำตอบใดๆ จากเกาเซิงเลยขอรับ ถงจี๋โดนทรมานอย่างหนักในคุก แต่ถามสิ่งใดก็เอาแต่ตอบว่าไม่ทราบขอรับ มีเพียงเถียนเหวยจวินที่ยอมสารภาพทุกอย่าง แต่สิ่งที่เขารู้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด ทว่า เหลียงอ๋องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเสบียงอาหารที่หนานเจียงอย่างแน่นอนขอรับ”
เซียวรั่วไห่โค้งกายอย่างนอบน้อมพลางเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคุกให้ไป๋ชิงเหยียนฟังอย่างกระชับสั้นๆ
“มีอีกเรื่องขอรับ วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ตระกูลไป๋เคลื่อนขบวนศพเสร็จ ฉีอ๋องเสด็จมาที่จวนเจิ้นกั๋วกงขอรับ ทรงชูป้ายอาญาสิทธิ์ให้องค์หญิงใหญ่เหมือนว่าต้องการขอพบคุณหนูใหญ่ขอรับ แต่ตอนนั้นคุณหนูใหญ่ยังไม่ฟื้น ฉีอ๋องสนทนากับองค์หญิงใหญ่อย่างเป็นความลับอยู่ประมาณครึ่งชั่วยาม จากนั้นจึงเสด็จกลับไปอย่างเงียบเชียบ มีเพียงองค์หญิงใหญ่และฮูหยินเท่านั้นที่ทราบเรื่องนี้ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่แปลกใจเลย ไม่มีซิ่นอ๋อง ฉีอ๋องต้องได้แต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้ว การไปหนานเจียงในครั้งนี้หากฉีอ๋องมิได้คิดเล่นตุกติกอันใด การมาพบนางเพื่อดูท่าทีของนางก่อนถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
ส่วนท่านย่ากล่าวสิ่งใดกับฉีอ๋อง นางไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูสามมาเจ้าค่ะ…”
สิ้นเสียงของชุนเถา ไป๋จิ่นถงแหวกม่านเดินเข้ามาด้านในด้วยอาการหอบเล็กน้อย
“พี่หญิงใหญ่” ไป๋จิ่นถงย่อกายทำความเคารพพลางกล่าว “วังหลวงมีพระราชโองการแต่งตั้งฉีอ๋องเป็นองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ ทรงให้องค์รัชทายาทนำทัพไปยังหนานเจียงในวันที่สิบห้า เดือนหนึ่งและสั่งให้ซื่อหลาง[1]กรมการคลังส่งเสบียงอาหารไปหนานเจียงด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นถงได้ยินข่าวก็วิ่งรีบมาบอกไป๋ชิงเหยียนในทันที
องค์รัชทายาทนำทัพออกรบ พี่หญิงใหญ่ต้องติดตามไปด้วยอย่างแน่นอน เช่นนั้นก็หมายความว่าพี่หญิงใหญ่จะต้องออกเดินทางในวันที่สิบห้านี้แล้ว…
วันที่สิบห้า เดือนหนึ่ง เร็วเพียงนี้เลยหรือ
ไป๋ชิงเหยียนกำชายเสื้อของตัวเองอย่างเบามือ พยักหน้า “พี่รับรู้แล้ว”
ชุนเถาที่เฝ้าอยู่นอกประตูเห็นฉินหมัวมัว บ่าวรับใช้ข้างกายของต่งซื่อเดินมาอย่างรีบร้อน นางทำความเคารพ “ฉินหมัวมัว…”
“คุณหนูใหญ่ตื่นอยู่หรือไม่”
“ตื่นแล้วเจ้าค่ะ กำลังสนทนากับคุณหนูสาม บ่าวจะไปรายงานเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
ชุนเถาเตรียมแหวกม่านเดินเข้าไปด้านในก็ได้ยินฉินหมัวมัวกล่าว “องค์รัชทายาทเสด็จมารอพบคุณหนูใหญ่อยู่ที่โถงรับรองด้านหน้า ฮูหยินจิบน้ำชาเป็นเพื่อนพระองค์อยู่”
ชุนเถาตะลึง รีบเดินเข้าไปด้านใน
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินแล้ว นางลุกขึ้นยืนสั่งชุนเถา “นำเสื้อคลุมขนจิ้งจอกมาให้ข้า!”
วันที่สิบห้าก็จะออกเดินทางแล้ว องค์รัชทายาทอาจอยากสอบถามถึงแผนรับมือกับกองทัพที่ร่วมมือกันของซีเหลียงและหนานเจียงของไป๋ชิงเหยียน นี่คือเรื่องที่สมควรแล้ว เพราะจวินกงจะตกเป็นขององค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทต้องอยากให้สงครามครั้งนี้ชนะยิ่งกว่าผู้ใดทั้งหมด เมื่อเป็นเช่นนั้นจวินกงที่ได้รับมาอย่างสมเกียรติจะยิ่งทำให้เขามีโอกาสครอบครองบัลลังก์นั้นมากยิ่งขึ้น
ไป๋ชิงเหยียนเดินตามฉินหมัวมัวไปยังโถงรับรองด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ต่งซื่อกำลังจิบชาอยู่กับองค์รัชทายาท สายตาเหลือบไปเห็นบุตรสาวร่างผอมซูบในชุดไว้อาลัยสีขาวก้าวเข้ามาในโถงรับรองโดยมีสาวใช้คอยช่วยประคอง องค์รัชทายาทวางถ้วยชาในมือลง “คุณหนูใหญ่ไป๋”
“คาราวะองค์รัชทายาทเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะย่อกายทำความเคารพ “ชิงเหยียนล้มป่วย ยังมิได้ยินดีกับองค์รัชทายาทที่ได้ย้ายไปตำหนักบูรพาเลยเพคะ องค์รัชทายาทได้โปรดอภัยด้วยเพคะ”
แม้สตรีเบื้องหน้าจะมีใบหน้าซีดเซียวอ่อนแอ ทว่า มิอาจบดบังความงดงามน่าตะลึงของนางได้เลยแม้แต่น้อย
องค์รัชทายาทมิได้มีกิริยาที่หยาบคาย เขาทำความเคารพกลับอย่างเคารพ “เรารู้ดีว่าเรายังไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ เราหวังเพียงว่าจะได้ร่วมแรงร่วมใจปกป้องแคว้นต้าจิ้นร่วมกับคนที่มีคุณธรรมและมากไปด้วยความสามารถ คนที่จะช่วยเหลือเราปกป้องบ้านเมืองแห่งนี้”
ไป๋ชิงเหยียนเบี่ยงกายหนีการทำเคารพขององค์รัชทายาทเล็กน้อย เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา “องค์ชายมาที่นี่เพราะเรื่องการเดินทางในวันที่สิบห้าใช่หรือไม่เพคะ”
“คุณหนูใหญ่ไป๋ป่วยหนักยังมิหายดี ไม่ทราบว่าจะเดินทางไกลไหวหรือไม่”
องค์รัชทายาทไม่ได้หลบเลี่ยงต่งซื่อ ต่งซื่อก็ไม่คิดจะถอยฉากไปเช่นกัน
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามององค์รัชทายาท รู้ดีว่าที่องค์รัชทายาทเสด็จมาในวันนี้ ประการแรกก็เพราะต้องการมาดูว่านางฟื้นแล้วหรือไม่ พร้อมจะออกเดินทางไปพร้อมกับเขาในวันที่สิบห้าหรือไม่ ประการต่อมาคือต้องการสอบถามว่านางมีการเตรียมการรับมือเช่นไรบ้าง ง่ายๆ ก็คือต้องการทราบว่านางจะติดตามเขาไปในฐานะใดจึงจะมอบจวินกงให้เขาได้
“องค์ชายวางใจได้เพคะ หม่อมฉันยังไหว เพียงแต่การเดินทางไปหนานเจียงในครั้งนี้ ชิงเหยียนเป็นสตรีจึงไม่ค่อยสะดวกมากนัก หม่อมฉันจึงตัดสินใจจะแต่งกายเป็นชายเพื่อติดตามองค์ชายไปในฐานะที่ปรึกษา ไม่ทราบว่าองค์ชายทรงเห็นด้วยหรือไม่เพคะ”
“คุณหนูใหญ่ไป๋วางแผนได้รอบคอบยิ่งนัก” เมื่อได้คำตอบที่แน่นอนแล้ว องค์รัชทายาทจึงไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีก เขากล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้น คุณหนูใหญ่พักผ่อนรักษาตัวเถิด เราจะให้คนส่งของบำรุงมาให้ หวังว่าจะช่วยให้คุณหนูใหญ่ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น”
องค์รัชทายาทไม่ถามเรื่องสงครามที่หนานเจียงอย่างนั้นหรือ!
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลง สายตาหยุดอยู่ที่รองเท้าหนังกวางขององค์รัชทายาท กล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “วันนี้จิ่นซิ่วน้องหญิงรองของหม่อมฉันจะกลับไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับฉินหล่างที่จวนจงหย่งโหว ทุกคนห้ามอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง บัดนี้ตระกูลไป๋ไร้ซึ่งบุรุษ ชิงเหยียนขอบังอาจเรียกองค์รัชทายาทว่าญาติผู้พี่ ไม่ทราบว่าญาติผู้พี่จะช่วยไปส่งน้องหญิงรองที่จวนจงหย่งโหวได้หรือไม่เพคะ คุณหนูทั้งสองของจวนจงหย่งโหวจะได้รู้ว่าแม้ตระกูลไป๋จะไม่หลงเหลือบุรุษอยู่แล้ว ทว่า จิ่นซิ่วยังมีญาติผู้พี่คอยคุ้มครอง พวกนางจะได้เกรงกลัว ไม่กล้าทำร้ายจิ่นซิ่วอีก”
องค์รัชทายาทอยากได้จวินกงจากนาง นางให้ได้ ทว่า องค์รัชทายาทก็ควรทำสิ่งใดเพื่อเป็นการตอบแทนตระกูลไป๋บ้าง
ไป๋ชิงเหยียนปฏิบัติตนอย่างอ่อนน้อมที่สุด อ้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกพี่ลูกน้องขอให้องค์รัชทายาทคุ้มครองไป๋จิ่นซิ่วให้ปลอดภัย ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกหรือเหตุผลก็มิอาจบ่ายเบี่ยงได้ทั้งสิ้น
เป็นดังคาด องค์รัชทายาทตอบตกลงในทันที “เรากับตระกูลไป๋เป็นเครือญาติกันอยู่แล้ว บุรุษตระกูลไป๋ไม่อยู่แล้ว เราจะเป็นพี่ชายแท้ๆ ให้คุณหนูตระกูลไป๋เอง! เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เหตุใดจะไม่ได้เล่า คุณหนูใหญ่วางใจเถิด มีเราอยู่ เราจะไม่ยอมให้คุณหนูรองถูกรังแกแน่นอน”
ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งฟื้นขึ้นมา ร่างกายยังอ่อนแออยู่ นางจึงยืนส่งไป๋จิ่นซิ่วแค่หน้าประตูจวน
———————————————
[1] ซื่อหลาง หมายถึงตำแหน่งผู้ช่วยของผู้บังคับบัญชาของกรมนั้นๆ ในที่นี้หมายถึงผู้ช่วยของเสนบดีกรมการคลัง