ตอนที่ 177 ไร้เทียมทาน
สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน เซียวรั่วไห่โยนแผนที่ของภูเขาเวิ่งที่เก็บไว้ในอกให้เสิ่นเหลียงอวี้ เสิ่นเหลียงอวี้รับมาพลางเปิดออกดูด้วยมือข้างเดียว เมื่อเห็นว่าเป็นแผนที่ภูมิประเทศของภูเขาเวิ่งโดยละเอียด ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นประกาย ราวกับว่าเมื่อมีเสี่ยวไป๋ไซว่และแผนที่ฉบับนี้อยู่ ชัยชนะก็อยู่ในกำมือของพวกเขาแล้ว เขาไม่กล้ารอช้า กล่าวตะโกนออกมาเสียงดัง “น้อมรับบัญชาขอรับ!”
เสิ่นเหลียงอวี้รับคำสั่งแล้วพาทหารค่ายหู่อิงจากไป เตรียมปีนขึ้นเขาจากทางด้านข้างเพื่อช่วยคุ้มกันทหารหนึ่งพันนายที่ไป๋ชิงเหยียนนำมา
“เซียวรั่วไห่!”
เซียวรั่วไห่ได้ยินเสียงจึงขยับไปด้านหน้า “ขอรับ!”
“เจ้าจงนำทหารยี่สิบห้านายแบกธงสัญลักษณ์ของกองทัพไป๋มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกของหุบเขาเวิ่งโดยเร็วที่สุด ให้ธงของกองทัพไป๋ตั้งตระหง่านสูงเด่นอยู่ที่ฝั่งตะวันออกของหุบเขาเวิ่งเพื่อข่มขวัญและกำลังใจของกองทัพซีเหลียงที่อยู่ในหุบเขา”
เซียวรั่วไห่ขบกรามพลางพยักหน้า “น้อมรับบัญชาขอรับ!”
“ไป๋จิ่นจื้อ!”
ได้ยินเสียงพี่หญิงใหญ่เอ่ยเรียก ไป๋จิ่นจื้อเลือดในกายพลุ่งพล่านขึ้นทันที รีบขี่ม้าไปด้านหน้าเพื่อรอรับคำสั่ง “เจ้าค่ะ!”
“ศึกครั้งนี้เจ้าห้ามอยู่ห่างจากพี่เป็นอันขาด! หากฝ่าฝืน รับโทษตามกฎของกองทัพ!”
ไป๋จิ่นจื้อนิ่งอึ้ง รีบถามต่อในทันที “พี่หญิงใหญ่ พวกเขาได้นำทัพกันทุกคน เหตุใดข้าต้องติดตามพี่หญิงใหญ่ด้วยเจ้าคะ! พี่หญิงใหญ่ดูถูกข้าหรือเจ้าคะ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวซื่อได้ออกรบในสนามรบจริง ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนรู้ซึ้งถึงความห่วงใยที่ท่านพ่อมีให้นางแล้ว ไม่ว่านางจะเก่งกาจสักเพียงใด ท่านพ่อมักจะรั้งนางไว้อยู่ข้างกายเพื่อคอยปกป้องเสมอ เช่นเดียวกับที่นางทำกับไป๋จิ่นจื้อในตอนนี้
“เวลากระชั้นชิด บัดนี้พี่ทำได้เพียงยกคันธนูเซ่อรื้อขึ้นได้อีกครั้ง หากเจ้าอยู่ข้างกายพี่ เจ้าจะสามารถปกป้องพี่จากการต่อสู้ในระยะประชิดได้!”
ถ้อยคำนี้นอกจากเป็นการหลอกล่อให้ไป๋จิ่นจื้อตามติดเพื่อปกป้องนางแล้ว ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องโกหก…
ระยะเวลากระชั้นชิด สิ่งที่นางรื้อฟื้นขึ้นมาได้มีเพียงการยิงธนูเซ่อรื้อเท่านั้น แม้นางจะถือหอกหงอิงไว้ในมือ ทว่า นางไม่อาจใช้มันเป็นอาวุธสังหารศัตรูได้ดังเช่นเหมือนก่อนอีกแล้ว แต่นางจำเป็นต้องพกมันติดตัว เป็นเพียงสัญลักษณ์อย่างหนึ่งเท่านั้น ขี่ม้าศึก ถือหอกหงอิงและธนูเซ่อรื้อ กองทัพไป๋มองเห็นถึงจะรู้ว่านางมาแล้ว!
เหมือนดังธงสัญลักษณ์ของกองทัพไป๋ เพียงแค่ปักอยู่ตรงนั้น…ก็สามารถสร้างความกล้าหาญและเข้มแข็งให้แก่ทหารทุกคนของกองทัพไป๋ได้
ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ ไป๋จิ่นจื้อก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าค่ะ! ไป๋จิ่นจื้อน้อมรับบัญชาเจ้าค่ะ!”
กล่าวจบ ไป๋จิ่นจื้อแอบลูบด้านหน้าของธงซึ่งมีสัญลักษณ์ของกองทัพไป๋ที่นางใส่ไว้ที่อก นึกไม่ถึงว่าจะลูบไปโดนตราทัพ นางรีบล้วงหยิบตราทัพส่งคืนไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ ตราทัพเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนจำรายละเอียดในแผนที่ได้ขึ้นใจ หญิงสาวนำกองทัพไปทางลัด ต้องไปให้ถึงหุบเขาเวิ่งโดยเร็วที่สุดจนกองทัพซีเหลียงคาดไม่ถึง
เหยี่ยวที่อวิ๋นพั่วสิงนำติดตัวมาด้วยทุกครั้งที่ออกรบส่งเสียงร้องและบินวนไปวนมาอยู่ด้านบนของหุบเขาเวิ่ง
ภายในหุบเขาเต็มไปด้วยเสียงรบราฆ่าฟัน เลือดสาดกระเซ็น น้ำโคลนกระจายเปื้อนไปทั่ว หอกและโล่หักพัง ซากศพนับหมื่นกองรวมกัน ชิ้นส่วนของร่างกายกระจายเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด
เหล่าทหารเหยียบย่ำไปบนร่างของศัตรูหรืออาจเป็นร่างของสหายแคว้นเดียวกัน มือถือหอกยาวและโล่ใหญ่แน่น ดวงตาของแต่ละคนแดงฉาน
ทิศตะวันตกของหุบเขาเวิ่ง พลหน้าไม้โดยการนำทัพของจางตวนรุ่ยเล็งหน้าไม้ไปยังทหารซีเหลียงที่อยู่ด้านล่างหุบเขาจากนั้นยิงสังหาร ทหารพลรบระยะประชิดตัวยืนคุ้มกันอยู่ทางด้านหลังของพลหน้าไม้ ป้องกันทหารของซีเหลียงลอบเข้ามาโจมตีจากทางทิศตะวันตก
ทิศตะวันออกของหุบเขาเวิ่ง พลธนูของกองทัพซีเหลียงเล็งธนูไปยังทหารต้าจิ้นที่อยู่ด้านล่างหุบเขาจากนั้นยิงสังหาร ทว่า น่าเสียดายที่น้ำมัน ก้อนหินและท่อนซุงที่พวกเขาลำเลียงส่งขึ้นมาทางฝั่งตะวันออกของหุบเขาเวิ่งกลับเล็งโดนกองทัพของซีเหลียงเอง ทหารต้าจิ้นอยู่ไม่ตรงเป้าที่จะโดนโจมตีสักเท่าใด กลับเป็นทหารซีเหลียงที่อยู่ตรงเป้ามากกว่า พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี…ไม่กล้าโยนก้อนหิน น้ำมันและท่อนซุงลงไปด้านล่าง
ทางออกของหุบเขาเวิ่งทางฝั่งยอดเขาจิ่วชวี แม่ทัพเจินเจ๋อผิง แม่ทัพสือพานซานและแม่ทัพจางตวนรุ่ยพยายามอย่างสุดความสามารถจนกำจัดกองทัพของซีเหลียงได้ส่วนหนึ่ง พวกเขาปิดตายทางออกตามแผนการที่วางไว้ จากนั้นแม่ทัพเจินเจ๋อผิงก็นำทัพเข้าไปในหุบเขาอีกครั้งเพื่อต่อสู้ระยะประชิดกับทหารซีเหลียง
กองทัพยอดฝีมือจำนวนหนึ่งหมื่นสองพันนายที่ดักซุ่มอยู่ตรงปากแม่น้ำอูตานซึ่งเป็นทางเข้าของหุบเขาเวิ่งและกองทัพไป๋จำนวนหนึ่งหมื่นนายที่เฉิงหย่วนจื้อเป็นผู้นำทัพช่วยกันปิดตายปากแม่น้ำอูตานที่กองทัพ
ซีเหลียงใช้เป็นทางถอยหนีออกมา พวกเขากำจัดทหารซีเหลียงที่หนีมาจนราบเรียบ
เฉิงหย่วนจื้อซึ่งคาดผ้าไว้อาลัยไว้ที่ศีรษะตัดศีรษะของแม่ทัพซีเหลียงได้หนึ่งคน ลูกธนูของซีเหลียงลอยลิ่วมาจากด้านบนฝั่งตะวันออกของหุบเขา ปักลงที่บ่าของของเฉิงหย่วนจื้ออย่างจัง แรงของลูกธนูแรงจนทำให้เฉิงหย่วนจื้อเซล้มลงไปบนกองซากศพซึ่งนองไปด้วยเลือดที่อยู่ทางด้านหลัง
เลือดผสมโคลนเปื้อนไปทั่วใบหน้าของเฉิงหย่วนจื้อ บดบังการมองเห็นของเขา เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายอยู่ครู่หนึ่ง ทหารที่ตะโกนเรียกเขาว่าแม่ทัพรีบเข้ามาช่วยพยุงเขาลุกขึ้น
เขาใช้ดาบยาวช่วยประคองร่างของตัวเอง ปาดเลือดที่ติดอยู่บนใบหน้าออก ดวงตาแดงฉาน กัดฟันหักส่วนปลายของลูกธนูออก มองไปยังทหารซีเหลียงซึ่งอยู่ด้านบนฝั่งตะวันออกของหุบเขาที่กำลังเล็งธนูมาที่เขา ตวาดเสียงดัง “ไม่ต้องสนใจข้า! กองทัพไป๋จงฟังคำสั่ง! ศึกครั้งนี้รบจนตัวตาย! ต้องตัดศีรษะของอวิ๋นพั่วสิงมาให้ได้ ต้องล้างแค้นให้ท่านแม่ทัพและเหล่าพี่น้องของกองทัพไป๋ให้ได้!”
“แก้แค้น!”
“แก้แค้น!”
เลือดในกายของทหารกองทัพไป๋ทุกคนที่อยู่ในสนามรบพลุ่งพล่าน ทุกคนพร้อมตายในสนามรบ ดวงตาแดงฉานเพราะความอาฆาต บุกฆ่าจนกองทัพซีเหลียงได้แต่ถอยหลังหนี
อวิ๋นพั่วสิงที่ถูกบรรดาแม่ทัพของซีเหลียงคุ้มกันอยู่ตรงกลางได้ยินเฉิงหย่วนจื้อตะโกนว่าจะตัดศีรษะของเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “แม้แต่ไป๋เวยถิงยังทำอันใดข้าไม่ได้ เฉิงหย่วนจื้อเป็นแค่แม่ทัพคนหนึ่งของกองทัพไป๋ กล้ากล่าววาจาโอหังว่าจะตัดศีรษะของข้าอย่างนั้นหรือ! กองทัพใหญ่ของซีเหลียงที่มาออกรบมีทั้งหมดเจ็ดหมื่นกว่านาย! แม้ข้าจะถูกล้อมอยู่ในหุบเขา ทว่า กองทัพของข้าแข็งแกร่งและมีจำนวนมากกว่าต้าจิ้นไม่รู้ตั้งกี่เท่า ขอแค่ข้าทนได้ถึงกลางคืน กองทัพใหญ่ของซีเหลียงต้องมาเสริมทัพอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นแค่เหยียบ…ก็สามารถเหยียบจนพวกเจ้าพ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพแล้ว! เฉิงหย่วนจื้อ หากข้าเป็นเจ้าจะรีบหนีไปเสียตอนนี้!”
สิ้นเสียงของอวิ๋นพั่วสิง มีเสียงต่อสู้ดังมาจากด้านบนฝั่งตะวันออกของหุบเขาเวิ่ง ทหารซีเหลียงที่เดิมทีเล็งธนูมายังทหารต้าจิ้นที่อยู่ในหุบเขา บัดนี้หันกลับไปยิงใส่ทางด้านหลังด้วยสีหน้าตกตะลึง ยังไม่ทันที่ทหารซีเหลียงจะยิงธนูออกไป ลูกธนูมากมายตกลงมาจากทางออกด้านบนสุดของหุบเขาเวิ่งฝั่งยอดเขาจิ่วชวี
พลหน้าไม้ของค่ายหู่อิงปรากฏร่างออกมา ทหารซีเหลียงที่อยู่ทางด้านบนตะโกนร้องดังระงม มีทหารที่โดนยิงพลัดตกจากหุบเขาลงไปด้านล่าง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทหารซีเหลียงที่อยู่ในหุบเขาสติแตกทันที
พลธนูของซีเหลียงเล็งยิงไปยังยอดเขาที่เชื่อมต่อระหว่างหุบเขาเวิ่งและยอดเขาจิ่วชวี ทว่า เพราะยิงจากที่ต่ำจึงไม่อาจทำอันใดทหารค่ายหู่อิงที่อยู่บนที่สูงได้
เห็นเพียงเสิ่นเหลียงอวี้กัดฟันใช้เชือกปีนขึ้นไปบนยอดเขาสูงสุดอย่างรวดเร็ว ดึงธงสัญลักษณ์ของกองทัพไป๋ออกมาจากหลัง กำก้านธงแน่น คำรามและปักธงลงไปบนยอดเขาสูงสุดด้วยแรงทั้งหมดที่มี!
ด้านบนสุด…ตำแหน่งที่ทุกคนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋ปลิวไสวไปมาตามแรงลมจนเกิดเสียง!
“ธงเฮยฟานไป๋หมั่ง! นั่นกองทัพไป๋!”
“กองทัพไป๋! ต้องเป็นพี่น้องค่ายหู่อิงแน่นอน!”
ทหารกองทัพไป๋ในหุบเขาเต็มไปด้วยความปิติยินดี เมื่อร้องตะโกนเสร็จก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ราวกับดื่มยาดีเข้าไป ต่างยกดาบสังหารศัตรูอย่างคึกคะนอง “ทหารกองทัพไป๋ ดาบแหลมพุ่งไปทางใด สังหารได้อย่างไร้เทียมทาน ฆ่า!”
แม่ทัพจางตวนรุ่ยที่นำทัพซุ่มอยู่ทางฝั่งตะวันตกของหุบเขาเวิ่งก็เลือดร้อนขึ้นมาเช่นเดียวกัน ตะโกนออกมาเสียงดัง “ยิงธนู!”
ไป๋ชิงเหยียนไปตามทางลัดในแผนที่ บุกเข้าโจมตีศัตรูและฝ่าออกมาทางตะวันออกของหุบเขาเวิ่ง เพราะฝั่งตะวันออกของหุบเขาเวิ่งเป็นพื้นที่สูงทั้งหมด เนินจึงลาดชันมาก
กองทัพเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไป๋ชิงเหยียนต้องการขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็วโดยที่ทหารซีเหลียงไม่ทันได้ตั้งตัว สั่งให้ทหารขี่ม้าขึ้นไป
ตอนที่ทหารซีเหลียงเห็นกองทัพหนึ่งพันนายของต้าจิ้น มีทหารค่ายหู่อิงคอยยิงหน้าไม้คุ้มกันทหารต้าจิ้นให้ขี่ม้าบุกขึ้นไปบนภูเขาได้อย่างรวดเร็วจนทหารต้าจิ้นเข้าไปสู้รบกับทหารซีเหลียงได้ในระยะประชิดตัวแล้ว!