ตอนที่ 186 แผนที่
“จริงด้วย เสี่ยวไป๋ไซว่กลับเมืองก่อนแล้วค่อยสนทนากันเถิดขอรับ…” เว่ยจ้าวเหนียนพยักหน้าพลางหลีกทางให้ไป๋ชิงเหยียนเข้าไปก่อน
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าพลางจูงมือไป๋จิ่นจื้อ มองไปทางเว่ยจ้าวเหนียน แม่ทัพที่เก่งกาจด้านวางแผนการรบที่สุดในสังกัดของท่านอาสี่ที่สูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง…
ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะเขาเคารพเว่ยจ้าวเหนียนเสร็จก็เดินทางเข้าไปในเมืองพร้อมกับกองทัพไป๋และทหารของกองทัพไป๋ที่มารอต้อนรับทั้งๆ ที่ยังได้รับบาดเจ็บอยู่
เพราะไป๋ชิงเหยียนเป็นสตรี หมอทหารล้วนเป็นบุรุษ ไป๋จิ่นจื้อจึงเป็นคนทำแผลให้หญิงสาวด้วยตัวเอง
ไป๋จิ่นจื้อทำแผลให้ไป๋ชิงเหยียนเสร็จ นางถือกะละมังสีเลือดออกมาจากห้องก็เห็นเซียวรั่วเจียงพาหมอหงมารออยู่ด้านนอกห้อง
“เซียวรั่วเจียง! ท่านหมอหง!” ไป๋จิ่นจื้ออุทานออกมาอย่างตกใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เหตุใดพวกท่านจึงมาอยู่ที่หนานเจียง พวกท่านแอบหนีออกมาเหมือนกันหรือ! พวกท่าน…ลอบเข้ามาในค่ายทหารอย่างนั้นหรือ!”
เซียวรั่วเจียงที่แบกกล่องยาแทนหมอหงเห็นน้ำสีเลือดที่ไป๋จิ่นจื้อถือออกมา มือที่ซ่อนอยู่ในชายเสื้อกำแน่น ทำความเคารพอย่างนอบน้อมพลางกล่าวขึ้น
“คุณหนูใหญ่สั่งให้ข้าล่วงหน้ามาสำรวจข่าวที่หนานเจียงก่อนขอรับ ท่านหมอหงที่เพิ่งเดินทางมาถึงภูเขาเวิ่งได้ยินว่าคุณหนูใหญ่พากองทัพไป๋กลับมาที่เมืองเวิ่งแล้วจึงตามมา ข้าบังเอิญเจอกับท่านหมอหงที่กำลังจะเข้ามาในค่ายทหารพอดี จึงอาศัยบารมีของท่านหมอหงตามเข้ามาด้วยขอรับ”
“นี่มัน…คุณหนูใหญ่ได้รับบาดเจ็บหรือ!” หมอหงตกใจ “บาดเจ็บที่ใด!”
“ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่เจ้าค่ะ ยังดีที่แผลไม่ลึกมาก ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อเจ็บปวดใจ นางหันไปตะโกนบอกคนในห้อง
“พี่หญิงใหญ่ ท่านหมองหงและเซียวรั่วเจียงมาแล้วเจ้าค่ะ!”
“ให้พวกเขาเข้ามาเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนนั่งหน้าซีดอยู่หน้าโต๊ะท่ามกลางตะเกียงน้ำมัน ผูกเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย
เซียวรั่วเจียงทำความเคารพไป๋จิ่นจื้ออีกครั้งแล้วเดินเข้าไปด้านใน
“คุณหนูใหญ่ ข้าไร้ความสามรถ…พอกลับมาถึงเมืองเวิ่ง เมืองเวิ่งก็ปิดเมือง ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าออก ข้าเลยไม่มีโอกาสไปพบกับคุณหนูขอรับ!”
“คุณหนูใหญ่เป็นอันใดมากหรือไม่ขอรับ!” เมื่อหมอหงเข้ามาด้านในก็รีบหยิบหมอนตรวจชีพจรออกมาพลางนั่งลง ส่งสัญญาณให้ไป๋ชิงเหยียนยื่นแขนออกมาตรวจชีพจร “ให้ข้าดูหน่อยขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนเป็นสตรี หมอหงไม่อาจตรวจดูบาดแผลที่ลำตัวของหญิงสาวได้จึงได้แต่ตรวจจากชีพจร
“ข้ามิเป็นอันใดหรอกท่านหมอหง!” ไป๋ชิงเหยียนวางแขนลงบนหมอนให้หมอหงตรวจชีพจร
“ยังดี…ยังดี!” หมอหงถอนหายใจอย่างโล่งอก ดวงตาส่อแววยินดี
“ตรวจชีพจรให้คุณหนูใหญ่ในครั้งนี้ข้ารู้สึกว่าไอหนาวในร่างกายของคุณหนูใหญ่ลดลงไปมาก ดูเหมือนว่า…ที่ข้าเคยให้คุณหนูใหญ่เอาแต่พักผ่อนอย่างสงบเหมือนจะไม่ได้ผลจริงๆ”
“เหตุใดท่านหมอหงจึงไม่อยู่กับทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งแต่กลับมาที่เมืองเวิ่งแทนเจ้าคะ” หญิงสาวลดแขนเสื้อลงพลางเอ่ยถาม
“เดิมทีข้าจะไปที่สนามรบเพื่อรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ผู้ใดจะรู้ว่าพอข้าไปถึงภูเขาเวิ่ง คุณหนูใหญ่พากองทัพไป๋กลับมายังเมืองเวิ่งแล้ว ข้าจึงรีบตามมาขอรับ” หมอหงเก็บหมอนตรวจชีพจรลงในกล่องยา
“ข้าไปดูทหารกองทัพไป๋ที่ได้รับบาดเจ็บก่อนนะขอรับ!”
เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อเดินเข้ามา ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้น “เสี่ยวซื่อ ถือกล่องยาให้ท่านหมอหงด้วย!”
“เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อวิ่งเข้าไปรับกล่องยามาจากหมอหงอย่างว่าง่าย หมอหงเอาแต่กล่าวว่าไม่เป็นไร
“ท่านหมองหงไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ ไปกันเถิด!” ไป๋จิ่นจื้อแบกกล่องยาเดินนำออกไป หมอหงทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนแล้วรีบตามออกไป
ภายในห้องเหลือเพียงไป๋ชิงเหยียนและเซียวรั่วเจียง หญิงสาวถามขึ้น
“สืบข่าวของน้องชายเจ็ด น้องชายเก้าและเสิ่นชิงจู๋ได้บ้างหรือไม่”
“เรียนคุณหนูใหญ่ ข้ายังไม่ได้ข่าวของคุณชายเจ็ดและคุณชายเก้า ทว่า แม่นางเสิ่นบุกไปที่เมืองหลวงของซีเหลียงคนเดียวขอรับ ข้าให้คนไปตามหาแม่นางเสิ่นแล้ว กำชับว่าหากพบตัวแม่นางเสิ่นต้องปกป้องนางกลับมาอย่างปลอดภัยขอรับ”
เซียวรั่วเจียงก้มหน้ารายงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย ล้วงหยิบแผนที่หนังแกะที่พับไว้อย่างดีออกมาจากอก ยื่นให้ไป๋ชิงเหยียน
“ข้าสำรวจค่ายทหารของซีเหลียงอย่างละเอียดตามที่คุณหนูใหญ่สั่งแล้วขอรับ นี่คือแผนที่ค่ายทหารขอรับ”
หญิงสาวพยักหน้า “ลำบากหรู่ซยงแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนมองสำรวจแผนที่ค่ายทหารของซีเหลียงอย่างละเอียด เซียวรั่วเจียงสะบัดชายชุดพลางคุกเข่าลงบนพื้น กล่าวขึ้น “ข้าได้ยินว่าอีกครึ่งชั่วยามคุณหนูใหญ่จะนำทหารสองพันนายบุกไปที่ค่ายทหารของซีเหลียงเพื่อแย่งชิงศีรษะของซื่อจื่อกลับมา ข้าขออนุญาตติดตามคุณหนูใหญ่ไปด้วยนะขอรับ! ศึกครั้งนี้อวิ๋นพั่วสิงพาบุตรชายคนโตและหลานชายคนโตของเขามาด้วย ทว่า เขาไม่เคยพาทั้งสองคนออกรบด้วยเลยสักครั้ง เขาต้องการมอบผลงานให้บุตรชายและหลานชายของเขา เมื่อกลับไปเมืองหลวงจะได้ขอตำแหน่งขุนนางให้พวกเขาขอรับ”
เซียวรั่วเจียงเงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยตาที่แดงฉาน “ข้ารู้จักบุตรชายและหลานชายคนโตของอวิ๋นพั่วสิง ครั้งนี้จะต้องตัดศีรษะของสองคนนั้นให้ได้ ให้บุตรชายและหลานชายของอวิ๋นพั่วสิงได้ลิ้มรสการตายโดยไม่เหลือแม้แต่กระดูกบ้าง”
นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เซียวรั่วเจียงต้องการไปปกป้องไป๋ชิงเหยียนด้วย
ไป๋ชิงเหยียนได้รับบาดเจ็บในศึกภูเขาเวิ่ง อีกอย่างเซียวรั่วเจียงรู้ดีว่าสภาพร่างกายของหญิงสาวเป็นอย่างไร เขาได้ยินว่าตลอดการเดินทางมายังหนานเจียง ไป๋ชิงเหยียนใช้วิธีทรมานตัวเองเพื่อยกคันธนูเซ่อรื้อขึ้นมาให้ได้ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่อาจรบในระยะประชิดตัวได้ มิเช่นนั้นนางคงไม่ได้รับบาดเจ็บหรอก!
หากการบุกไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียงในครั้งนี้ไม่มีคนคอยปกป้องจนไป๋ชิงเหยียนได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง เขาคงทำผิดต่อต่งซื่อและมารดาของเขา อีกทั้งทำผิดต่อบุญคุณของท่านรองแม่ทัพใหญ่ที่เคยช่วยชีวิตเขาและพี่ชายของเขาเอาไว้
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าเซียวรั่วเจียงนึกถึงศีรษะของท่านพ่อที่ยังถูกแขวนอยู่ที่ค่ายทหารซีเหลียง นึกถึงร่างของท่านพ่อที่ไม่ถูกส่งกลับไปยังเมืองหลวง
ลำคอของหญิงสาวตีบตัน เข้าใจความจงรักภักดีของเซียวรั่วเจียง นางพยักหน้าพลางเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “เช่นนั้นก็ลำบากหรู่ซยงไปกับข้าด้วย!”
ทุกคนในกองทัพไป๋ต่างฮึกเหิมมีแรงสู้เพราะการกลับมาของเสี่ยวไป๋ไซว่ เมื่อพักผ่อนเติมพละกำลังเสร็จก็เอาแต่กล่าวว่าจะติดตามเสี่ยวไป๋ไซว่บุกไปยังค่ายทหารของซีเหลียงเพื่อแย่งชิงศีรษะของท่านรองแม่ทัพใหญ่กลับมา
กระทั่งเว่ยจ้าวเหนียนที่เหลือตาเพียงข้างเดียวก็สวมชุดเกราะเสร็จเรียบร้อย เขาหยิบดาบยาวออกมา เตรียมพร้อมบุกไปยังค่ายทหารของซีเหลียงกับไป๋ชิงเหยียน เขาได้ยินว่าหมอหงกำลังรักษาบาดแผลให้ทหารอยู่ในกระโจมจึงรีบไปทักทาย
เฉิงหย่วนจื้อที่เปลือยท่อนบนปล่อยให้หมอหงดึงลูกธนูที่ปักอยู่ที่หัวไหล่ออกมองเห็นเว่ยจ้าวเหนียนในชุดเกราะจึงกล่าวออกมายิ้มๆ
“เหล่าเว่ย เจ้าอย่าไปเลย! ตาอีกข้างของเจ้ามองไม่เห็น ฟ้ามืดครึ้มเช่นนี้ ถึงเวลานั้นเจ้าอาจตกลงมาจากหลังม้าศึกก็ได้!”
สิ้นเสียงของเฉิงหย่วนจื้อ หมอหงดึงลูกธนูออกอย่างแรง เลือดสดทะลักออกมา เฉิงหย่วนจื้อขบกรามแน่น ใบหน้าแดงก่ำ ทว่า ไม่ยอมเปล่งเสียงร้องออกมา
หมอทหารที่ยืนอยู่ด้านหลังหมอหงรีบใช้ผ้าพันแผลกดแผลของเฉิงหย่วนจื้อเอาไว้
“กดไว้อย่าปล่อยมือนะ อีกเดี๋ยวทายา และพันแผลให้เขาให้เรียบร้อย บาดแผลอยู่บริเวณหัวไหล่ต้องพักรักษาตัวสักระยะหนึ่ง!” หมองหงกล่าวจบก็ล้างมือจนสะอาด หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อ จากนั้นเดินไปดูแลทหารบาดเจ็บคนอื่นต่อ
หมอหงติดตามไป๋เวยถิงมาทั้งชีวิต แม้เป็นเพียงหมอทหาร ทว่า เขามีอำนาจในกองทัพไป๋เป็นอย่างมาก นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดเซียวรั่วเจียงจึงติดตามหมอหงเข้ามาในค่ายทหารได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
ไป๋ชิงเหยียนมาถึงกระโจมที่สร้างขึ้นชั่วคราวเพื่อให้หมอหงรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บ หญิงสาวแหวกม่านเข้าไปด้านใน