ตอนที่ 188 ทุกแคว้นดูหมิ่น
ถือว่าเขาช่วยเหลือไป๋ชิงเหยียนก็แล้วกัน!
หากแม่ทัพของหนานเยี่ยนที่อยู่ในอำเภอเฟิงรู้ว่าเสบียงอาหารของพวกเขาถูก “กองทัพไป๋” ปล้นไป พวกเขาคงหวาดกลัวกองทัพไป๋มากยิ่งขึ้น ต้องไม่ยอมทำสงครามให้ตัวเองพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
เช่นนั้นกองทัพหนานเยี่ยนที่ถอยทัพกลับแคว้นต้องกลัวว่าจะถูกกองทัพไป๋โจมตีจึงเลือกเดินทางผ่านเหยากวนเท่านั้น
ครั้งนี้หนานเยี่ยนกล้านำกองทัพทั้งหมดของแคว้นร่วมมือกับซีเหลียงโจมตีต้าจิ้นก็เพราะรู้ว่าปีนี้แคว้นต้าเยี่ยนประสบภัยธรรมชาติ ลำพังดูแลคนในแคว้นยังไม่รอดคงไม่มีทางรวบรวมกองกำลังสู้กับกองทัพหนานเยี่ยนอย่างแน่นอน!
เพราะเป็นเช่นนี้ กองทัพต้าเยี่ยนจึงต้องบุกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว
สถานการณ์กำลังวุ่นวายเช่นนี้ หากกองทัพต้าเยี่ยนไม่ถือโอกาสนี้ทำลายทหารยอดฝีมือของกองทัพหนานเยี่ยน เมื่อกองทัพหนานเยี่ยนฟื้นตัวได้เมื่อใดต้องหันมาจัดการกองทัพต้าเยี่ยนอย่างแน่นอน!
แทนที่จะนั่งรอความตายมาเยือน ไม่สู้ถือโอกาสนี้ทำลายกองกำลังหลักของกองทัพหนานเยี่ยนเสีย จากนั้นค่อยสั่งให้ทหารบุกเข้าโจมตีเมืองหลวงของหนานเยี่ยน!
หากยึดครองเมืองหนานเยี่ยนได้ กองทัพต้าเยี่ยนจะมีทั้งเสบียงและอาวุธมากมาย ชาวบ้านของเมืองต้าเยี่ยนจะได้มีโอกาสรอดชีวิต
“นายน้อย บัดนี้แคว้นต้าเยี่ยนของเรายังไม่แข็งแกร่งมากพอ…”
“เหล่าซู ท่านไปถ่ายทอดคำสั่งเถิด! เชื่อใจข้า!” ดวงตาคู่งามที่เหมือนกับจีโฮ่วไม่มีผิดเพี้ยนของเซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางเฝิงเย่าอย่างหนักแน่น
เฝิงเย่าทราบดีว่าตัวเองเป็นเพียงบ่าวรับใช้ เพราะเคยช่วยชีวิตของเซียวหรงเหยี่ยนเอาไว้ฐานะของเขาจึงสูงส่งกว่าผู้อื่นเล็กน้อย เขาจึงไม่ขัดคำสั่งของเซียวหรงเหยี่ยน
ที่สำคัญฝ่าบาททรงมอบตราทัพให้เซียวหรงเหยี่ยนแล้ว แสดงว่าเซียวหรงเหยี่ยนสามารถเรียกใช้กองทัพใหม่นี้ได้ตามใจชอบ!
“นายน้อย บ่าวมีข้อกังวลอีกเรื่องขอรับ!” เฟิงเย่าจงรักภักดีจึงตัดสินใจถามออกไป “กองทัพใหม่ที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาหลินชวนเดิมทีมีไว้เพื่อป้องกันกองทัพต้าจิ้น นายน้อยสั่งให้พวกเขาเคลื่อนย้ายเช่นนี้ หากต้าจิ้นทราบว่าพวกเราจะโจมตีกองทัพหนานเยี่ยน พวกเขาจะหันกลับมาแว้งกัดพวกเราหรือไม่ขอรับ!”
“บัดนี้ต้าจิ้นกำลังเผชิญหน้ากับกองทัพที่ร่วมมือกันของซีเหลียงและหนานเยี่ยน ไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นหรอก! กองทัพไป๋ที่เก่งกาจเรื่องศึกสงครามถูกองค์ชายไร้ความสามารถผู้นั้นกวาดล้างอยู่ที่หนานเจียงจนแทบไม่เหลือแล้ว! ตอนนี้ต้าจิ้นคงแทบอยากให้เราเปิดศึกกับกองทัพหนานเยี่ยนโดยเร็ว! พวกเขาจะได้มีเวลาพักหายใจบ้าง”
เซียงหรงเหยี่ยนลูบหยกจักจั่นที่อยู่ในมือ กล่าวอย่างมาอย่างไม่รีบร้อน “ครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่เมืองต้าเยี่ยนของเราจะยึดแผ่นดินที่เสียไปคืนมา หากพลาดโอกาสครั้งนี้ ปีหน้าพวกเราก็ต้องทำสงครามกับกองทัพหนานเยี่ยนอยู่ดี! อีกอย่างคงไม่อาจยึดแผ่นดินเสียไปคืนมาได้ดังเช่นตอนนี้อีก!”
เฝิงเย่ารีบโน้มกายรับคำสั่ง “บ่าวจะรีบนำตราทัพไปถ่ายทอดคำสั่งให้เซี่ยสวินเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
มองดูเฝิงเย่าขึ้นไปบนหลังม้า เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยสำทับขึ้นอีก
“เหล่าซู! เมื่อพบเซี่ยสวินจงมอบตราทัพให้แก่เขา บอกเขาว่าข้าและท่านพี่เชื่อใจเขา ขอแค่เขาสามารถกำจัดทหารยอดฝีมือทั้งหมดของหนานเยี่ยนที่เหยากวนได้ หนานเยี่ยนก็จะกลายเป็นเพียงแผ่นดินธรรมดาให้เขาควบม้าผ่านเข้าไปได้อย่างง่ายดาย! ให้เขาถือโอกาสที่กำลังโกลาหลนี้ยึดเมืองที่ต้าเยี่ยนสูญเสียไปกลับมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้! เมื่อเซี่ยสวินเริ่มเคลื่อนทัพ เหล่าซูจงรีบกลับไปยังเมืองหลวง บอกให้ท่านพี่จัดกองกำลังไปป้องกันที่แม่น้ำเทียนฉวี กองทัพที่อยู่ที่แม่น้ำเทียนฉวีจงทำตามคำสั่งและให้ความร่วมมือกับเซี่ยสวิน อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!”
แม่น้ำเทียนฉวีคือพรมแดนระหว่างหนานเยี่ยนและต้าเยี่ยน ฝั่งเหนือของแม่น้ำเป็นของต้าเยี่ยน ฝั่งใต้เป็นของหนานเยี่ยน หลังจากจีโฮ่วเสียชีวิตลง แคว้นต้าจิ้นบุกโจมตีแคว้นต้าเยี่ยนจนพ่ายแพ้ บุตรอนุของซู่อ๋องอาศัยภูมิประเทศที่อันตรายของแม่น้ำเทียนฉวีแบ่งแยกดินแดนออกไปจากต้าเยี่ยน สถาปนาตนเป็นแคว้นหนานเยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนและจักรพรรดิของต้าเยี่ยนเคยสาบานต่อหน้าป้ายหลุมศพของจีโฮ่วว่าจะยึดดินแดนที่ต้าเยี่ยนสูญเสียไปกลับคืนมาให้ได้ จะล้างความอัปยศในครั้งนี้ให้ได้
ต่อมา เพื่อประคองให้แคว้นต้าเยี่ยนดำรงอยู่ต่อไปได้ เซียวหรงเหยี่ยนจึงออกเดินทางไปทั่วทุกแคว้น ชายหนุ่มถึงเข้าใจว่าเหตุใดตอนที่จีโฮ่วยังมีชีวิตอยู่ถึงอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง!
เมื่อจีโฮ่วยังเด็ก นางเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน รู้ดีว่ามีเพียงรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง แผ่นดินจึงจะสงบสุขอย่างแท้จริง
แม้ว่าต้าเยี่ยนในตอนนี้จะเป็นเพียงแคว้นเล็กๆ ที่ทุกแคว้นต่างดูหมิ่น ทว่าเซียวหรงเหยี่ยนและพี่ชายของเขาก็ยังอยากสานต่อปณิธานของมารดา รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง สร้างแผ่นดินที่เจริญรุ่งเรืองเพื่อปลอบโยนจิตวิญญาณของมารดาที่อยู่บนสวรรค์
เซียวหรงเหยี่ยนและพี่ชายของเขาไม่เหมือนกับจักรพรรดิของแคว้นต้าจิ้น พวกเขาไม่หวาดระแวงคนที่พวกเขาเลือกใช้งาน ในเมื่อใช้งานเซี่ยสวินก็ต้องกล้าที่จะมอบกองกำลังทหารทั้งหมดของแคว้นให้แก่เขา ให้เขาใช้งานตามใจชอบ!
เมื่อวางแผนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เซียวหรงเหยี่ยนมองส่งเฝิงเย่านำกองกำลังจำนวนหนึ่งขี่ม้าจากไป เขาสั่งให้คนส่งเสบียงอาหารและอาวุธไปยังเมืองหลวง จากนั้นนำคนของตัวเองออกไปจากแคว้นต้าเยี่ยนอย่างเงียบเชียบ ชายหนุ่มเดินทางเสี่ยงอันตรายไปยังแคว้นหนานเยี่ยนเพื่อร่วมมือกับกับเซี่ยสวินรับมือทั้งภายนอกและภายใน
เมืองเวิ่งอยู่ใกล้กับเทียนเหมินกวนมาก ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนนำทหารยอดฝีมือสองร้อยนายอ้อมเทียนเหมินกวนไปถึงค่ายทหารของซีเหลียง เวลากำลังประจวบเหมาะพอดี
หญิงสาวพาคนไปดักซุ่มโจมตีอยู่กลางป่า ดวงตาคมกริบจ้องไปยังค่ายทหารที่สว่างจ้าจากแสงไฟของซีเหลียงไม่วางตา สายตาหยุดอยู่ที่ศีรษะซึ่งถูกแขวนสูงอยู่ใจกลางค่ายทหารซีเหลียงที่กำลังแกว่งไปมาตามแรงลมพัด เลือดร้อนในกายเดือดพล่าน แทบอยากบุกเข้าไปแย่งชิงศีรษะของบิดากลับมาเสียตอนนี้
น้ำตาร้อนผ่าวคลออยู่ที่ดวงตาของหญิงสาว นางพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้รอก่อน รอให้ทหารทั้งค่ายรับรู้ข่าวพ่ายแพ้ศึกอย่างย่อยยับของอวิ๋นพั่วสิงก่อน จากนั้นนางจึงค่อยนำคนบุกเข้าไปก็ยังไม่สาย
หญิงสาวหันไปกล่าวกับเซียวรั่วเจียง “หรู่ซยงคุ้นเคยกับค่ายทหารของซีเหลียง รบกวนหรู่ซยงนำทหารสิบคนลอบเข้าไปในค่ายทหารเพื่อเผาคลังอาวุธของกองทัพซีเหลียงหน่อยเถิด!”
พวกอวิ๋นพั่วสิงเดินเท้าไปเรื่อยๆ ก็โชคดีเจอม้าสองสามตัว พวกเขากลับไปยังค่ายทหารด้วยสภาพที่สะบักสะบอม ภายในค่ายทหารอลหม่านขึ้นในทันที ทหารสองสามคนตะโกนเรียกหมอทหารเสียงดัง
หลานชายคนโตของอวิ๋นพั่วสิงร้องไห้พร่ำเรียกท่านปู่…
อวิ๋นพั่วสิงซึ่งถูกธนูยิงเข่าทั้งสองข้างถูกทหารแบกกลับกระโจมแม่ทัพ เขากัดท่อนไม้แน่น ในสมองเต็มไปด้วยภาพของสตรีที่เต็มไปด้วยไอสังหารผู้นั้น เสียงหยาบตะโกนบอกให้หมอทหารดึงลูกธนูออก
หลายชายคนโตของอวิ๋นพั่วสิงคุกเข่าอยู่หน้าเตียงของอวิ๋นพั่วสิง ใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง “ท่านปู่…”
หมอทหารทำความสะอาดมือ ดึงธนูออกจากไหล่และเข่าทั้งสองข้างของอวิ๋นพั่วสิง คีบกระดูกที่แหลกละเอียดออกมาจากหัวเข่า จากนั้นให้คนโรยผงห้ามเลือดไปที่บาดแผลเพื่อห้ามเลือด
อวิ๋นพั่วสิงปวดจนหน้าแดงก่ำ เกร็งลำคอจนเส้นเลือดปูดขึ้น กัดท่อนไม้ในปากแน่นไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องออกมา
แม่ทัพใหญ่พ่ายแพ้กลับมาเช่นนี้ ทหารในค่ายซีเหลียงพากันวิจารณ์ไปต่างต่างนานา เสียขวัญกำลังใจไปตามๆ กัน
จู่ๆ ลูกธนูไฟดอกหนึ่งพุ่งตรงไปปักลงไม้กระดานหน้าประตูกระโจมแม่ทัพอย่างแรง
ทันใดนั้นเอง เหล่าทหารในค่ายต่างร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนก
“มีคนบุกเข้ามา!”
“ดับไฟเร็ว! ไฟไหม้แล้ว!”
“เตรียมอาวุธ! มีคนบุกเข้ามาแล้ว!”
อวิ๋นพั่วสิงลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ทว่า ความเจ็บปวดจากหัวเข่าทั้งสองข้าทำให้เขาต้องทรุดตัวนั่งลงไปตามเดิม
“ท่านปู่!” หลานชายคนโตของอวิ๋นพั่วสิงรีบเข้าไปช่วยพยุง
“ท่านพ่อรักษาตัวอยู่ในนี้เถิดขอรับ! ข้าจะออกไปดูเองว่าผู้ใดกล้าบุกเข้ามาในค่ายทหารของซีเหลียงเช่นนี้!” บุตรชายคนโตของอวิ๋นพั่วสิงชักดาบโค้งออกมา นำแม่ทัพคนอื่นออกไปจากกระโจม
บุตรชายของอวิ๋นพั่วสิงเดินมาถึงหน้ากระโจม เห็นคนประมาณยี่สิบถึงสามสิบคนขี่ม้าเร็วบุกเข้ามาในค่ายของพวกเขาจึงตะโกนเสียงดัง “ยิงธนู! ยิงธนู! ยิงคนพวกนั้นให้พรุนไปเลย!”
“ท่านรองแม่ทัพใหญ่” ทหารซีเหลียงวิ่งเข้ามารายงานอย่างทุลักทุเล “ลูกธนูหมดแล้วขอรับ! คลังอาวุธของพวกเราถูกเผาแล้ว คันธนูและลูกธนูล้วนเก็บอยู่ในนั้น ไฟแรงเกินไปพวกเราเข้าไปหยิบไม่ได้ขอรับ! ด้านนอกก็ยังมีคนวางเพลิงอยู่เลยขอรับ!”
“แม่งเอ้ย!” บุตรชายของอวิ๋นพั่วสิงสบถคำหยาบออกมา “ใช้หอกยาวแทงพวกนั้นลงมาจากหลังม้า!”
อวิ๋นพั่วสิงได้ยินคำกล่าวนั้นก็อยู่ไม่สุขทันที ตะโกนขึ้น “พยุงข้าออกไป!”
“แต่ว่าท่านปู่…ท่านพ่อให้ท่านปู่รักษาตัวอยู่ด้านในนะขอรับ!” หลายชายคนโตที่อายุสิบเจ็ดของอวิ๋นพั่วสิงกล่าวเสียงสะอื้น
“ร้องไห้อันใด! ก่อนตายหลานชายของตระกูลไป๋ที่อายุเพียงสิบขวบยังไม่แม้แต่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ! เจ้าอายุสิบเจ็ดแล้ว…ต้องให้ปู่ปกป้องไปถึงเมื่อใดกัน! ทหารกล้าของซีเหลียงเสียเลือดไม่เสียน้ำตา! เช็ดน้ำตาให้แห้ง! พยุงข้าออกไป” อวิ๋นพั่วสิงตวาดลั่น