ตอนที่ 193 เป็นภัยต่อทุกแคว้น
องครักษ์ที่ลอบถอนหายใจอยู่ในใจพยักหน้ารับ “ข้าจะให้คนนำม้าตัวนี้ไปมอบให้คุณหนูใหญ่ไป๋ถึงที่เลยขอรับ คุณชายมีสิ่งใดจะฝากบอกคุณหนูใหญ่ไป๋หรือไม่ขอรับ”
ฝากบอก?!
เซียวหรงเหยี่ยนจ้องไปที่ดวงตาสุกใสราวกับถูกน้ำฝนชำระล้างของม้าขาว คิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวขึ้น “ฝากบอกนางว่าขอบคุณที่นางช่วยดูแลมาตลอดทาง!”
ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มร่วมเดินทางไปพร้อมกับกองทัพต้าจิ้นที่ชวีเฟิงจวบจนวันที่แยกจากกองทัพ
ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยแพร่งพรายเรื่องฐานะของเขาให้องค์รัชทายาทรับรู้เลย นี่ไม่ใช่การดูแลหรืออย่างไรกัน!
ต่อให้ไป๋ชิงเหยียนจะเปิดโปงฐานะของเขาให้องค์รัชทายาทรับรู้ เขาก็มีทางรับมืออยู่ดี ทว่า หญิงสาวไม่เคยทำเช่นนั้นเลยสักครั้ง
“แล้วมีสิ่งใดฝากไปถึงคุณหนูสี่ตระกูลไป๋หรือไม่ขอรับ” องครักษ์ลอบสำรวจเจ้านายของตัวเองอย่างระมัดระวัง
เซียวหรงเหยี่ยนหันกลับไปมององครักษ์ที่มีลับลมคมนัยแวบหนึ่ง ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “เช่นนั้นฝากบอกคุณหนูสี่ให้ช่วยดูแลคุณหนูใหญ่ไป๋ให้ดีด้วย!”
องครักษ์ “…”
เจ้านายเขากล่าวกลับกันหรือไม่นะ!
เซียวหรงเหยี่ยนหันไปมองม้าขาวราวกับหิมะตัวนั้นอีกครั้ง คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “ช่างเถิด เจ้าให้คนนำจดหมายของข้าไปให้คุณหนูใหญ่ไป๋ด้วย…”
กองทัพใหญ่ของซีเหลียงโดนบุกโจมตีจนพ่ายแพ้ยับเยิน อวิ๋นพั่วสิงสูญเสียทหารนับแสนนายภายในคืนเดียว ต่อมาสูญเสียทั้งบุตรชายและหลานชาย เขาโมโหจนกระอักเลือด จวบจนบัดนี้ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย!
กองทัพซีเหลียงไม่กล้าอยู่ต่อแม้แต่ในเมืองเฟิ่ง พวกเขาเดินทางอ้อมเมืองเฟิ่งไปยังหุบเขาลั่วเฟิง ผู้ใดจะคิดว่าพอพวกเขาตั้งค่ายพักแรมเสร็จกลับมองเห็นธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกเขาจึงรีบถอยทัพหนีไปยังเขตชายแดนของสองแคว้นทันที
กองทัพหนานเยี่ยนที่เดินทางถอยทัพไปยังเหยากวนอย่างไม่รีบร้อนได้ยินว่ากองทัพซีเหลียงถอยหนีไปจนถึงเขตชายแดนของต้าจิ้นและซีเหลียง แม่ทัพใหญ่จางเทียนเซิ่งของหนานเยี่ยนกลับสั่งให้ทหารตั้งค่ายพักแรมอยู่ที่ภูเขาเฟิ่งหมิงซึ่งห่างจากเหยากวนไม่มากแทน
จางเทียนเซิ่งรู้สึกว่าแคว้นของเขาลงแรงไปมากในสงครามครั้งนี้ พวกเขาจะกลับไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้ไม่ได้ เขาอยากรออีกสักพัก รอให้กองทัพต้าจิ้นไล่ตามกองทัพซีเหลียงไปก่อน เขาจะถือโอกาสนั้นยึดครองเมืองเฟิ่งเพื่อเอาไว้ต่อรองแลกผลประโยชน์กับแคว้นต้าจิ้น ให้แคว้นต้าจิ้นชดใช้ค่าเสียหายที่พวกเขาสูญเสียไปในการทำสงครามครั้งนี้!
ผู้ใดจะคาดคิดว่าเมื่อตกกลางคืน ทางเหยากวนจะส่งข่าวมาว่าเสบียงอาหารและอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้กองทัพหนานเยี่ยนประทังชีวิตในฤดูหนาวซึ่งลำเลียงมาโดยบุตรชายของจางเทียนเซิ่งจะถูกกองทัพไป๋ดักปล้นไปเสียก่อน
สีหน้าของจางเทียนเซิ่งซีดเผือดในทันที เขาขบกรามแน่น ในใจเริ่มรู้สึกหวาดกลัวแต่ก็โมโหจนอยากสังหารกองทัพไป๋ให้สิ้นซาก
“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ขอรับ! กองทัพหนานเยี่ยนของเราไม่มีทั้งเสบียงอาหารและอุปกรณ์ที่ใช้ประทังชีวิตในช่วงฤดูหนาว หากอยู่ในต้าจิ้นต่อไป อีกไม่นานก็คงไม่ต่างอันใดกับซีเหลียงที่สูญเสียกองทัพนับแสนอยู่ในทะเลเพลิงหรอกขอรับ! ผู้ที่วางแผนการรบในครั้งนี้คือหลานสาวคนโตของ
ไป๋เวยถิง คือไป๋ชิงเหยียนที่เคยตัดศีรษะแม่ทัพใหญ่ผางผิงกั๋วของแคว้นสู่ผู้นั้นขอรับ! ไป๋ชิงเหยียนผู้นี้เป็นสตรีแต่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก นางไม่ได้นำทัพเหมือนไป๋เวยถิง นางประหนึ่งเทพแห่งการสังหารลงมาจุติ เราไม่ควรต่อกรกับนางนะขอรับ!”
จางเทียนเซิ่งลูบเคราของตัวเอง นั่งครุ่นคิดอยู่ในกระโจมพักใหญ่ ในที่สุดเขาก็ยังหวาดกลัวกับเปลวไฟขนาดใหญ่ในหุบเขาเวิ่งที่ยังคงไม่มอดดับอยู่ดี เขาพยักหน้า “ข้าจะเขียนฎีกาขึ้นฉบับหนึ่ง เจ้าให้คนขี่ม้าเร็วนำฎีกาฉบับนี้กลับไปยังเมืองหลวง ให้ฝ่าบาททรงพิจารณาว่าควรอยู่ต่อหรือถอยทัพ!”
รองแม่ทัพของจางเทียนเซิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ารับ “ก็ดีเหมือนกันขอรับ!”
ทว่า จางเทียนเซิ่งยังไม่ทันจะส่งฎีกาฉบับนี้กลับไป จู่ๆ ทหารหน่วยลาดตระเวนก็เข้ามารายงานเสียก่อน เขารายงานว่ากองทัพไป๋ที่ชูงธงเฮยฟานไป๋หมั่งเคลื่อนทัพออกจากเมืองเฟิ่งตรงมายังภูเขาเฟิ่งหมิงแล้ว
จางเทียนเซิ่งลุกพรวดขึ้นอย่างตกตะลึง เดินวนไปวนมาอยู่หน้ากระโจม ครุ่นคิดว่าจะออกรบหรือถอยทัพดี…
ทว่าเมื่อนึกว่าต้องทำสงคราม ภาพกองไฟขนาดใหญ่ในหุบเขาเวิ่งที่บัดนี้ยังไม่มอดดับก็ปรากฏขึ้นในหัวสมอง ร่างกายของเขาเย็นวาบในทันที รองแม่ทัพก็หวาดกลัวเช่นเดียวกัน เขาเกลี้ยกล่อมจางเทียนเซิ่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เดินทางจากเมืองเฟิ่งมายังภูเขาเฟิ่งหมิงใช้เวลาเพียงสี่ห้าชั่วยามเท่านั้น ท่านแม่ทัพต้องรีบตัดสินใจนะขอรับ! หากจะทำสงครามก็ต้องรีบเรียกทหารมารวมตัวเพื่อจัดทัพเดี๋ยวนี้! หากจะกลับหนานเยี่ยนก็ต้องรีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้เช่นกันขอรับ!” รองแม่ทัพกำหมัดกล่าวขึ้น
ทำสงครามอย่างนั้นหรือ!
จางเทียนเซิ่งหลับตาลง นึกถึงทหารกองทัพไป๋ร้อยกว่าคนของค่ายหู่อิงที่บุกเข้าโจมตีอำเภอเฟิงเป็นกลุ่มแรก พวกเขาแข็งแกร่งถึงขนาดสู้หนึ่งต่อร้อยได้!
ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาออกรบ ฮ่องเต้ทรงกำชับจางเทียนเซิ่งไว้ว่าครั้งนี้พวกเขาออกรบพร้อมกับกองทัพซีเหลียง ความจริงก็เพื่อเพิ่มบารมีให้ซีเหลียงดูแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น พระองค์ไม่ได้ต้องการสูญเสียกองกำลังทหารของแคว้นตัวเอง อย่างมากก็แค่ต้องการให้ทหารเหล่านี้ได้มาฝึกฝนประสบการณ์รบที่สนามรบจริงก็เท่านั้น
บัดนี้กองทัพซีหลียงโดนโจมตีย่อยยับจนถอยทัพหนีไปยังเขตชายแดนของสองแคว้นแล้ว หนานเยี่ยนที่เป็นเพียงคนช่วยเสริมบารมีอย่างพวกเขาจะอยู่ที่นี่ต่อให้กองทัพไป๋จัดการหรืออย่างไร!
ไม่นาน จางเทียนเซิ่งตัดสินใจเด็ดขาด “ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีความหวัง สั่งให้ทหารรื้อกระโจมทั้งหมด เร่งขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังเหยากวน เราต้องไปถึงเหยากวนก่อนฟ้ามืดให้ได้!”
เมื่อถึงเหยากวนก็จะถึงเขตชายแดนของสองแคว้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวกองทัพไป๋อีกต่อไป
กองทัพใหญ่ที่ร่วมมือกันของหนานเยี่ยนและซีเหลียง หลังจากที่สังหารบุตรชายและหลานชายของไป๋เวยถิงจนหมดสิ้น ทุกแคว้นต่างหวาดระแวงกองทัพที่ร่วมมือกันของสองแคว้น ทว่า ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลังจากที่องค์รัชทายาทนำกองทัพเสริมห้าหมื่นนายมาถึงหนานเจียง กองทัพของทั้งสองแคว้นที่มีกองกำลังเป็นแสนนายจะพ่ายแพ้ยับเยินจนต้องหนีเอาตัวรอดไปเช่นนี้
ทั่วทุกแคว้นล้วนหันมาจับตามององค์รัชทายาทองค์ใหม่ของแคว้นต้าจิ้น แม้สงครามที่ภูเขาเวิ่งจะเป็นสงครามที่ต้าจิ้นได้รับชัยชนะ ทว่า การสังหารทหารที่ยอมจำนนทั้งหมดที่หุบเขาเวิ่ง ทำให้ทุกแคว้นเริ่มไม่พอใจ รู้สึกว่าองค์รัชทายาทองค์นี้โหดเหี้ยม ไม่มีความเมตตา หากภายภาคหน้าได้สืบทอดบัลลังก์ต้องเป็นภัยต่อทุกแคว้นอย่างแน่นอน
จักรพรรดิของต้าเหลียงที่ผิวเผินดูเป็นมิตรกับแคว้นต้าจิ้นมาโดยตลอดเขียนจดหมายไปถึงจักรพรรดิแคว้นต้าจิ้นหนึ่งฉบับ อาศัยฐานะพันธมิตรกล่าวเรื่องที่ทุกแคว้นต่างเป็นกังวล แนะนำให้จักพรรดิต้าจิ้นลงโทษองค์รัชทายาทอย่างหนักเพื่อปลอบขวัญทุกแคว้น
เมื่อจักรพรรดิแคว้นต้าจิ้นอ่านจดหมายจบ เขานิ่งไปครู่ใหญ่ สั่งให้คนนำจดหมายของจักรพรรดิ
ต้าเหลียงส่งไปให้องค์รัชทายาทที่อยู่แดนไกลโดยเร็ว
หลังจากองค์รัชทายาทได้รับจดหมายฉบับนี้ เขาอ่านจบก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เรียกที่ปรึกษาทั้งสามคนเข้ามาพบในทันที
ฉินซ่างจื้อ ฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยที่นิ่งขรึมไม่ค่อยกล่าววาจาใดๆ กวาดสายตาอ่านจดหมายอย่างรวดเร็ว
“ที่นี้จะทำเช่นไรดี สังหารทหารที่ยอมจำนน…ชื่อเสียงความโหดร้ายของเราคงแพร่กระจายไปทั่วทุกแคว้นแล้ว!” ใบหน้าขององค์รัชทายาทซีดเผือด จับที่วางแขนของเก้าอี้แน่น รู้สึกเสียใจเป็นที่สุดที่มอบตราทัพให้ไป๋ชิงเหยียนเรียกใช้กองทัพต้าจิ้นได้ตามใจชอบ
หลายวันมานี้เขาอยู่ในเมืองหวั่นผิง รายงานสงครามที่ได้รับไม่ใช่การขอความเห็นจากไป๋ชิงเหยียน แต่เป็นสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนกระทำลงไปแล้วทั้งสิ้น!
อย่างเช่นการสังหารทหารที่ยอมจำนน การนำทหารที่คุ้มกันเมืองผิงหยางไปคุ้มกันเทียนเหมินกวน อำเภอเฟิงและเมืองเฟิ่ง การนำกองทัพไป๋และกองทัพต้าจิ้นบุกไปยังเขตชายแดนของซีเหลียงและต้าจิ้น เรื่องเหล่านี้ล้วนอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาทั้งสิ้น เขาเริ่มรู้สึกหวั่นวิตก ไม่รู้ว่าเขานำกองทัพมาออกรบในครั้งนี้ในฐานะแม่ทัพใหญ่หรือเป็นเพียงเครื่องประดับกันแน่
“ผู้ที่สังหารทหารที่ยอมจำนนเหล่านั้นคือไป๋ชิงเหยียน หลานสาวคนโตของเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิง ไม่ใช่องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายถวายฎีกาให้ฝ่าบาทตามความจริง ทูลขอให้ฝ่าบาทสั่งประหารไป๋ชิงเหยียนเพื่อล้างมลทินให้องค์ชายเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ฟางเหล่ากล่าว