ตอนที่ 197
“ชิงเหยียนคิดว่าองค์รัชทายาทตรัสได้ถูกต้องแล้วเพคะ!” ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคารวะองค์รัชทายาท
จัดการเรื่องใหญ่สำเร็จ องค์รัชทายาทเดินทางไปสำรวจค่ายทหารอย่างอารมณ์ดี กล่าวชมเชย
ไป๋ชิงเหยียนต่อหน้าทหารทุกคนและร่วมดื่มฉลองกับเหล่าทหาร อีกทั้งยอมรับความสามารถในการออกรบของไป๋ชิงเหยียนอย่างเต็มที่
ในเมื่อต้องการเกลี้ยกล่อมให้คนคนหนึ่งกลายมาเป็นพวกของตน องค์รัชทายาทจึงต้องจัดการทุกอย่างอย่างสมบูรณ์แบบ เรื่องนี้องค์รัชทายาทถอดแบบมาจากฮ่องเต้ไม่มีผิดเพี้ยน
ไป๋ชิงเหยียนมอบดาบล้ำค่าที่ได้มาจากการทำสงครามให้องค์รัชทายาท จากนั้นส่งองค์รัชทายาทกลับออกไปจากค่ายทหารอย่างนอบน้อม
ก่อนที่องค์รัชทายาทจะขึ้นไปบนรถม้าก็เมามากแล้ว เขาหันมากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนอย่างจริงจังโดยมีเฉวียนอวี๋คอยช่วยประคอง “เรามอบตราทัพไว้ที่เจ้า เรา…เชื่อใจเจ้า! ไม่ว่าผู้อื่นจะกล่าวเช่นไร…เราก็จะเชื่อเจ้า เจ้าใช้ตราทัพสั่งการได้ตามสบาย ขอแค่อย่าปล่อยให้ชาวบ้านแถบชายแดนลำบากเด็ดขาด!”
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคารวะองค์รัชทายาทอย่างหนักแน่น “กระหม่อมจะไม่ทำให้องค์รัชทายาทต้องผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ!”
มองดูเฉวียนอวี๋ประคององค์รัชทายาทขึ้นไปบนรถม้า ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเฉวียนอวี๋ “รบกวนกงกงดูแลองค์รัชทายาทด้วยนะขอรับ”
“เป็นหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้วขอรับ!” เฉวียนอวี๋รีบทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “แม่ทัพไป๋ร่างกายไม่แข็งแรง อยู่ด้านนอกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะขอรับ”
กล่าวจบ เฉวียนอวี๋รู้สึกว่าถ้อยคำของเขาดูไม่ค่อยเหมาะสมนักจึงรีบเอ่ยเสริมอีกประโยค “เช่นนี้…องค์รัชทายาทจะได้วางพระทัยขอรับ!”
ทั้งสองคนกำลังแสดงละครฉากใหญ่…แม่ทัพอยู่ด้านนอก จักรพรรดิไม่หวาดระแวง แม่ทัพภักดีต่อจักรพรรดิ ทั่วแคว้นสงบสุข
รถม้าเคลื่อนตัว องค์รัชทายาทที่เมื่อครู่มีท่าทีเมามาย บัดนี้ลืมตาโต หันไปมองดาบล้ำค่าในรถม้าที่
ไป๋ชิงเหยียนมอบให้เขา
ต่างกล่าวกันว่าเมื่อเมาเหล้าจะกล่าวแต่ความจริง หวังว่าไป๋ชิงเหยียนจะเชื่อถ้อยคำที่เขากล่าวกับนางก่อนจะขึ้นมาบนรถม้า
ส่งองค์รัชทายาทเสด็จกลับไปแล้ว ไป๋ชิงเหยียนเตรียมกลับไปที่กระโจม เซียวรั่วเจียงรีบเข้าไปกระซิบข้างหูของหญิงสาว “คุณหนูใหญ่ องครักษ์ข้างกายของเซียวเซียนเซิงมาขอรับ กล่าวว่ามีของจะมอบให้คุณหนูใหญ่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้หันกลับไปมอง เพียงแค่เอ่ยถาม “คนอยู่ที่ใด”
“รออยู่ที่แม่น้ำจิงพักใหญ่แล้วขอรับ” เซียวรั่วเจียงกล่าว
“กลับไปที่กระโจมแม่ทัพใหญ่ก่อน อีกเดี๋ยวค่อยไปหาเขา!”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนหมุนตัวกลับไปยังกระโจมแม่ทัพใหญ่
องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนรับลมหนาวรออยู่ริมแม่น้ำจิงพักใหญ่ เขานั่งอยู่บนหลังม้า ถือเชือกม้าขาวอีกตัวไว้ในมือ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและเซียวรั่วเจียงที่ถือคบไฟอยู่ในมือขี่ม้าตรงมาทางเขา ชายหนุ่มรีบลงมากจากหลังม้าทันที
มองเห็นไป๋ชิงเหยียนในชุดเครื่องแบบทหารมาแต่ไกล องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนตะลึงงันไปครู่ใหญ่ เขาเคยพบคุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้ในเมืองหลวงมาก่อน ตอนนั้นหญิงสาวดูผอมเพรียวอ่อนแอแต่กลับแฝงไปด้วยความหนักแน่น งดงามตราตรึงใจยิ่งนัก
ทว่าบัดนี้ คุณหนูใหญ่ไป๋ในชุดเครื่องแบบทหาร ผมยาวถูกมัดรวบไว้ทางด้านหลัง มือถือแส้สีดำสนิท รอบกายเต็มไปด้วยไอสังหารอย่างรุนแรง ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
เมื่อเข้าไปใกล้ตำแหน่งที่คนยืนอยู่ที่แม่น้ำจิง ไป๋ชิงเหยียนกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดลง เอ่ยถาม “เจ้าคือองครักษ์ของเซียวเซียนเซิงหรือ”
“ข้าคือองครักษ์ของเซียวเซียนเซิงขอรับ ข้าได้รับคำสั่งให้มามอบม้าตัวนี้ให้คุณหนูใหญ่ไป๋ขอรับ นายท่านของข้าพบม้าตัวนี้ที่ตลาดของแคว้นหนานเยี่ยน! นายท่านของข้ายังฝากจดหมายมาให้คุณหนูใหญ่ไป๋อีกหนึ่งฉบับด้วยขอรับ!”
กล่าวจบ องครักษ์ล้วงหยิบจดหมายที่ปิดผนึกแน่นหนาออกมาจากอก ชูขึ้นอย่างนอบน้อม
เซียวรั่วเจียงลงจากหลังม้า เดินไปรับจดหมายมาจากมือขององครักษ์ผู้นั้น เมื่อสำรวจดูอย่างละเอียดว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติจึงยื่นจดหมายให้ไป๋ชิงเหยียน
หญิงสาวแกะจดหมายออก อาศัยแสงไฟจากคบเพลิงของเซียวรั่วเจียงกวาดสายตาอ่านเนื้อหาในจดหมาย
เซียวหรงเหยี่ยนแจ้งไป๋ชิงเหยียนในจดหมายว่าเขายืมใช้ธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋เพื่อปล้นเสบียงของกองทัพหนานเยี่ยน กล่าวว่าเพื่อตอบแทนที่ไป๋ชิงเหยียนคอยดูแลเขามาตลอดทาง อีกทั้งใช้ธงเฮยฟานไป๋หมั่งโดยไม่ได้แจ้งก่อนล่วงหน้า เขารู้สึกผิดจึงมอบม้าชั้นดีตัวนี้ให้เพื่อเป็นการไถ่โทษ
ชายหนุ่มยังกล่าวในจดหมายอีกว่าตอนที่เขาเห็นม้าตัวนี้ เขานึกถึงตอนที่เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่บนหลังม้าขาวจี๋เฟิง เสื้อคลุมกันลมปลิวไสวไปมาตามแรงลมในวังหลวงของแคว้นสู่ เขาจึงให้คนส่งม้าตัวนี้มาให้หญิงสาว
เขากล่าวว่าม้าตัวนี้พยศมาก ไม่มีผู้ใดกำราบมันได้ คิดว่ามันคงรอเจ้านายของมันอยู่ เขาเชื่อว่า
ไป๋ชิงเหยียนสามารถฝึกฝนมันได้
เนื้อหาในจดหมายเรียบง่าย ลายมือของผู้เขียนสัมผัสได้ถึงความเผด็จการแฝงอยู่ ไป๋ชิงเหยียนเดาว่านี่คงเป็นลายมือของเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนไปหนานเยี่ยนอย่างนั้นหรือ!
ดูเหมือนว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะอาศัยช่วงที่ต้าจิ้นและซีเหลียงกำลังวุ่นวายยึดหนานเยี่ยนที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของต้าเยี่ยนกลับคืนไปสินะ
ปีที่แล้วต้าเยี่ยนประสบภัยธรรมชาติติดต่อกัน บัดนี้เต็มไปด้วยความเสียหายมากมาย ทุกคนล้วนคิดว่าฤดูหนาวปีนี้ต้าเยี่ยนคงไม่มีเวลาสนใจผู้อื่น ผู้ใดจะคิดว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะซ่อนความทะเยอทะยานมากถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มมองการณ์ไกล…และเริ่มลงมือแล้วอีกต่างหาก
ช่วงเวลากำลังเหมาะสมพอดี
หากเป็นนาง…นางก็คงทำเช่นเดียวกัน
นางจะยืมใช้ธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋เพื่อปล้นเสบียงของหนานเยี่ยน สถานที่ปล้นคงเป็นที่เหยากวน หลังจากปล้นเสบียงเสร็จแล้วก็คงดักซุ่มโจมตีอยู่ที่เหยากวนต่อไป รอให้กองทัพหนานเยี่ยนถอยทัพกลับไปยังหนานเยี่ยน จากนั้นกำจัดทหารยอดฝีมือของกองทัพหนานเยี่ยนให้สิ้นซากอยู่ที่เหยากวน
ดักซุ่มโจมตีที่เหยากวนเป็นที่ที่ง่ายที่สุด ไม่ใช้สถานที่นี้ให้เกิดประโยชน์ก็น่าเสียดายเกินไปแล้ว
ทว่า ต้าเยี่ยน…มีกองทัพมากพอเช่นนั้นหรือ
เวลาเซียวหรงเหยี่ยนผู้นี้ลงมือทำสิ่งใดมักมีเป้าหมายของตัวเอง เขาบอกที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้ให้นางรับรู้อย่างไม่ปิดบังเท่ากับเป็นการบอกแผนการของต้าเยี่ยนให้นางได้รับรู้อย่างเปิดเผย อีกอย่างยังมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของตัวเองเช่นนี้อีก นี่มันเป็นการเผยความลับของเขาให้นางได้รับรู้เลยนะ
หญิงสาวเหลือบมององครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนที่เอาแต่จ้องมาที่นางตลอดเวลา หญิงสาวเผาจดหมายฉบับนั้นทิ้งต่อหน้าองครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนโดยไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย
“ฝากขอบคุณในความหวังดีของเจ้านายเจ้าด้วย!” หญิงสาวมองดูเปลวไฟค่อยๆ ลามไปทั่วจดหมาย จากนั้นจึงปล่อยมือออก ปล่อยให้ไฟเผาจดหมายฉบับนั้นจนเหลือแต่เถ้าถ่าน “ข้าจะรับม้าไว้! เจ้านายของเจ้าให้เจ้าส่งม้ามาให้ข้าไกลถึงเพียงนี้ต้องการสิ่งใดจากข้าเช่นนั้นหรือ”
องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน สีหน้าของเขาส่อแววงุนงงเล็กน้อย
เปลวไฟจากคบเพลิงสะบัดตามแรงลมริมแม่น้ำจนเกิดเสียง สะท้อนใบหน้างดงามของไป๋ชิงเหยียนเป็นเงาสลัวตามแสงริบหรี่ของไฟ
องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนคาดเดาท่าทีและน้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนอยู่ในใจ เมื่อแน่ใจว่าหญิงสาวไม่ได้เจตนาประชดหรือแสดงท่าทีไม่พอใจใดๆ แต่ถามอย่างจริงจัง เขาจึงลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ “นายท่านไม่ได้กล่าวสิ่งใดขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า สายตาหยุดอยู่ที่ม้าสีขาวตัวนั้น กล่าวขึ้น “เช่นนั้นฝากขอบคุณเซียวเซียนเซิงด้วย”
องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม ทิ้งม้าสีขาวตัวนั้นไว้ที่เดิม ตัวเขาก้าวขึ้นไปบนหลังมาเตรียมจากไป ทว่า ได้ยินเสียงไป๋ชิงเหยียนดังขึ้นเสียก่อน…
“หากอยากยึดหนานเยี่ยนคืน ไม่ใช่ว่ารบชนะก็ถือว่าสำเร็จแล้ว หนานเยี่ยนใช้การปกครองเก่าของต้าเยี่ยน ชาวบ้านแคว้นหนานเยี่ยนรับใช้จักรพรรดิเยี่ยงทาสมาหลายสิบปี จากที่เคยร่ำรวยก็ต้องอับจน ชาวบ้านที่เคยใช้การปกครองใหม่ของจีโฮ่วต่างไม่พอใจในราชวงศ์หนานเยี่ยนมานานแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นมาลอยๆ ประโยคหนึ่ง
กำลังของราษฎรคือกำลังที่สำคัญที่สุด หากกองทัพต้าเยี่ยนมาถึงแผ่นดินของหนานเยี่ยนแล้วชาวบ้านให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เท่ากับพวกเขาไม่ต้องเสียแรงออกรบเลยไม่ใช่หรืออย่างไร
เช่นนี้ ต้าเยี่ยนก็จะยึดครองหนานเยี่ยนได้โดยที่สูญเสียน้อยที่สุด
ชาวบ้านแคว้นหนานเยี่ยนจะได้ไม่ลำบากมากนัก
แต่ไรมา เมื่อทำสงคราม ผู้ที่ลำบากที่สุดล้วนเป็นชาวบ้าน
องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนตะลึงงันไปครู่ใหญ่ ร่างชาวาบ คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้ทราบได้อย่างไรว่าเจ้านายของเขาจะยึดแคว้นหนานเยี่ยนกลับคืนมา!
หรือว่า…เจ้านายของเขากล่าวกระทั่งเรื่องนี้ให้คุณหนูใหญ่ไป๋ทราบในจดหมายด้วย
หรือว่า เจ้านายของเขาทำข้อตกลงกับคุณหนูใหญ่ไป๋ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่องครักษ์อย่างพวกเขาไม่ทราบเรื่องเท่านั้นเอง