ตอนที่ 199 บุญคุณ
เซียวรั่วเจียงกลืนถ้อยคำที่ต้องการเกลี้ยกล่อมไม่ให้ไป๋ชิงเหยียนมอบม้าขาวตัวนี้ให้ไป๋จิ่นจื้อลงท้องไป ลอบคิดอยู่ในใจว่าเมื่อพี่ชายของตนกลับมาเขาจะปรึกษากับพี่ชาย…คิดหาวิธีแสวงหาม้าชั้นเลิศให้คุณหนูใหญ่โดยเร็วที่สุด
เมื่อกลับไปถึงค่ายทหาร ไป๋ชิงเหยียนให้เซียวรั่วเจียงไปเรียกไป๋จิ่นจื้อออกมา เมื่อได้ยินว่าพี่หญิงใหญ่จะมอบม้าสีขาวชั้นเลิศตัวนี้ให้แก่นาง ดวงตาของไป๋จิ่นจื้อเป็นประกายในทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความปิติยินดี
“จริงหรือเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นจื้อเอื้อมมือไปลูบขนของผิงอัน ผู้ใดจะคิดว่าผิงอันจะพ่นลมร้อนใส่หน้า
ไป๋จิ่นจื้ออย่างพยศ จากนั้นเดินไปหยุดอยู่อีกด้านของไป๋ชิงเหยียน
ไป๋จิ่นจื้อเบิกตาโพลงทันที นางยังไม่เคยเจอม้าที่พยศเท่านี้มาก่อนเลย นอกจากตะลึงแล้ว นางยังรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก “ม้าตัวนี้…พยศดีจริงเจ้าค่ะ! เหมือนตอนนั้น…”
คำว่าจี๋เฟิงจุกอยู่ในลำคอของไป๋จิ่นจื้อโดยที่ไม่ได้กล่าวออกมา ทุกคนต่างรับรู้ว่าจี๋เฟิงตายเพราะช่วยชีวิตเจ้านายของมันจนหาไม่เจอแม้แต่ซากศพ
“พี่หญิงใหญ่ ข้าว่าม้าตัวนี้ไม่มีวาสนากับข้าหรอกเจ้าค่ะ มันดูมีวาสนากับพี่หญิงใหญ่มากกว่านะเจ้าคะ!” แม้ไป๋จิ่นจื้อจะชอบผิงอันมาก แต่นางก็กล่าวถ้อยคำนี้ออกมาจากใจเช่นเดียวกัน นิสัยของผิงอันคล้ายกับจี๋เฟิงมาก หากให้ผิงอันอยู่ข้างกายพี่หญิงใหญ่ก็ถือว่าเป็นช่วยการปลอบประโลมนางอย่างหนึ่ง
“พี่จำได้ว่าท่านลุงใหญ่ของเจ้าเคยรับปากเจ้าไว้ว่าเมื่อใดที่เจ้าออกรบ เขาจะมอบม้าชั้นดีให้เจ้าตัวหนึ่ง!” ไป๋ชิงเหยียนลูบขนของผิงอันอย่างเบามือ “พี่มอบมันให้เจ้าแทนท่านลุงใหญ่ของเจ้า! ทว่า ผิงอันพยศมาก…แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีวิธีปราบพยศ พี่ทดสอบแทนเจ้าแล้ว ขอเพียงเจ้าขี่มันได้โดยที่ไม่ถูกสะบัดตกลงมา มันจะยอมรับเจ้าเอง หากเจ้าใช้เวลากับมันสักพัก เมื่อเริ่มผูกพันและยอมรับเจ้าจะเป็นเจ้านายของมันเอง”
นางทำสิ่งที่นางเคยรับปากกับอาอวี๋ไม่สำเร็จ อาอวี๋ก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่เขารับปากกับนาง
บัดนี้แม้ท่านพ่อของนางจะไม่อยู่แล้ว ทว่า นางสามารถทำตามสัญญาที่ท่านพ่อเคยรับปากไว้แทนท่านได้…
ได้ยินพี่หญิงใหญ่เอ่ยถึงท่านลุงใหญ่ที่ปฏิบัติต่อนางราวกับบุตรแท้ๆ ขอบตาของไป๋จิ่นจื้อร้อนผ่าวทันที ในที่สุดก็พยักหน้าลง “เช่นนั้นเสี่ยวซื่อขอขอบพระคุณท่านลุงใหญ่ ขอบคุณพี่หญิงใหญ่ เสี่ยวซื่อจะรับไว้เจ้าค่ะ!”
“หากท่านลุงใหญ่ของเจ้าเห็นเจ้าทำให้ผิงอันยอมรับเจ้าเป็นนายได้ ท่านคงภูมิใจมาก” ไป๋ชิงเหยียนมองดูน้องสาวยิ้มๆ
ปราบพยศและรับเป็นนาย คือคนละเรื่องกัน
การปราบพยศม้าสักตัวได้ เราจะสั่งการให้มันทำสิ่งใดก็ได้ ทว่า มันไม่มีทางจงรักภักดีกับเรา
ทว่า หากม้ายอมรับเราเป็นนาย ม้าตัวนั้นจะปกป้องเราด้วยชีวิตเช่นเดียวกับที่จี๋เฟิงเคยทำ หญิงสาวหวังว่าไป๋จิ่นจื้อจะมีม้าเช่นนั้นคู่กายยามออกรบในสนามรบ ผิงอันจะเป็นเกราะป้องกันให้นางอีกชั้นหนึ่ง
“พี่หญิงใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ! ข้าจะทำให้ผิงอันยอมรับข้าเป็นนายให้ได้ภายในสามวันเจ้าค่ะ!”
ไป๋จิ่นจื้อกล่าวด้วยความมั่นใจ
“พี่เชื่อเจ้า!”
ไป๋จิ่นจื้อมองไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาที่เป็นประกายสุกใส ทุกครั้งที่พี่หญิงใหญ่กล่าวว่าเชื่อใจนาง นางมักเต็มไปด้วยพลังที่เปี่ยมล้น เพราะไม่เคยมีผู้ใดกล่าวว่าเชื่อใจนางมาก่อน ทุกคนมักรู้สึกว่านางเป็นเพียงเด็กใจร้อนและไม่รอบคอบ แม้แต่มารดาของนางยังคิดเช่นนั้นเลย!
ดังนั้นเมื่อพี่หญิงใหญ่กล่าวว่าเชื่อใจนาง นางจึงอยากให้พี่หญิงใหญ่ได้เห็นความสำเร็จของนาง เพราะนางรู้ดีแก่ใจว่าทุกครั้งที่พี่หญิงใหญ่กล่าวว่าเชื่อนาง…พี่หญิงใหญ่เชื่อนางด้วยใจจริง นางไม่อยากให้พี่หญิงใหญ่ผิดหวังและไม่อยากให้พี่หญิงใหญ่ต้องแบ่งเวลามากังวลเรื่องของนาง
องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนขี่ม้าเร็วกลับไปยังเมืองเหมิง เขาต้องการนำถ้อยคำของคุณหนูใหญ่ไป๋ไปรายงานให้เซียวหรงเหยี่ยนทราบโดยเร็วที่สุด
ได้ยินว่าองครักษ์ที่นำจดหมายไปให้ไป๋ชิงเหยียนกลับมาแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนให้คนเก็บแผนที่ให้เรียบร้อย ชายหนุ่มสั่งให้คนไปพาองครักษ์เข้ามาโดยที่เขานั่งรออยู่ที่หน้าเตาผิง
“คารวะนายท่านขอรับ!” องครักษ์เดินเข้ามาพร้อมไอหนาว คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น
เซียวหรงเหยี่ยนใช้ที่เขี่ยถ่านเขี่ยฟืนในเตาผิง ก้มหน้าพลางเอ่ยถาม “มอบม้าและจดหมายถึงมือนางเรียบร้อยแล้วหรือไม่”
“ขอรับ! ส่งถึงมือเรียบร้อยขอรับ! คุณหนูใหญ่ไป๋อ่านจดหมายเสร็จก็เผาจดหมายฉบับนั้นต่อหน้าข้าเลยขอรับ” องครักษ์กล่าว
เซียวหรงเหยี่ยนมองถ่านที่ถูกเผาจนกลายเป็นสีแดงในเตาผิง มุมปากหยักยิ้มขึ้นน้อยๆ ไป๋ชิงเหยียนคงรู้ว่านั่นคือลายมือของเขาจึงเผาจดหมายนั่นทิ้งต่อหน้าองครักษ์ของเขาเช่นนี้ นางคงอยากให้เขาสบายใจ!
“คุณหนูใหญ่ไป๋กล่าวสิ่งใดอีกหรือไม่”
“คุณหนูใหญ่ไป๋ถามข้าว่านายท่านต้องการขอยืมสิ่งใดจากนางหรือไม่ขอรับ ทว่า คุณหนูใหญ่ไป๋ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจหรือประชดประชันแต่อย่างใด นางแค่ถามด้วยน้ำเสียงปกติขอรับ ข้าไม่ได้ตอบอย่างหักหน้า ตอบไปเพียงว่านายท่านไม่ได้กล่าวสิ่งใด! ต่อมา ตอนที่ข้ากำลังจะจากไป คุณหนูใหญ่กล่าวว่า…หากอยากยึดหนานเยี่ยนคืน ไม่ใช่ว่ารบชนะก็ถือว่าสำเร็จแล้ว หนานเยี่ยนใช้การปกครองเก่าของต้าเยี่ยน ชาวบ้านแคว้นหนานเยี่ยนรับใช้จักรพรรดิเยี่ยงทาสมาหลายสิบปี จากที่เคยร่ำรวยก็ต้องอับจน ชาวบ้านที่เคยใช้การปกครองใหม่ของจีโฮ่วต่างไม่พอใจในราชวงศ์หนานเยี่ยนมานานแล้ว! ขอรับ”
องครักษ์ถ่ายทอดถ้อยคำของไป๋ชิงเหยียนให้เซียวหรงเหยี่ยนฟังโดยไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว
มือที่กำลังเขี่ยถ่านในเตาผิงของเซียวหรงเหยี่ยนชะงักลงทันที ชายหนุ่มใคร่ครวญคำกล่าวของ
ไป๋ชิงเหยียนอย่างละเอียด หรี่ตาลงเล็กน้อย ไป๋ชิงเหยียนกำลังแนะนำให้เขาใช้ความโกรธของชาวบ้านให้เป็นประโยชน์เช่นนั้นหรือ…
จู่ๆ เซียวหรงเหยี่ยนก็นึกถึงตอนที่เขายังอยู่ในเมืองหลวงของแคว้นต้าจิ้น ชาวบ้านมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วกงในคืนวันที่สามสิบโดยไม่ได้นัดหมายเพื่อรอข่าวจากวังหลวงส่งกลับมาเป็นเพื่อนเหล่าสตรีของจวนเจิ้นกั๋วกง
วันที่ศพของเจิ้นกั๋วกงกลับมาถึงเมืองหลวง ชาวบ้านแทบทั้งเมืองหลวงถือโคมไฟเดินทางไปรอต้อนรับการกลับมาของวิญญาณวีรบุรุษตระกูลไป๋ที่ประตูเมืองทางทิศใต้
เซียวหรงเหยี่ยนมองดูเปลวเพลิงที่สว่างไสวอยู่ในเตาผิง หากเขาแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป…แล้วหนานเยี่ยนมีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า กองทัพที่มีเพียงน้อยนิดของต้าเยี่ยนในตอนนี้จะอาศัยช่วงที่กำลังวุ่นวายยึดหนานเยี่ยนกลับคืนมาได้หรือ
องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนคุกเข่าอยู่บนพื้นนิ่ง ไม่นานก็ได้ยินเสียงเซียวหรงเหยี่ยนสั่งการ “ไปตามหวังจิ่วโจวมาพบข้า!”
เจ้านายของเขาเรียกพบใต้เท้าหวังแสดงว่าท่านตัดสินใจได้แล้ว
องครักษ์รีบลุกขึ้นและเดินออกไปตามหวังจิ่วโจวมาพบทันที
หวังจิ่วโจวเดินเข้ามาด้านในอย่างรีบร้อน เขาเห็นดวงตาของเซียวหรงเหยี่ยนที่ยามปกติล้ำลึกยากจะคาดเดาบัดนี้เต็มไปด้วยความเยือกเย็นจนน่าสะพรึงกลัว เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยถามขึ้น “ตลาดในเมืองเหมิงมีอีกกี่วัน”
“เรียนนายท่าน หากไม่นับวันนี้ก็เหลืออีกสองวันขอรับ…” หวังจิ่วโจวเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม
“สองวันนี้เจ้าจงสั่งให้คนแพร่ข่าวจากตลาดไปจนถึงเมืองหลวงของหนานเยี่ยนว่ากองทัพของต้าเยี่ยนกำลังจะบุกเข้ามาแล้ว…” เซียวหรงเหยี่ยนเติมถ่านลงไปในเตาผิงเพิ่ม จากนั้นวางไม้คีบลง “ทว่า ฮ่องเต้ของต้าเยี่ยนทรงสั่งห้ามกองทัพต้าเยี่ยนทำร้ายชาวบ้านโดยเด็ดขาด เราทำศึกครั้งนี้เพื่อต้องการดึงจักรพรรดิของหนานเยี่ยนลงมาจากบัลลังก์ที่ได้มาอย่างไม่ชอบธรรม ให้แคว้นหนานเยี่ยนใช้การปกครองแบบใหม่ของจีโฮ่ว กำจัดการปกครองแบบเก่าให้สิ้นซาก สร้างการปกครองที่เป็นหนึ่งเดียวกันของต้าเยี่ยน ทำให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้!”
ตลาดเมืองเหมิงเป็นตลาดที่ครึกครื้น ผู้คนพลุกพล่านและเปิดยาวนานที่สุดในหนานเยี่ยน นายท่านต้องการให้คนเหล่านี้ช่วยกระจายข่าวออกไปเป็นวงกว้าง
หวังจิ่วโจวเข้าใจความหมายที่เซียวหรงเหยี่ยนต้องการสื่อในทันที เขาพยักหน้าพลางกล่าว “นายท่านวางใจได้ขอรับ! ข้าจะจัดการอย่างรัดกุมที่สุดขอรับ!”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า
เมื่อหวังจิ่วโจวเดินออกไปแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนที่นั่งอยู่หน้าเตาผิงสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที เขาไม่เคยคิดใช้วิธีใช้ประโยชน์จากคำของชาวบ้านเช่นนี้มาก่อน
ลองดูสักครั้งก็แล้วกัน ไม่แน่ว่าวิธีของไป๋ชิงเหยียนอาจได้ผลก็ได้ เช่นนี้กองทัพของต้าเยี่ยนจะได้สูญเสียน้อยที่สุด
ทว่า หากได้ผลขึ้นมาจริงๆ เขาคงติดหนี้บุญคุณไป๋ชิงเหยียนครั้งใหญ่หลวงแล้ว ควรตอบแทนอย่างไรดี…
คิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนปรากฏรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมาทันที