ตอนที่ 201 กังวลใจจนว้าวุ่น
เด็กหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย ท่าทีสงบนิ่งไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ทำให้คนสัมผัสได้ถึงความสุขุมจากตัวเขา น้ำเสียงของเด็กหนุ่มมีมารยาทและอ่อนโยนมาก “รบกวนช่วยนำทางด้วยขอรับ”
อายุแค่นี้แต่วางตัวได้ดีถึงเพียงนี้ หวังจิ่วโจวเดาว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คงเป็นคุณชายที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีจากตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลใดตระกูลหนึ่งแน่นอน เขาจึงปฏิบัติต่อเด็กหนุ่มอย่างเคารพและยำเกรงมากยิ่งขึ้น
หวังจิ่วโจวพาเด็กหนุ่มไปที่ห้องหนังสือของเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นเขาก็เดินจากไป
เซียวหรงเหยี่ยนนั่งอยู่หน้าเตาผิง มือข้างหนึ่งคีบตัวหมาก อีกข้างถือตำราเอาไว้ ชายหนุ่มก้มหน้าพิจารณากระดานหมากล้อมที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้มองไปยังเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มยืนรอคอยอยู่ที่หน้าประตูอย่างสงบเสงี่ยม มองสำรวจเซียวหรงเหยี่ยนอย่างเปิดเผย มีท่าทียโสโอหังดังเช่นคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ทั่วไปอยู่สองสามส่วน
เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือไป๋ชิงเจวี๋ยคุณชายเจ็ดของตระกูลไป๋แห่งจวนเจิ้นกั๋วกง พี่ชายแท้ๆ ของคุณชายสิบเจ็ด
กาน้ำชาที่ต้มอยู่บนเตาผิงเดือดปุดๆ จนถ่านเริ่มไหม้
เซียวหรงเหยี่ยนจึงปิดตำราแล้ววางลงบนโต๊ะน้ำชาตัวเล็กที่อยู่ด้านข้าง ใช้ผ้าจับกาน้ำชาแล้วเทน้ำชาลงบนถ้วยสองถ้วย เอ่ยถาม “เล่นหมากล้อมเป็นหรือไม่”
“พอได้ขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยตอบอย่างเปิดเผย
ทายาทของตระกูลไป๋ทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์โดดเด่น แม้สวมเสื้อผ้าซอมซ่อก็ปกปิดความทะนงที่ฝังลึกอยู่ในตัวตนไม่ได้
เซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้ามองไปทางเด็กหนุ่ม ชี้นิ้วไปยังที่นั่งอีกฝั่งตรงข้ามของกระดานหมากล้อมพลางกล่าวยิ้มๆ “นั่งลงเถิด…”
ไป๋ชิงเจวี๋ยไม่เกรงใจ เด็กหนุ่มสะบัดชายชุดยาวเล็กน้อยพลางนั่งลงตรงข้ามเซียวหรงเหยี่ยนอย่างสง่างาม
เซียวหรงเหยี่ยนรินน้ำชาให้ไป๋ชิงเจวี๋ยที่กำลังก้มหน้ามองกระดานหมาก เขาได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ จากร่างของเด็กหนุ่ม เดาว่าเด็กหนุ่มคงได้รับบาดเจ็บ ทว่า เมื่อครู่เขามองไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
“คุณชายเป็นคนต้าจิ้นหรือขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนถาม
ไป๋ชิงเจวี๋ยเงยหน้าจากกระดานหมากล้อม มองไปยังใบหน้าที่สง่างามของเซียวหรงเหยี่ยน พยักหน้าพลางตอบตามความจริง “ใช่ขอรับ…”
“คุณชายตระกูลสูงศักดิ์หรือขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนถามต่อ
“ข้าติดตามบิดามาออกรบเพื่อฝึกฝนประสบการณ์ ไม่เคยคิดว่ากองทัพต้าจิ้นจะพ่ายแพ้ย่อยยับ โชคดีที่พ่อค้าทาสช่วยชีวิตข้าเอาไว้” ไป๋ชิงเจวี๋ยตอบอย่างตรงไปตรงมา ทว่า เขาไม่คิดจะบอกความจริงว่าเขามีนามว่าไป๋ชิงเจวี๋ย
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าน้อยๆ วางกาน้ำชาลงบนเตาผิงตามเดิม ชายหนุ่มพิจารณาสีหน้าของเด็กหนุ่มอย่างละเอียด “ข้าคือเซียวหรงเหยี่ยน พ่อค้าจากแคว้นเว่ย ติดตามกองทัพเสริมห้าหมื่นนายขององค์รัชทายาทมาถึงเมืองหวั่นผิงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา”
“องค์รัชทายาท?!” ไป๋ชิงเจวี๋ยเงยหน้าขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความงุนงง
“ฉีอ๋องขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนอธิบายอย่างใจเย็น
หลังจากเด็กหนุ่มได้รับบาดเจ็บก็คงไม่ได้รับข่าวคราวจากแคว้นต้าจิ้นอีกเลย เขาไม่รู้ว่าฉีอ๋องได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด
เซียวหรงเหยี่ยนมองดูดวงตาที่คล้ายคลึงกับไป๋ชิงเหยียนมากของไป๋ชิงเจวี๋ย เอ่ยถามขึ้น “คุณชายคงยังไม่ทราบว่าซิ่นอ๋องที่ใช้ป้ายอาญาสิทธิ์บีบบังคับให้เจิ้นกั๋วอ๋องออกรบถูกถอดยศกลายเป็นเพียงสามัญชนแล้ว”
ดวงตาสงบนิ่งของไป๋ชิงเจวี๋ยมองไปยังเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง ดวงตาคู่นั้นสุกใสงดงามมาก
“เจิ้นกั๋วกงได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็นเจิ้นกั๋วอ๋อง ซิ่นอ๋องใส่ร้ายว่าเจิ้นกั๋วอ๋องดึงดันออกรบ ผู้ใดจะคิดว่าสถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปเพราะบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของจวนเจิ้นกั๋วกงนำม้วนไม้ไผ่บันทึกสถานการณ์รบกลับไปยังเมืองหลวง คุณหนูใหญ่ไป๋นำม้วนไม้ไผ่ไปตีกลองเติงเหวิน ใช้ความโกรธของชาวบ้านบีบให้ฮ่องเต้คืนความยุติธรรมให้ตระกูลไป๋”
ได้ยินเซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยถึงพี่หญิงใหญ่ ดวงตาของไป๋ชิงเจวี๋ยหม่นลงเล็กน้อย เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้แสดงพิรุธอันใดออกมา
พี่หญิงใหญ่ร่างกายอ่อนแอถึงเพียงนั้นจะไปตีกลองเติงเหวินได้อย่างไรกัน
ทว่า จากนิสัยของพี่หญิงใหญ่ นางคงทำเช่นนั้นจริงๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่หญิงใหญ่จะเป็นเช่นไรบ้าง…
เซียวหรงเหยี่ยนลูบถ้วยน้ำชาเบาๆ มองไปยังไป๋ชิงเจวี๋ยอย่างสนใจ ในใจรู้สึกชื่นชมเด็กหนุ่มมาก ลูกหลานตระกูลไป๋มีแต่คนไม่ธรรมดาจริงๆ อายุเพียงสิบห้าสิบหกปี แต่สามารถประคองสีหน้านิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาได้ สุขุมหนักแน่นเช่นนี้ ไม่ทำให้ตระกูลของเขาเสื่อมเสียจริงๆ
“กล่าวถึงคุณหนูใหญ่ไป๋ นางช่างเป็นสตรีที่กล้าหาญและโดดเด่นไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ”
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ครั้งนี้คุณหนูใหญ่ไป๋ติดตามองค์รัชทายาทมาออกรบด้วย นางพันถุงทรายไว้รอบกาย เดินเท้าร่วมกับกองทัพมาตลอดทางจนในที่สุดก็ยกคันธนูเซ่อรื้อขึ้นได้อีกครั้ง! สงครามภูเขาเวิ่ง นางอาศัยกองทัพต้าจิ้นเพียงแค่ห้าหมื่นนายกวาดล้างกองทัพเกือบแสนนายของซีเหลียงจนราบเรียบอยู่ในหุบเขาเวิ่ง ไม่ทราบว่าคุณชายมองเห็นเปลวไฟที่ลอยอยู่ในอากาศเหนือหุบเขาเวิ่งหรือไม่ขอรับ นั่นคือเปลวไฟที่เผาร่างของทหารซีเหลียงขอรับ”
ไป๋ชิงเจวี๋ยขบกรามแน่นอย่างไม่รู้ตัว ใจสั่นเทา เลือดในกายพลุ่งพล่าน พี่หญิงใหญ่เดินทางมาหนานเจียงได้อย่างไรกัน! ไหนจะเรื่องพันถุงทรายไว้รอบกายและเดินเท้าพร้อมกองทัพอีก!
เด็กหนุ่มกำชายเสื้อของตัวเองแน่น จักรพรรดิชั่วช้านั่นบีบบังคับพี่หญิงใหญ่อย่างนั้นหรือ
ไม่สิ…ด้วยสติปัญญาของพี่หญิงใหญ่ หากนางไม่ยินยอม จักรพรรดิชั่วไม่มีทางบีบบังคับนางได้อย่างแน่นอน
ทว่า ร่างกายของพี่หญิงใหญ่…นางจะออกรบได้อย่างไรกัน! ท่านย่าและท่านป้าใหญ่ไม่ได้ห้ามปรามนางหรืออย่างไร
ไป๋ชิงเจวี๋ยว้าวุ่นใจมาก ลมหายใจติดขัดของเขาเผยความรู้สึกในยามนี้ของเขาออกมา มือที่วางอยู่บนเข่ากำแน่นจากนั้นคลายออกอีกครั้ง อารมณ์ของเขากลับมาเป็นปกติ ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริงหรือไม่ เขาเป็นกังวลจนว้าวุ่นใจเกินไปแล้ว
เด็กหนุ่มมองไปยังเซียวหรงเหยี่ยนผู้สุขุมอ่อนโยนและมีรอยยิ้มในดวงตาซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตน เขาไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษที่ดูสูงส่ง สง่างามราวกับบัณฑิตผู้นี้จะเป็นเพียงพ่อค้าที่เห็นแก่เงิน ดังนั้นตอนนี้
ไป๋ชิงเจวี๋ยจึงยังไม่เชื่อเรื่องฐานะของเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนวางถ้วยชาลง “ข้าลืมถามไป แม่นางที่คุณชายช่วยเหลือในวันนี้เป็นคนที่คุณชายรู้จักอย่างนั้นหรือ”
“ไม่รู้จักขอรับ เป็นคนต้าจิ้นเช่นเดียวกัน ข้าไม่อาจทนเห็นนางถูกย่ำยีได้ขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยมองเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง “เหตุใดเซียวเซียนเซิงจึงซื้อตัวข้าขอรับ”
“ข้าเป็นพ่อค้า ภายภาคหน้าต้องติดต่อกับตระกูลสูงศักดิ์ของแคว้นต้าจิ้นอีกมาก คุณชายดูไม่ใช่คนธรรมดา มีฝีมือต่อสู้ คงเป็นลูกหลานจากตระกูลใดสักตระกูล ข้าอยากผูกมิตรจึง…เชิญคุณชายมาขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนเลือกใช้คำอย่างมีมารยาท ใช้คำว่าเชิญ ไม่ใช่ซื้อ “ไม่ทราบว่าคุณชายพอจะบอกได้หรือไม่ว่าเป็นคนของตระกูลใด ข้าจะได้ให้คนพาคุณชายกลับไปส่งที่แคว้นต้าจิ้น แน่นอน…หากคุณชายไม่สะดวกที่จะบอก ข้าก็จะไม่ถามเซ้าซี้อีก หากภายภาคหน้ามีวาสนาได้พบกันอีก หวังว่าคุณชายจะไม่รังเกียจที่ข้าเป็นเพียงพ่อค้า ร่วมดื่มเหล้ากับข้าสักจอกนะขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้กล่าวถึงตระกูลอื่นเลยแม้แต่น้อย เขาจงใจกล่าวถึงท่านปู่และจวนเจิ้นกั๋วกง…อีกทั้งพี่หญิงใหญ่ ไป๋ชิงเจวี๋ยเดาว่าเซียวหรงเหยี่ยนคงรู้แล้วว่าเขาเป็นทายาทของตระกูลไป๋
ไป๋ชิงเจวี๋ยเป็นคนฉลาด เหตุใดจะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในถ้อยคำของเซียวหรงเหยี่ยน
ไป๋ชิงเจวี๋ยยกถ้วยน้ำชาขึ้น ชูไปทางเซียวหรงเหยี่ยนพลางกล่าว “ข้าติดค้างหนี้บุญคุณของเซียวเซียนเซิง ข้าจะเป็นคนชดใช้เอง ไม่กล้าลากตระกูลของข้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หวังว่าเซียวเซียนเซิงจะเข้าใจขอรับ”
ในเมื่อเซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้เปิดเผยฐานะของเขา เขาก็ไม่คิดจะบอกออกไป ทว่า ตระกูลไป๋เป็นคนสำนึกในบุญคุณคน พ่อค้าทาสผู้นั้นช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาจึงไม่คิดหนี ปล่อยให้พ่อค้าทาสขายเขาตามสบาย…
เดิมทีเขาคิดว่าหากถูกซื้อตัวไปแล้ว คนที่ซื้อตัวเขาไปไม่ได้ให้เขาทำเรื่องเลวร้าย เขาจะตอบแทนบุญคุณแล้วค่อยจากไป
นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะถูกพ่อค้าแคว้นเว่ยอย่างเซียวหรงเหยี่ยนช่วยเอาไว้ ชื่อเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วทุกแคว้น ไป๋ชิงเจวี๋ยก็เคยได้ยินเช่นเดียวกัน