ตอนที่ 205 สร้างสถานการณ์
ที่สำคัญ ศีรษะของบุตรชายอวิ๋นพั่วสิงยังแขวนอยู่ในใจกลางค่ายทหาร เขาคงอยากแย่งชิงมันกลับไปทุกลมหายใจเข้าออก จะมีโอกาสใดเหมาะสมไปกว่าคืนนี้อีกเล่า!
ต่อให้อวิ๋นพั่วสิงไม่ได้คิดแผนการนี้ไว้ล่วงหน้า เขาก็คงเกิดความคิดนี้ขึ้นอยู่ดี
คุณหนูใหญ่ใช้กลยุทธ์โจมตีทางจิตใจ!
รองแม่ทัพเสิ่นเหลียงอวี้อยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียนอยู่แล้ว ไม่นานแม่ทัพจางตวนรุ่ย แม่ทัพเจินเจ๋อผิง แม่ทัพสือพานซาน แม่ทัพเว่ยจ้าวเหนียน แม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อก็เดินเข้ามาในกระโจมโดยพร้อมเพรียงกัน
ส่วนแม่ทัพกู่เหวินชังและแม่ทัพเสิ่นคุนหยางที่คนหนึ่งบาดเจ็บที่ดวงตา คนหนึ่งบาดเจ็บที่ขา ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้พวกเขาแยกกันคุ้มกันอยู่ที่เทียนเหมินกวนและเมืองเฟิ่ง
“คืนนี้อวิ๋นพั่วสิงจะบุกโจมตีค่ายของเรา ดังนั้นฟ้ามืดเมื่อใด แม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อและแม่ทัพจางตวนรุ่ยจงนำทหารยอดฝีมือห้าพันนายอ้อมถนนหลิงกู่และภูเขาหมีดำลอบบุกเข้าโจมตีค่ายทหารของอวิ๋นพั่วสิง! ข้าและแม่ทัพเจินเจ๋อผิงจะนำทหารห้าร้อยนายเป็นเหยื่อล่อพวกทหารซีเหลียงอยู่ในค่าย แม่ทัพเว่ยจ้าวเหนียนนำทัพกองทัพไป๋ แม่ทัพสือพานซานนำทัพทหารส่วนที่เหลือดักซุ่มอยู่ทั้งสี่ทิศ อย่าให้ทหารซีเหลียงมีชีวิตรอดกลับไปได้เด็ดขาด!”
แม่ทัพเว่ยจ้าวเหนียนแห่งกองทัพไป๋ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดมาก ส่วนแม่ทัพเจินเจ๋อผิง แม่ทัพจางตวนรุ่ยและแม่ทัพสือพานซานที่ผ่านศึกหุบเขาเวิ่งมาพร้อมกับไป๋ชิงเหยียนต่างศรัทธาในตัวหญิงสาวมาก พวกเขาล้วนทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
“แม่ทัพไป๋อยู่เป็นเหยื่อล่อที่ค่ายจะเสี่ยงอันตรายเกินไปหรือไม่ขอรับ” แม่ทัพเจินเจ๋อผิงกล่าว “ข้าอยู่คนเดียวก็พอแล้วขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนคาดไม่ถึงว่าแม่ทัพเจินเจ๋อผิงจะเป็นห่วงนาง หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ “อวิ๋นพั่วสิงได้รับบทเรียนแล้ว มีเพียงแน่ใจว่าข้าอยู่ในค่ายเท่านั้น เขาถึงจะบุกมา”
ใจของไป๋จิ่นจื้อเต้นรัว กลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะกันตัวเองออกห่างจากนาง นางกำมือของไป๋ชิงเหยียนไม่ยอมปล่อย ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะอยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับไป๋ชิงเหยียน ปกป้องไป๋ชิงเหยียนให้ปลอดภัย
ไป๋ชิงเหยียนมองลอดประตูกระโจมไปยังทิศใต้ของแม่น้ำจิงแวบหนึ่ง แววตามีรอยยิ้มเล็กน้อย “ถ่ายทอดคำสั่งไปยังทหารทุกคน ก่อนทานข้าวเย็นให้พวกเขาฝึกซ้อมรบรอบหนึ่ง ซ้อม…บุกโจมตีค่ายทหาร”
“หืม?” แม่ทัพเจินเจ๋อผิงมีสีหน้างุนงง “เพราะเหตุใดขอรับ”
“เพื่อ…ให้อวิ๋นพั่วสิงคิดว่าข้ากำลังสร้างสถานการณ์ข่มขู่ให้เขาหวาดกลัว!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“น้อมรับบัญชาขอรับ!” แม่ทัพเว่ยจ้าวเหยียนกำหมัดรับคำสั่งโดยไม่โต้แย้งใดๆ
“น้อมรับบัญชาขอรับ!” แม่ทัพจางตวนรุ่ยรับคำสั่งเช่นเดียวกัน
แม้แม่ทัพเจินเจ๋อผิงจะยังไม่เข้าใจ ทว่า ก็กำหมัดรับคำสั่งพร้อมแม่ทัพสือพานซาน
อย่างไรเสีย พวกเขาไม่คิดสงสัยในความสามารถของไป๋ชิงเหยียน
ก่อนที่กองทัพซีเหลียงจะทานอาหารเย็นในค่ายทหาร จู่ๆ เสียงแตรและกลองศึกก็ดังขึ้นพร้อมกัน
ทหารซีเหลียงหยิบอาวุธข้างกายของตัวเองขึ้นมาอย่างหวาดกลัวราวกับนกกลัวธนู แม่ทัพซีเหลียงทุกคนเร่งฝีเท้าวิ่งออกไปนอกค่ายทหาร มองธงที่กำลังโบกสะบัดจนฝุ่นปลิวว่อนไปมาหน้าค่ายทหารของต้าจิ้นซึ่งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำจิง ต่างรีบวิ่งไปยังกระโจมแม่ทัพใหญ่ของอวิ๋นพั่วสิงทันที
เมื่อเห็นอวิ๋นพั่วสิงถูกทหารประคองขึ้นไปนั่งบนหลังม้า สีหน้าของแม่ทัพซีเหลียงแต่ละคนล้วนซีดเผือด เอ่ยถามขึ้น “ท่านแม่ทัพใหญ่จะบุกโจมตีค่ายทหารของต้าจิ้นแล้วหรือขอรับ”
“สั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อม ข้าจะไปดูลาดเลาสักหน่อย!”
แม่ทัพของซีเหลียงว้าวุ่นใจ ขบกรามพลางตะโกนขึ้นเสียงดัง “ข้าไปกับท่านแม่ทัพใหญ่ด้วยขอรับ!”
แม่ทัพของซีเหลียงต่างกระโจนขึ้นหลังม้า ติดตามหลังอวิ๋นพั่วสิงไปยังแม่น้ำจิง
ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องจากค่ายทหารต้าจิ้นฝั่งตรงข้ามแม่น้ำชัดขึ้นเรื่อยๆ
อวิ๋นพั่วสิงหยุดอยู่ริมแม่น้ำ ม้าที่ขี่อยู่ย่ำเท้าไปมาอย่างหวาดกลัว
เมื่อเห็นว่าริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามมีทหารซึ่งชูธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋ขึ้นสูงโผล่ออกมาจากทั่วทุกทิศ ทหารที่อยู่ข้างกายของอวิ๋นพั่วสิงรีบชักดาบออกมาคุ้มกันอวิ๋นพั่วสิงทันที
“รีบถอย! เตรียมเปิดศึก!”
ไม่รู้ว่าผู้ใดตะโกนออกมา ทว่า อวิ๋นพั่วสิงยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า ขมวดคิ้วมองไปทางชายฝั่งแม่น้ำฝั่งตรงข้ามโดยไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
เห็นเพียงกองทัพไป๋เหล่านั้นเข้าไปยังค่ายทหารของต้าจิ้น
อวิ๋นพั่วสิงและบรรดาแม่ทัพทั้งหลายจึงเข้าใจทันที ที่แท้ทหารต้าจิ้นกำลังฝึกซ้อมรบอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้นเอง
ฝั่งตรงข้าม เสียงกลองศึก เสียงรบของทหารดังขึ้นไม่ขาดสาย ฝุ่นตลบอบอวล เสียงแตรดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
อวิ๋นพั่วสิงหรี่ตาลง เขาเห็นเพียงธงที่สะบัดพลิ้วไปมาในค่ายทหารของต้าจิ้นและศีรษะของลูกชายเขาที่แกว่งไปมาตามแรงลมเท่านั้น
“กองทัพต้าจิ้นคิดจะทำสิ่งใดกันแน่! ซ้อมรบต้องทำอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ด้วยหรือ! ต้องการอวดอ้างบารมีของกองทัพ บอกพวกเราว่าจะบุกโจมตีค่ายทหารของพวกเราหรืออย่างไร! น่าขันเสียจริง…” แม่ทัพคนหนึ่งของซีเหลียงเก็บดาบเข้าฝัก ไม่ได้ตึงเครียดอย่างเมื่อครู่อีกแล้ว เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
อวิ๋นพั่วสิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “นั่นสินะ พวกเขากำลังข่มบารมีกองทัพซีเหลียงของเราอยู่!”
อวิ๋นพั่วสิงเดาว่าหลังจากที่ไป๋ชิงเหยียนกลับไป ชายคนที่ตัดศีรษะลูกชายของเขาคงเอ่ยเตือน
ไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนเองก็คงรู้สึกว่าวันนี้นางกล่าววาจาโอหังยั่วยุเขาเกินไป ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นฝึกซ้อมรบเพื่อข่มบารมีเขาเช่นนี้
นี่แสดงว่าไป๋ชิงเหยียนคงหวาดกลัวเขาอยู่เหมือนกัน!
มิเช่นนั้นนางรอเขาบุกโจมตีอย่างสงบก็พอแล้ว เหตุใดต้องซ้อมรบอย่างเอิกเกริกเพื่อข่มบารมีเขาเช่นนี้ด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นพั่วสิงยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะบุกโจมตีค่ายทหารต้าจิ้นในคืนนี้
เมื่อฝึกซ้อมเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนซึ่งอยู่ในชุดเกราะสีเงินสวมทับด้วยเสื้อคลุมกันลมสีแดงก้าวขึ้นไปบนแท่นสูง ยกมือขึ้น…
ทหารหลายหมื่นในสนามซ้อมรบเงียบลงในทันที มองดูไป๋ชิงเหยียนที่ยืนอยู่บนแท่นสูงด้วยสีหน้าจริงจัง
“วันนี้…เป็นศึกครั้งสุดท้ายระหว่างต้าจิ้นกับซีเหลียง! วันนี้กองทัพต้าจิ้นของเราจะขยี้กองทัพซีเหลียงให้ราบเป็นหน้ากลอง ให้โจรถ่อยที่ดูหมิ่นแคว้นต้าจิ้นของเราไม่กล้าดูหมิ่นทหารกล้าของต้าจิ้นอีก! ทำให้โจรถ่อยพวกนั้นตัวสั่นทุกครั้งที่ได้ยินชื่อแคว้นต้าจิ้นของเรา! ทำให้คนพวกนั้นไม่กล้ามารุกรานชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นไปอีกนาน!” ไป๋ชิงเหยียนยกมือกำหมัด ใบหน้าเต็มไปด้วยไอสังหาร “ทุกท่าน…ไป๋ชิงเหยียนขอขอบคุณทหารกล้าทุกท่านแทนชาวบ้านแถบชายแดนทั้งหมด ขอบคุณที่พวกท่านยอมสละชีพแย่งชิงดินแดนกลับคืนมาให้เพื่อพวกเขา ขอบคุณที่พวกท่านยอมสละชีพออกรบโดยไม่กลัวตาย!”
แม่ทัพจางตวนรุ่ยเห็นว่าทหารทุกคนกำลังฮึกเหิม เขารีบสั่งให้คนนำเหล้าไปให้ทหารทุกคนทันที
ไป๋ชิงเหยียนรับเหล้าที่แม่ทัพจางตวนรุ่ยนำมาให้ด้วยตัวเอง ชูขึ้นสูงเพื่อคารวะเหล่าทหาร “ร่วมกันต่อต้านศัตรู ปกป้องแผ่นดินของเรา! หากไม่ตาย ไม่ยอมถอดเกราะเด็ดขาด!”
“หากไม่ตาย ไม่ยอมถอดเกราะเด็ดขาด!”
ทหารทุกคนเลือดร้อนพลุ่งพล่าน ตะโกนโห่ร้องออกมาสามครั้ง…
“ไม่ตาย ไม่ถอดเกราะ!”
“ไม่ตาย ไม่ถอดเกราะ!”
“ไม่ตาย ไม่ถอดเกราะ!”
เสียงตะโกนร้องของเหล่าทหารดังกังวานไปทั่วบริเวณ ดังกระหึ่มอยู่ในหัวของทุกคน
…
อวิ๋นพั่วสิงนั่งอยู่ในกระโจม มองดูราชโองการที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชา สีหน้าไม่ค่อยดีนัก
ซีเหลียงเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว!
จักรพรรดิของซีเหลียงถูกลอบสังหารจนสิ้นพระชนม์ แม้ทางวังหลวงจะปิดข่าวอย่างแน่นหนา ทว่า ข่าวก็ยังเล็ดลอดออกมาได้…
จักรพรรดิของซีเหลียงไม่มีโอรส มีเพียงพระธิดาสองคน จักรพรรดิซีเหลียงยังไม่ทันประกาศแต่งตั้งให้อนุชาคนใดขึ้นครองราชย์แทน อ๋องสามทนไม่ไหวจึงนำกองกำลังบุกเข้าไปในวังหลวง ฮองเฮาจึงตัดสินใจแต่งตั้งพระธิดาองค์โตของตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดินี อ๋องหกร่างพระราชโองการในนามของฮ่องเต้ตำหนิว่าฮองเฮาเป็นเพียงสตรีแต่กลับยุ่งเกี่ยวเรื่องในราชสำนัก สั่งให้อวิ๋นพั่วสิงรีบกลับไปยังเมืองหลวงอวิ๋นจิงเพื่อช่วยเขาแย่งชิงบัลลังก์กลับคืนมาและปกป้องสายเลือดสายตรงของราชวงศ์
อวิ๋นจิงเกิดการเปลี่ยนแปลง อวิ่นพั่วสิงต้องกลับไป! ทว่า ก่อนกลับ…เขาต้องสังหารไป๋ชิงเหยียนให้ได้ก่อน ปล่อยนางไว้มีแต่จะเป็นภัยต่อซีเหลียง น่ากลัวกว่าความขัดแย้งภายในของซีเหลียงในตอนนี้เสียอีก
เขาก้มมองดูแผนที่ เริ่มวางแผนการบุกโจมตีในคืนนี้!
เสบียงอาหารมีจำกัด นี่เป็นศึกแก้มือครั้งสุดท้ายแล้ว หากเขาพ่ายแพ้อีก…
เขาคงไม่มีสิทธิ์มีเสียงต่อหน้าขุนนางที่จักรพรรดิองค์ก่อนส่งมาเจรจาสงบศึกตอนที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่อีกต่อไป