ตอนที่ 208 เสียงกู่เซ่า
พลทหารราบของต้าจิ้นสวมเกราะหนาย่ำเท้าลงบนพื้นดินจนฝุ่น และเปลวไฟลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ
อวิ๋นพั่วสิงกุมเบียงเหียนแน่น ม้าศึกหมุนตัวไปมาอยู่กับที่อย่างตกใจ แววตาของอวิ๋นพั่วสิงตื่นตระหนก สายตากวาดมองไปยังทหารซีเหลียงที่ต่างมีสีหน้าหวาดกลัว และกองทัพต้าจิ้นที่เอาแต่โห่ร้องราวกับหมาป่าผู้หิวกระหาย
กองทัพต้าจิ้นบุกเข้าไปสู้รบกับกองทัพซีเหลียงในค่ายทหารซีเหลียงอย่างมีระเบียบเหมือนตอนที่ฝึกซ้อมที่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำในวันนี้ ไม่ปล่อยให้ซีเหลียงได้มีโอกาสได้พักหายใจเลยแม้แต่น้อย
จบแล้ว…จบสิ้นแล้ว!
หากกองทัพซีเหลียงเกือบทั้งแคว้นที่เขาพามาออกรบด้วยตายด้วยน้ำมือของเขา เขาต้องจบเห่แน่นอน
เปลวไฟสีแดงสะท้อนใบหน้าที่ซีดเผือดไร้สีเลือดของอวิ๋นพั่วสิง เขาไม่มีเวลาคิดแล้วว่าภูเขาหลิงชวนจะมีคนดักซุ่มโจมตีอยู่หรือไม่ เขาชักดาบพลางตะโกนออกมาสุดเสียง
“ถอยทัพ…ถอยทัพเดี๋ยวนี้!”
ท่ามกลางเปลวไฟที่กั้นขวาง อวิ๋นพั่วสิงมองเห็นไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าหยุดอยู่นอกค่ายทหารของซีเหลียง สองสายตาสบกัน ไอสังหารจากร่างของสตรีผู้นั้นช่างท่วมท้น และเยือกเย็นยิ่งนัก
อวิ๋นพั่วสิงขบกรามแน่น สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ตวาดออกมาอย่างเดือดดาลสุดขีด
“ไป๋ชิงเหยียน เจ้าให้เวลาข้าสามปี เหตุใดจึงบุกมาเช่นนี้!”
ทว่า สิ่งที่อวิ๋นพั่วสิงได้ยิน…มีเพียงเสียงแตรศึกที่ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
แม่ทัพที่คอยคุ้มกันอยู่ข้างกายของอวิ๋นพั่วสิงเห็นลูกธนูพุ่งตรงมาทางอวิ๋นพั่วสิง เขารีบควบม้าเข้าไปใกล้ กระโจนเอาร่างของตัวเองบังลูกธนูแทนอวิ๋นพั่วสิง คนและม้าล้มกลิ้งไปบนพื้นทั้งคู่ ร่างของแม่ทัพผู้นั้นสะบักสะบอมไปทั้งร่าง มองไปทางอวิ๋นพั่วสิงพลางตวาดออกมาเสียงดัง “แม่ทัพใหญ่ รีบหนีไปขอรับ!”
เมื่อเห็นแผนการรบทั้งหมดของไป๋ชิงเหยียน ผู้ชำนาญศึก…ย่อมรู้ดีว่ากองทัพซีเหลียงต้องพ่ายแพ้ไม่เหลือชิ้นดีอย่างแน่นอน
อวิ๋นพั่วสิงมองดูลูกน้องของตัวเองแวบหนึ่ง ดวงตาสองข้างแดงฉาน เขาไม่มีเวลาสนใจสิ่งใดอีก ตวัดแส้ม้า…พุ่งทะยานออกไปจากค่ายทหารซีเหลียง
วันที่สิบสี่ เดือนสอง รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบหก ทหารยอดฝีมือของต้าจิ้นข้ามแม่น้ำจิงบุกเข้าโจมตีค่ายทหารของซีเหลียง จากนั้นสังหารกองทัพซีเหลียงที่ต้องการบุกเข้าโจมตีค่ายทหารต้าจิ้นอยู่ที่ถนนหลิงกู่
ศึกนี้คือศึกสุดท้ายของสงครามที่หนานเจียง กองทัพที่ร่วมมือกันของหนานเยี่ยนและซีเหลียงพ่ายแพ้จนต้องถอยทัพหนี
คืนนั้น ค่ายทหารต้าจิ้นที่อยู่ทางทิศเหนือของแม่น้ำจิงมีจำนวนทหารไม่ถึงห้าพันนายเท่านั้น ค่ายทหารซีเหลียงทางทิศใต้ของแม่น้ำจิงเต็มไปด้วยเปลวไฟ ทหารซีเหลียงถูกสังหารจนราบเป็นหน้ากอง!
แม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อและแม่ทัพจางตวนรุ่ยนำทัพทหารหนึ่งหมื่นนายเตรียมพร้อมอยู่ที่ถนนหลิงกู่แล้ว พวกเขาสังหารทหารซีเหลียงทั้งหมด เสียงฆ่าฟันดังก้องไปทั่วบริเวณ
กว่าองครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนจะขี่ม้าไล่ตามเซียวหรงเหยี่ยนทั้งวันทั้งคืนจนพบตัวชายหนุ่มก็คือเช้าของวันที่สิบหก เดือนสองแล้ว
เขากระโดดลงจากหลังม้า พุ่งตัวเข้าไปในประตูหน้าของจวนหรูหราหลังใหญ่โต
เซียวหรงเหยี่ยนกำลังฝึกดาบอยู่ริมทะเลสาบ ดาบหันไปทางใด ใบไผ่ล้วนล่วงลงบนพื้น
หวังจิ่วโจวที่ยืนถือน้ำชา และผ้าขนหนูอยู่ด้านข้างเห็นองครักษ์วิ่งเข้ามาจึงหันไปบอกเซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ “นายท่าน เยว่สือกลับมาแล้วขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนลดดาบลง ร่างท่วมไปด้วยเหงื่อ เขาส่งดาบให้หวังจิ่วโจว รับผ้าขนหนูมาเช็ดเหงื่อ หันกลับไปมองเยว่สือที่วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
“นายท่าน จดหมายส่งถึงแล้วขอรับ! พอคุณหนูใหญ่ไป๋อ่านจบ นางฝากข้ามาบอกกับนายท่านว่า
“ไป๋ชิงเหยียนขอบพระคุณมาก ขอรับ” เยว่สือถ่ายทอดถ้อยคำ
เซียวหรงเหยี่ยนวางผ้าขนหนูลงบนถาดสีดำที่หวังจิ่วโจวถืออยู่ ยกถ้วยชาขึ้นพลางเอ่ยถาม
“ไม่มีอันใดแล้วหรือ”
เยว่สือส่ายหน้า ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงม้าขาวตัวนั้นขึ้นมาได้จึงกล่าวขึ้น
“คุณหนูใหญ่ไป๋ไม่ได้กล่าวสิ่งใดแล้วขอรับ ทว่า ครั้งนี้ข้าพบว่าคุณหนูใหญ่ไป๋มอบม้าขาวตัวนั้นให้คุณหนูสี่ไป๋ขอรับ ตอนไปข้าบังเอิญเจอกับคุณหนูสี่ไป๋ที่กำลังขี่ม้ากลับมาพอดี ดูเหมือนว่าคุณหนูสี่จะทำให้ม้าตัวนั้นยอมรับนางเป็นนายได้แล้วขอรับ!”
เซียวหรงเหยี่ยนที่กำลังจิบน้ำชาชะงักไปเล็กน้อย ครู่หนึ่งจึงเงยหน้ามองเยว่สือ “ข้ารู้แล้ว!”
เซียวหรงเหยี่ยนอดนึกถึงพี่ชายของตัวเองขึ้นมาไม่ได้ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าจะมีของดีอันใด เสด็จพี่มักเก็บไว้ให้เขาเสมอ
ช่างเถิด เดี๋ยวค่อยหาม้าหายากตัวใหม่ส่งไปให้หญิงสาวก็แล้วกัน!
“คนที่เราส่งไปกระจายข่าวลือทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางกันต่อ…” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าว
“ขอรับ!” หวังจิ่วโจวรับคำอย่างนอบน้อม
เมื่อถึงเวลากลางวัน ไป๋ชิงเจวี๋ยที่คุ้มกันอยู่ข้างกายเซียวหรงเหยี่ยนอย่างสงบเสงี่ยมมาตลอดปลดดาบที่เอวออก เตรียมตัวไปทานข้าว ขณะนั้นเองเขาได้ยินเสียงกู่เซ่าซึ่งเป็นสัญญาณลับเฉพาะของกองทัพไป๋
ไป๋ชิงเจวี๋ยกำดาบในมือแน่น เสียบดาบไว้ที่เอวอีกครั้ง หลบหลีกผู้คน ตามหาต้นตอของเสียงพลางปีนกำแพงบริเวณที่ลับตาคนออกไปด้านนอก
เซียวรั่วเจียงยืนรออยู่ใต้ต้นหลิวบริเวณลานด้านหลังจวน เมื่อเห็นว่ามีคนปีนกำแพงออกมา ชายหนุ่มรีบซ่อนตัวอยู่หลังต้นหลิวทันที เขายังไม่ทันชะโงกหน้าออกไปดูว่าคือผู้ใด ก็รู้สึกถึงความเย็นวาบพุ่งตรงมายังเขา เซียวรั่วเจียงยังไม่ทันชักดาบออกมา…แสงสว่างจากดาบเล่มหนึ่งจี้อยู่ที่คอของเขาแล้ว
ช่างเร็วอันใดปานนี้!
ไป๋ชิงเจวี๋ยเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ดาบ ย่อมมีฝีมือดาบที่เหนือกว่าผู้ใด…
“อย่าขยับ!” ไป๋ชิงเจวี๋ยมองแผ่นหลังของเซียวรั่วเจียง น้ำเสียงนิ่งขรึม
“คุณชายเจ็ด…ข้าเองขอรับ!” เซียวรั่วเจียงจุกแน่นในลำคอ
ได้ยินเสียงของเซียวรั่วเจียง ไป๋ชิงเจวี๋ยจึงลดดาบลง เขาค่อนข้างประหลาดใจ
“เจ้า…เจ้ามาได้อย่างไร”
เซียวรั่วเจียงและเซียวรั่วไห่เป็นพี่ชายที่ดื่มนมร่วมเต้าเดียวกันกับพี่หญิงใหญ่ ทั้งสองเคยฝึกฝนอยู่ในกองทัพไป๋ ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น ท่านลุงใหญ่ให้ทั้งสองคนกลับไปรักษาตัวที่บ้าน นับจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้มารายงานตัวที่กองทัพไป๋อีกเลย
เซียวรั่วเจียงหันหลังกลับ เมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของไป๋ชิงเจวี๋ยในชุดเสื้อคลุมยาว ดวงตาของเขาแดงก่ำ ตวัดชายเสื้อแล้วคุกเข่าลงบนพื้น “คุณชายเจ็ด…”
ไป๋ชิงเจวี๋ยเก็บดาบเข้าฝักพลางประคองให้เซียวรั่วเจียงลุกขึ้น “เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่!”
“คุณหนูใหญ่ให้ข้ามาหาคุณชายเจ็ดขอรับ!” เซียวรั่วเจียงกล่าวอย่างยากลำบาก
“ที่คุณหนูใหญ่ติดตามองค์รัชทายาทมาออกรบในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการมาตามหาคุณชายและคุณชายเก้าขอรับ เซียวเซียนเซิงที่ช่วยคุณชายไว้เคยช่วยเหลือตระกูลไป๋ตอนที่อยู่เมืองหลวงขอรับ ฮูหยินสี่รับรู้ข่าวการตายอย่างน่าอนาถของคุณชายสิบเจ็ดจากม้วนไม้ไผ่บันทึกสถานการณ์รบ…นางเกือบวิ่งชนโลงศพเพื่อปลิดชีพ องครักษ์ของเซียวเซิงเซิงผู้นี้เป็นคนช่วยชีวิตฮูหยินสี่ไว้ขอรับ”
ริมฝีปากของไป๋ชิงเจวี๋ยขยับเล็กน้อย เขานึกไม่ถึงเลยว่าเซียวเซียนเซิงผู้นี้ไม่เพียงช่วยชีวิตเขา แต่ยังช่วยชีวิตมารดาของเขาไว้อีกด้วย
“เซียวเซียนเซิงเดาฐานะของคุณชายออกจึงสั่งให้องครักษ์นำจดหมายไปมอบให้คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่กลัวว่าข้างกายของคุณชายจะไม่มีคนคอยรับใช้จึงสั่งให้ข้านำทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งมาคอยช่วยคุณชายขอรับ!” เซียวรั่วเจียงกล่าวพลางล้วงป้ายหยกแผ่นหนึ่งออกมาจากอกแล้วยื่นให้ไป๋ชิงเจวี๋ย
“คุณหนูใหญ่ให้ข้ามอบสิ่งนี้ให้คุณชายขอรับ นี่คือป้ายหยกที่สามารถใช้ออกคำสั่งทหารหน่วยกล้าตายได้ขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยรับป้ายหยกมากำแน่นไว้ในมือ เงยหน้าถาม “เหตุใดจึงเป็นทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่ง!”
เซียวรั่วเจียงเล่าแผนการที่ไป๋ชิงเหยียนเตรียมไว้ให้ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นถงและการเรียกใช้กำลังคนทั้งหมดให้ไป๋ชิงเจวี๋ยฟัง รวมถึงความลำบากที่ไป๋ชิงเหยียนเผชิญตลอดการเดินทางมาที่นี่ และความยากลำบากในการปกป้องคุ้มครองตระกูลไป๋ให้ปลอดภัย
ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋ชิงเจวี๋ยแดงฉานขึ้นเรื่อยๆ เขากำป้ายหยกในมือแน่น ถามต่อ
“นอกจากเสี่ยวซื่อแล้ว ข้างกายของพี่หญิงใหญ่ยังมีผู้ใดอีก เซียวรั่วไห่หรือ”
เซียวรั่วเจียงส่ายหน้า “ท่านพี่ของข้าไล่ตามแม่นางเสิ่นไปตามหาคุณชายและคุณชายเก้าแล้วขอรับ”
ไป๋ชิงเจวี๋ยขบกรามแน่น กล่าวขึ้น “ข้างกายของพี่หญิงใหญ่ต้องมีคนคอยคุ้มครอง ข้าอยู่กับเซียวเซียนเซิง ไม่มีอันตรายอันใดหรอก เจ้าทิ้งคนไว้ให้ข้าสองคนเพื่อให้พี่หญิงใหญ่สบายใจก็พอ ส่วนที่เหลือเจ้านำกลับไปเถิด สิ่งสำคัญที่สุดคือการคุ้มครองพี่หญิงใหญ่ให้ปลอดภัย!”