ตอนที่ 216 เลือดในกายเดือดพล่าน
ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกายร้อนแรง
“ถึงยามนั้น ไป๋ชิงเหยียนย่อมนำทัพบุกไปหาองค์หญิงผิงหยางถึงเมืองอวิ๋นจิงของซีเหลียงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้า…เจ้าช่างโอหังนัก!” เป็นครั้งแรกที่หลี่เทียนฟู่ตกอยู่ในสถานะถูกกระทำเช่นนี้ ดวงตาของหญิงสาวแดงฉาน
“เจิ้นกั๋วอ๋องเป็นนักรบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบารมีและศีลธรรม อีกทั้งยังมีความถ่อมตน ไม่โอหัง! แม่ทัพไป๋คือทายาทของเจิ้นกั๋วอ๋อง…ควรได้รับถ่ายทอดนิสัยของเจิ้นกั๋วอ๋องมาถึงจะถูก เหตุใดจึงกระหายสงครามเช่นนี้กัน” ขุนนางของซีเหลียงเริ่มรู้สึกไม่พอใจ
“ซีเหลียงไม่กระหายสงครามเช่นนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ หันกลับไปสบสายตากับขุนนางซีเหลียงผู้นั้น แม้เขามีใบหน้าที่คมคาย ทว่า หางตาที่เชิดสูงขึ้น และใบหน้าที่บูดบึ้งทำให้เขาค่อนข้างดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน
“ในเมื่อซีเหลียงไม่กระหายสงคราม เหตุใดซีเหลียงต้องร่วมมือกับหนานเยี่ยนบุกโจมตีแคว้นต้าจิ้นของข้าโดยไม่มีสาเหตุเช่นนี้ด้วย!”
หลิ่วหรูซื่อแค่นหัวเราะออกมา “กองทัพซีเหลียงบุกมาถึงภูเขาเวิ่งของแคว้นต้าจิ้นแล้วยังไม่ให้กองทัพต้าจิ้นโต้ตอบอีก! กองทัพซีเหลียงรบชนะต้าจิ้นถือเป็นเรื่องสมควร กองทัพต้าจิ้นแก้แค้นคืนกลับถูกเรียกว่ากระหายสงคราม! การกระทำที่ตัวเองจุดไฟได้แต่ไม่ให้แคว้นอื่นจุดไฟของซีเหลียงช่างเอาแต่ใจ และเผด็จการเสียจริง พวกท่านรู้จักคำว่ายางอายกันบ้างหรือไม่”
ดวงตาวาววับของไป๋ชิงเหยียนจ้องไปทางองค์หญิงผิงหยางหลี่เทียนฟู่ที่ใกล้ร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
“องค์หญิงผิงหยางถามข้าว่าหากท่านปู่ของข้าทราบว่าว่าข้าสังหารทหารยอมจำนนทั้งหมดของซีเหลียงจนทำให้ชื่อเสียงของตระกูลไป๋ต้องแปดเปื้อน ท่านจะนอนตายตาหลับหรือไม่ ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นข้าจะขอบอกองค์หญิงผิงหยางว่า…”
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มพลางลุกขึ้นยืน มือกำดาบที่แขวนอยู่ตรงเอวแน่น ดวงตาลึกล้ำคมกริบจ้องไปยังหลี่เทียนฟู่ ไอสังหารแผ่ออกรอบกาย
“ข้าสังหารทหารยอมจำนนของซีเหลียงเพราะซีเหลียงบุกรุกแคว้นต้าจิ้นของข้าก่อน เพราะทหารซีเหลียงสังหารชาวบ้านของแคว้นต้าจิ้นก่อน! หากเจิ้นกั๋วอ๋องท่านปู่ของข้ายังมีชีวิตอยู่ ท่านคงนำทัพบุกไปยังเมืองอวิ๋นจิงของซีเหลียงนานแล้ว ซีเหลียงของท่านสังหารชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นหนึ่งคน ทหารแคว้นต้าจิ้นจะสังหารคนซีเหลียงหนึ่งร้อยคน! หนึ่งพันคน! หนึ่งหมื่นคน! จวบจนทหารขี้ขลาดของซีเหลียงที่สังหารชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นไม่เหลือรอดแม้แต่ผู้เดียว! สังหารจนซีเหลียงของพวกท่านไม่กล้าเข้ามารุกรานแคว้นต้าจิ้นอีกเป็นสิบปี! สังหารจนซีเหลียงต้องตัวสั่นเทาเมื่อได้ยินชื่อแคว้นต้าจิ้น!”
น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนดังกึกก้อง กังวานไปทั่ว จนคนฟังรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง
หญิงสาวจ้องมองไปยังขุนนางเจรจาของซีเหลียงที่บ้างโกรธแค้น บ้างบางโมโหแต่ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมา น้ำเสียงของหญิงสาวเคร่งขรึม
“เทพสังหาร! ชื่อเสียงอื้อฉาว! แม้ต้องโดนคนนับหมื่นครหา! ข้า ไป๋ชิงเหยียนขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว! ทว่า คนซีเหลียงอย่างพวกท่านจงจำให้ขึ้นใจ! ที่วันนี้ข้ายอมให้พวกท่านเดินทางมาเจรจาสงบศึกเป็นเพราะนึกถึงชาวบ้านที่บริสุทธิ์ของซีเหลียง กองทัพต้าจิ้นของข้าจึงยอมยุติสงคราม หากภายภาคหน้าซีเหลียงยังกล้ารุกรานแคว้นต้าจิ้นอีก ยังกล้าสังหารชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นอีก อย่าว่าแต่ทหารยอมจำนนนับแสนเลย กองทัพต้าจิ้นของข้าจะบุกไปกวาดล้างกองทัพซีเหลียงของพวกท่านจนสิ้น ถึงเวลานั้นเมื่อแคว้นของพวกท่านล่มสลาย ไม่หลงเหลืออยู่ในใต้หล้า ข้าจะดูสิว่าพวกท่านจะยังมีหน้าอวดเก่ง กล่าวเรื่องดูถูกไม่ดูถูกกับแคว้นต้าจิ้นเช่นนี้อีกหรือไม่!”
คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนเป็นเสมือนถ้อยคำปลุกใจ ไม่ว่าจะเป็นขุนนางที่มาเจรจาอย่างหลิ่วหรูซื่อ หรือนักรบอย่างจางตวนรุ่ยล้วนรู้สึกว่าเลือดพุ่งพล่านไปทั้งร่าง รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของแคว้นต้าจิ้น เลือดในกายเดือดพล่าน
หลี่เทียนฟู่โมโหจนใบหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้า โดนดูถูกจนอยากที่จะทนไหว นางตวาดออกมาเสียงดัง
“ไป๋ชิงเหยียน เจ้าไม่เพียงไม่สำนึกผิดที่สังหารทหารยอมจำนน แต่กลับดูถูกแคว้นซีเหลียงถึงเพียงนี้! เจ้ามันจิตใจโหดเหี้ยมดั่งอสรพิษ มิน่าบุรุษตระกูลไป๋ถึงได้ตายในสนามรบทั้งตระกูลเช่นนี้!”
สิ้นเสียงของหลี่เทียนฟู่ ใจของหลี่จือเจี๋ยกระตุกวูบ เขายังไม่ทันเอ่ยขอโทษ ไป๋ชิงเหยียนก็ยกเท้าถีบไปที่โต๊ะที่ใช้วางขนมตรงหน้าจนคว่ำระเนระนาดด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด
หลี่จือเจี๋ยถลาไปบังตัวหลี่เทียนฟู่ไว้อย่างปกป้อง ใจเต้นรัวอย่างรุนแรง
ภายในกระโจมหลังใหญ่เงียบสนิท ทุกคนล้วนกลั้นลมหายใจ
หลี่จือเจี๋ยคาดไม่ถึงว่าหลี่เทียนฟู่จะกล่าวถ้อยคำที่จี้แทงใจดำออกมาเช่นนี้ ยิ่งนึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนที่ดูงดงามอ่อนโยนจะอาละวาดได้น่ากลัวถึงเพียงนี้
“แม่ทัพไป๋…โปรดระงับความโกรธด้วยขอรับ!” หลี่จือเจี๋ยกล่าวออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ถ้อยคำขององค์หญิงแห่งซีเหลียงเตือนสติข้าได้เรื่องหนึ่ง! แม่ทัพใหญ่อวิ๋นพั่วสิงตัดศีรษะของน้องชายที่อายุเพียงสิบขวบของข้า แถมยังคว้านท้องของเขาอีกด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหลิ่วหรูซื่อ “ใต้เท้าหลิ่ว สภาพน่าอนาถของน้องชายข้าตอนที่ร่างของเขาถูกส่งกลับไปยังเมืองหลวง ทุกคนของแคว้นต้าจิ้นล้วนเห็นเต็มตา ท่านเป็นทูตเจรจา ท่านอย่าลืมทวงคืนความยุติธรรมให้น้องชายของข้าด้วย ต้องขอแบ่งดินแดนมาปลอบขวัญดวงวิญญาณของน้องชายข้าให้มากหน่อย อย่าให้ชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นต้องผิดหวังเชียว!”
คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนเหมือนเป็นการส่งไม้ต่อให้หลิวหรูซื่อ ให้หลิ่วหรูซื่อใช้เรื่องของน้องชายสิบเจ็ดของนางเป็นข้อต่อรองแบ่งดินแดนของซีเหลียงมาให้ได้มากที่สุด หลิวหรูซื่อไม่ใช่คนโง่ เขารีบเอ่ยต่อทันที
“แม่ทัพไป๋กล่าวถูกต้องแล้วขอรับ! ตอนร่างของคุณชายสิบเจ็ดถูกส่งกลับไปยังเมืองหลวง ทุกคนในแคว้นต่างเจ็บปวด หากซีเหลียงไม่ชดใช้เป็นดินแดนสิบเจ็ดแห่ง เรื่องนี้ไม่จบแน่ขอรับ!”
หลี่เทียนฟู่ใจหายวาบ แคว้นต้าจิ้นช่างโลภมากเสียจริง “พวกเจ้า…”
หลี่จือเจี๋ยบีบข้อมือเล็กของหลี่เทียนฟู่แน่น ห้ามไม่ให้หลี่เทียนฟู่กล่าวสิ่งใดอีก มองไปยังรัชทายาทแห่งต้าจิ้นพลางเอ่ยยุแยง
“แม่ทัพไป๋ องค์รัชทยาททรงประทับอยู่บนที่นั่ง ท่านทำกิริยาเช่นนี้ ท่านเห็นองค์รัชทยาทอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่”
“เหยียนอ๋องเก็บแรงไว้ดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ อย่าเสียเวลามายุแยงพวกเราเลย ราชสำนักของต้าจิ้นไม่ได้สกปรกอย่างราชสำนักของซีเหลียง! ต้าจิ้นของเรา…ขุนนางภักดี จักรพรรดิไม่หวาดระแวง มิเช่นนั้นต้าจิ้นจะได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”
รัชทายาทที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดไม่มีทางหักหน้าไป๋ชิงเหยียนต่อหน้าหลี่จือเจี๋ยอย่างแน่นอน ตอนนี้ทั้งสองแคว้นกำลังปะทะกัน หากคนในแคว้นบาดหมางกันเอง ผู้อื่นย่อมเยาะเย้ยสะใจอย่างแน่นอน
ที่สำคัญ สิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนทำอยู่ในตอนนี้ นางทำเพื่อแคว้นต้าจิ้น…ย่อมหมายถึงทำเพื่อผู้ครอบครองแคว้นต้าจิ้นในภายภาคหน้าอย่างเขาด้วย เหตุใดเขาต้องเข้าข้างหลี่จือเจี๋ยแล้ว ทำลายบารมีของตัวเองด้วย
รัชทายาทกล่าว “แม่ทัพไป๋กล่าวถูกต้องแล้ว! เราเชื่อแม่ทัพไป๋ประหนึ่งเชื่อใจตัวเราเอง มิเช่นนั้นเราคงไม่มอบตราทัพให้แก่แม่ทัพไป๋หรอก”
หลี่จือเจี๋ยคาดไม่ถึงว่ารัชทายาทจะมอบตราทัพให้แก่ไป๋ชิงเหยียน มิน่าไป๋ชิงเหยียนถึงได้มีท่าทีไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเช่นนี้ เขารู้ทันทีว่าจะใช้อำนาจของรัชทายาทข่มไป๋ชิงเหยียนไม่ได้แล้ว
หลี่จือเจี๋ยรวบรวมสติ ควบคุมอารมณ์ของตัวเองพลางเอ่ยขึ้น
“สงครามมีแต่อันตรายรอบด้าน เจิ้นกั๋วอ๋องพาคุณชายสิบเจ็ดมาออกรบที่สนามรบเพื่อให้เขาได้ความดีความชอบเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ต้องการให้คุณชายสิบเจ็ดสละชีพออกรบจริงๆ หรือแม่ทัพไป๋กล่าวอย่างโอหังว่าจะนำกองทัพต้าจิ้นบุกไปยังแคว้นซีเหลียงในขณะที่เรากำลังเจรจาสงบศึกกันเช่นนี้ แม่ทัพไป๋ใช้ทหารยอดฝีมือของต้าจิ้นเพื่อความแค้นส่วนตัวของตระกูลไป๋หรือเพราะชาวบ้านกันแน่ แม่ทัพไป๋ย่อมรู้ดีที่สุดนะขอรับ!”
“สองแคว้นทำสงคราม หากแม่ทัพใหญ่อวิ๋นพั่วสิงสังหารบุรุษตระกูลไป๋ของข้าทั้งหมดในสนามรบอย่างกล้าหาญเปิดเผย ไป๋ชิงเหยียนยอมรับได้! ทว่า เขาไม่เพียงตัดศีรษะน้องชายของข้า ยังคว้านท้องของเขาอีกด้วย นี่เรียกว่าสงครามีแต่อันตรายรอบด้านเช่นนั้นหรือ!”
หญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟ จ้องไปยังหลี่จือเจี๋ยและหลี่เทียนฟู่ กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“กองทัพซีเหลียงรุกรานแคว้นข้าก่อน บัดนี้รบพ่ายแพ้ ยอมจำนนเดินทางมาเจรจาสงบศึกแต่กลับไม่สำนึกตน อีกทั้งกล่าววาจากลับขาวเป็นดำ อ้างว่าข้าทำเพราะความแค้นส่วนตัว หาว่าข้าเป็นเทพสังหาร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากไป๋ชิงเหยียนไม่ล้างแค้นส่วนตัว ไม่กระหายสงครามคงเป็นการทำผิดต่อเหยียนอ๋อง และองค์หญิงแห่งซีเหลียงเป็นอย่างมาก!”