ตอนที่ 218 แม่ทัพที่เก่งกาจ
“วันนี้ข้าเตรียมสุราเลิศรสชั้นดีไว้ เดิมทีหวังว่าจะได้ผูกไมตรีกับแคว้นต้าจิ้น ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา!”
หลี่จือเจี๋ยกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ช่างเป็นผู้ที่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดียิ่งนัก ชายหนุ่มนั่งลงพลางตบพัดไปที่ฝ่ามือของตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกคน
“เร็ว! หยิบโต๊ะน้ำชาตรงหน้าแม่ทัพไป๋ขึ้นมาตั้งใหม่ให้เรียบร้อย นำอาหารและสุรามาให้แม่ทัพไป๋ใหม่ด้วย ข้าขอคาราวะทุกท่านหนึ่งจอก ถือเป็นการขอขมาจากข้า!”
คงเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของหลี่จือเจี๋ยไม่ธรรมดา เมื่อชายหนุ่มอารมณ์เย็นลง สีหน้าของทูตเจรจาของแคว้นต้าจิ้นจึงผ่อนคลายลงไม่น้อย
ทว่า หลิ่วหรูซื่อกลับไม่ไว้หน้า เขาถือคติตีเหล็กต้องตอนร้อนๆ
“ขอขมาคงไม่จำเป็นพ่ะย่ะค่ะ! เหยียนอ๋องบอกสัญญาเจรจาสงบศึกมาดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ตกลงได้เร็วเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น!”
ในเมื่อซีเหลียงเป็นฝ่ายขอสงบศึก เช่นนั้นซีเหลียงต้องเสนอเงื่อนไขมาก่อน
การเจรจาระหว่างสองแคว้น ทั้งสองแคว้นย่อมต้องมีการปะทะต่อรองกันอยู่แล้ว การตกลงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย เริ่มเปิดการเจรจาเร็วเท่าใด ก็จะยิ่งจบเรื่องที่หนานเจียงได้เร็วเท่านั้น
หลี่จือเจี๋ยพยักหน้า ให้คนนำม้วนไม้ไผ่ไปมอบให้รัชทายาทและรองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่หลิ่วหรูซื่อคนละม้วน
“ซีเหลียงยินดีสละดินแดนให้ต้าจิ้นแปดแห่ง รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการออกรบทั้งหมดของกองทัพต้าจิ้น สาวงามและเครื่องประดับ…อยู่ระหว่างการเดินทาง ขอแค่เซ็นสัญญาสงบศึกเสร็จเรียบร้อยก็จะส่งมายังแคว้นต้าจิ้นทันที!” หลี่จือเจี๋ยกล่าวถึงเนื้อหาในสัญญาอย่างไม่รีบร้อน
“ยี่สิบสามดินแดน ไม่มีการต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น!”
หลิ่วหรูซื่อกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว เขาพับม้วนไม้ไผ่พลางวางลงบนโต๊ะน้ำชาด้านข้าง หยิบแผนที่หนังแกะที่ทำอย่างประณีตออกมาจากแขนเสื้อ
องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังหลิ่วหรูซื่อรีบหยิบพู่กันและหมึกออกมาทันที หลิ่วหรูซื่อลงมือเขียน หลังจากวาดแบ่งดินแดนที่อยู่ทางตอนใต้ของภูเขาถงกู่ทั้งหมดของซีเหลียงให้ตกเป็นของแคว้นต้าจิ้น เขาจึงสั่งให้องครักษ์นำแผนที่ไปมอบให้หลี่จือเจี๋ยพิจารณา
“ใช้ภูเขาถงกู่เป็นเส้นแบ่งเขตแดน ดินแดนทางเหนือยี่สิบสามดินแดนรวมทั้งชิวซานกวน เมืองไป๋หลง เมืองจงซานล้วนตกเป็นของแคว้นต้าจิ้นทั้งหมด นอกจากซีเหลียงจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการออกรบของกองทัพต้าจิ้นแล้ว ซีเหลียงยังต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าปลอบขวัญให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย!” หลิ่วหรูซื่อนั่งยืดหลังตรง กล่าวออกมาอย่างโลภ “นอกจากนี้ ทหารกองทัพไป๋นับแสนล้วนเป็นทหารของแคว้นต้าจิ้น เป็นทหารที่แข็งแกร่งและน่าภาคภูมิใจของแคว้น ค่าปลอบขวัญของพวกเขาต้องมากกว่าทหารธรรมดาสิบเท่า เรื่องนี้ไม่มีการต่อรองเด็ดขาด! นอกจากนี้ซีเหลียงต้องทำตามคำกล่าวของแม่ทัพไป๋ มอบบุรุษตระกูลอวิ๋นยี่สิบสามคนให้แม่ทัพไป๋ตัดศีรษะและคว้านท้องเพื่อแก้แค้น!”
การที่ให้ซีเหลียงมอบบุรุษในตระกูลของอวิ๋นพั่วสิงมายี่สิบสามคนก็เพื่อต้องการตักตวงผลประโยชน์จากซีเหลียงให้มากขึ้นก็เท่านั้น บัดนี้อวิ๋นพั่วสิงกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋วของแคว้นซีเหลียงไปแล้ว หากยอมมอบบุรุษยี่สิบสามคนของตระกูลอวิ๋นให้แก่ต้าจิ้น ซีเหลียงจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน!
ที่สำคัญ ต่อให้ซีเหลียงกล้าส่งมา ไป๋ชิงเหยียนก็สังหารคนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ดี มิเช่นนั้นชื่อเสียงของตระกูลไป๋คงป่นปี้ย่อยยับหมดแน่
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนนึกไม่ถึงเลยว่าหลิ่วหรูซื่อจะขอค่าทำขวัญให้กองทัพไป๋มากกว่าผู้อื่นถึงสิบเท่าเช่นนี้
หลี่จือเจี๋ยก้มมองดูแผนที่หนังแกะตรงหน้า กำพัดเหล็กแน่นจนมือขาวซีด จากนั้นยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“แคว้นต้าจิ้นทำเช่นนี้ไม่ถือเป็นการโลภมากเกินไปหน่อยหรือ”
“เหยียนอ๋องทรงอย่าลืมนะพ่ะย่ะค่ะว่าผู้ใดรุกรานแคว้นต้าจิ้นก่อน จะกล่าวว่าโลภมากได้เช่นไรกันพ่ะย่ะค่ะ ตอนที่ซีเหลียงคิดรุกรานแคว้นต้าจิ้น ไม่ได้โลภมากหรือพ่ะย่ะค่ะ!”
ในฐานะขุนนางของแคว้นที่ชนะศึก หลิ่วหรูซื่อมีท่าทีทระนงและหยิ่งยโสมาก
“จักรพรรดินีของซีเหลียงเพิ่งขึ้นครองราชย์ บัลลังก์ยังไม่ทันร้อน ภายในของซีเหลียงมีแต่ความขัดแย้งวุ่นวาย! ซีเหลียงขอเจรจาสงบศึก ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทของต้าจิ้นมีเมตตาจึงยอมให้จักรพรรดินีของซีเหลียงมีโอกาสได้พักหายใจ หากซีเหลียงไม่ต้องการ แคว้นต้าจิ้นของเราก็พร้อมที่จะซ้ำเติมแคว้นซีเหลียงเช่นเดียวกัน!”
แม้หลิวหรูซื่อจะเป็นเพียงบัณฑิต ทว่า เขากลับรับรู้เรื่องราวภายในแคว้นของซีเหลียงดี หลี่จือเจี๋ยเคาะพัดเหล็กเป็นจังหวะ ใบหน้าเต็มใบด้วยรอยยิ้มและความเป็นมิตร ทว่า ในใจกลับเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนว่าครั้งนี้แคว้นต้าจิ้นจะไม่เหลือทางรอดให้ซีเหลียงเลย ทว่า หลิ่วหรูซื่อกล่าวถูกต้องแล้ว แคว้นซีเหลียงเริ่มบุกโจมตีแคว้นต้าจิ้นก่อน และบัดนี้แคว้นซีเหลียงก็กำลังตกอยู่ในสภาวะคับขัน!
หลี่จือเจี๋อครุ่นคิดอยู่ในใจว่าจะใช้ทายาทของตระกูลไป๋มาเป็นข้อต่อรองแลกเปลี่ยนดีหรือไม่ เพราะตอนนี้บุรุษตระกูลไป๋คนสุดท้ายที่รอดชีวิตตกอยู่ในกำมือของเขา
หลี่จือเจี๋ยนึกถึงลู่เทียนจัวขึ้นมาได้ เขารับปากลู่เทียนจัวไว้ว่าจะใช้ทายาทตระกูลไป๋ผู้นี้เป็นเหยื่อล่อไป๋ชิงเหยียนออกมาสังหาร…เพื่อแก้แค้นให้แม่ทัพผางผิงกั่วซึ่งเป็นบิดาบุญธรรมของชายหนุ่ม
ที่เขารับปากลู่เทียนจัวไม่ใช่เพราะมิตรภาพระหว่างพวกเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทว่า เป็นเพราะหลี่จือเจี๋ยรู้สึกว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นภัยต่อซีเหลียงเป็นอย่างมาก
เมื่อได้พบไป๋ชิงเหยียนในวันนี้ หลี่จือเจี๋ยก็ยิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นไอสังหารหรือความอาฆาตของหญิงสาวล้วนรุนแรงมากเกินไป ยิ่งหวนนึกถึงคำกล่าวของแม่ทัพอวิ๋นพั่วสิง…
สตรีผู้นี้วางแผนทุกอย่างไม่เคยผิดพลาด เป็นยอดนักรบ!
หากภายภาคหน้าซีเหลียงและต้าจิ้นทำสงครามกัน สตรีผู้นี้จะเป็นศัตรูที่รับมือยากที่สุดของซีเหลียง
หลี่จือเจี๋ยตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก…
หากนำทายาทของตระกูลไป๋มาเป็นข้อต่อรองในการเจรจา เช่นนั้นซีเหลียงก็จะมีอำนาจต่อรองผลประโยชน์กับต้าจิ้น ทว่า จะพลาดโอกาสในการสังหารไป๋ชิงเหยียน แต่หากไม่ใช้เขาเป็นข้อต่อรอง เช่นนั้นก็ต้องยอมรับเงื่อนไขที่โลภมากของต้าจิ้น
“ต้าจิ้นโลภมากเช่นนี้ ไม่กลัวว่าซีเหลียงจะหันไปร่วมมือกับหรงตี๋หรือต้าเหลียงที่อยู่ทางทิศตะวันออกของต้าจิ้นแทนหรือ ถึงเวลานั้น หากหรงตี๋และต้าเหลียงบุกโจมตีแคว้นต้าจิ้นพร้อมๆ กัน ต้าจิ้นก็คงแย่พอตัวกระมัง ที่สำคัญใต้เท้าหลิ่วก็กล่าวออกมาเองว่าต้าจิ้นพึ่งพาได้เพียงแม่ทัพไป๋เท่านั้น ทว่า แม่ทัพไป๋ผู้เดียวไม่อาจแยกร่างได้นี่นา!” หลี่จือเจี๋ยกล่าวยิ้มๆ “ไม่สู้ถอยกันคนละก้าว เมื่อจบการเจรจาสงบศึก ทั้งสองแคว้นต่างพักฟื้นฟูแคว้นของตัวเองดีหรือไม่”
“เหยียนอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงแคว้นต้าจิ้นแทนกระหม่อมหรอกพ่ะย่ะค่ะ ก่อนจะเดินทางมาที่นี่ ฝ่าบาททรงส่งคนไปเซ็นสัญญาสันติสุขกับแคว้นหรงตี๋และต้าเหลียงก่อนแล้ว สัญญายังใหม่เอี่ยมอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ! ที่สำคัญ แคว้นต้าจิ้นของเราไม่ได้มีเพียงแม่ทัพไป๋คนเดียวนะพ่ะย่ะค่ะ”
หลิ่วหรูซื่อเผยมือให้หลี่จือเจี๋ยมองไปทางจางตวนรุ่ย “ท่านผู้นี้คือแม่ทัพจางตวนรุ่ยที่ยิงทหารนับแสนของซีเหลียงจนตัวพรุนอยู่ในหุบเขาเวิ่ง กองทัพต้าจิ้นของเรายังมีแม่ทัพจางเจ๋อผิง แม่ทัพสือพานซาน! อีกทั้งยังมีแม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อ แม่ทัพเสิ่นคุนหยางและแม่ทัพเว่ยจ้าวเหนียนแห่งกองทัพไป๋อยู่ ท่านเหล่านี้…ล้วนเป็นแม่ทัพมากฝีมือที่ซีเหลียงน่าจะพอคุ้นหูอยู่บ้างนะพ่ะย่ะค่ะ”
หลิ่วหรูซื่อยกยิ้มหยันที่มุมปาก “อีกอย่าง ตระกูลไป๋แห่งจวนเจิ้นกั๋วอ๋อง นอกจากแม่ทัพไป๋ ไป๋ชิงเหยียนแล้ว ครั้งนี้คุณหนูสี่แห่งตระกูลไป๋ก็เดินทางมาออกรบเช่นเดียวกัน นางสังหารทหารซีเหลียงของท่านจนราบคาบไม่มีเหลือ! ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงคุณหนูรองและคุณสามของตระกูลไป๋ที่เคยผ่านสนามรบจริงมาแล้ว พวกนางแต่คนล้วนมีสติปัญญาแหลมคม สืบทอดศรัทธาและความเชื่อมั่นจากเจิ้นกั๋วอ๋อง มีชีวิตเพื่อชาวบ้าน สละชีพเพื่อบ้านเมือง! หากไม่ตาย ไม่มีวันถอดเกราะเด็ดขาด! เหยียนอ๋อง…ท่านคิดว่าซีเหลียงสังหารบุรุษตระกูลไป๋จนสิ้นแล้วตระกูลไป๋จะไม่มีผู้ใดหลงเหลือแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ท่านเห็นแม่ทัพไป๋ท่านก็ควรจะทราบแล้วว่าทายาทตระกูลไป๋ล้วนมีความสามารถ ทุกคนล้วนแม่ทัพผู้เก่งกาจ ท่านยังกลัวว่าแคว้นต้าจิ้นจะไม่มีแม่ทัพทำศึกอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ!”
ทุกครั้งที่เอ่ยถึงตระกูลไป๋ เอ่ยถึงไป๋เวยถิง หลิ่วหรูซื่อล้วนเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ ถ้อยคำเต็มไปด้วยความศรัทธาเลื่อมใสอย่างเต็มเปี่ยม