ตอนที่ 221 รอจังหวะสังหาร
ได้แต่หวังว่าดวงวิญญาณของท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและบรรดาน้องชายที่อยู่บนสวรรค์จะช่วยคุ้มครองให้เสิ่นชิงจู๋และค่ายหู่อิงช่วยชีวิตน้องชายเก้าออกมาอย่างปลอดภัย
หลี่จือเจี๋ยยืนส่งองค์รัชทายาทแห่งต้าจิ้นขึ้นไปบนรถม้าอย่างนอบน้อม จากนั้นหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนด้วยรอยยิ้ม “นึกไม่ถึงเลยว่านอกจากแม่ทัพไป๋จะเก่งกาจในสนามรบแล้ว ฝีปากของท่านยังเก่งกาจไม่แพ้กัน”
“ไม่ว่ารบในสนามรบหรือการปะทะกันทางวาจา ล้วนทำเพื่อประโยชน์ของแคว้นทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคาราวะหลี่จือเจี๋ย จากนั้นก้าวขึ้นไปบนหลังม้า
หลี่จือเจี๋ยกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียนที่ดูองอาจสง่างามราวกับคุณชายสูงศักดิ์ “ครั้งนี้ลงนามในสัญญาสงบศึกเรียบร้อยแล้ว ข้ากับองค์หญิงผิงหยางจะเดินทางไปยังเมืองหลวงของต้าจิ้นพร้อมกับองค์รัชทายาทและแม่ทัพไป๋ด้วย รบกวนแม่ทัพไป๋ช่วยดูแลให้ความคุ้มครองพวกเราด้วย”
“เหยียนอ๋องเกรงใจเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
มองส่งคณะทูตของต้าจิ้นจากไป ใบหน้าของหลี่จือเจี๋ยจึงส่อแววเหนื่อยล้าขึ้นมาทันที
รอยยิ้มในดวงตาดอกท้อไม่มีหลงเหลือให้เห็นอีกต่อไป นึกถึงตอนที่เจรจาสงบศึกอยู่ในกระโจมใหญ่ แม้ไป๋ชิงเหยียนจะนั่งอยู่เฉยๆ ทว่า หญิงสาวกลับเอ่ยแทรกขึ้นตอนสำคัญทุกรอบ น้ำเสียงของหญิงสาวเย่อหยิ่งและบีบคั้น ทำให้ขุนนางเจรจาหลิ่วหรูซื่อเสนอเงื่อนไขที่เป็นต่อมากขึ้นทุกที
ลู่เทียนจัวกล่าวถูกต้องแล้ว ไป๋ชิงเหยียนผู้นี้ไม่อาจเก็บไว้ได้อีกแล้ว
ทว่า น่าเสียดายใบหน้าที่งดงามน่าตราตรึงของหญิงสาวจริงๆ หากไม่ใช่เพราะซีเหลียง เขาก็ไม่อยากให้สาวงามเช่นนี้ต้องจบชีวิตลง
“กลับกันเถิด!” หลี่จือเจี๋ยหมุนตัวกลับไปยังรถม้าของตัวเอง กล่าวกับลู่เทียนจัวเสียงเบา “พวกเราต้องติดตามองค์รัชทายาทไปยังเมืองหลวง เจ้าซ่อนตัวคุณชายตระกูลไป๋ผู้นั้นไว้ให้ดีๆ สืบให้แน่ชัดว่าเขาคือคุณชายลำดับที่เท่าใด! เราจะได้หลอกล่อไป๋ชิงเหยียนให้มาติดกับ รอจังหวะสังหารนางได้”
ลู่เทียนจัวซึ่งเดินตามหลังหลี่จือเจี๋ยมีสีหน้าเคร่งเครียด “ท่านอ๋อง สาวใช้ผู้นั้นมีพิรุธมากพ่ะย่ะค่ะ เมื่อครู่กระหม่อมนับจำนวนสาวใช้ทั้งหมดพบว่าสาวใช้นามว่าเชียนโจวหายไปพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องรีบกลับไปยัง
ชิวซานกวนเถิดพ่ะย่ะค่ะ เผื่อแคว้นต้าจิ้นอาจลงมือทำบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ!”
“ลงนามยุติสงครามแล้ว ต้าจิ้นเอาเปรียบซีเหลียงตั้งมากมาย พวกเขาจะกระทำสิ่งใดได้อีก สาวใช้เชียนโจวนั่นคงเป็นสายลับของต้าจิ้น นางถือโอกาสนี้หนีกลับแคว้นของตัวเองก็เท่านั้น! กลับไปตรวจสอบที่มาที่ไปของนางอย่างละเอียด ว่านางพบเจอกับผู้ใดบ้าง รู้เรื่องใดบ้าง!” หลี่จือเจี๋ยกล่าวจบก็ก้าวขึ้นรถม้า
“พ่ะย่ะค่ะ!” ลู่เทียนจัวโค้งกายรับคำสั่ง
มองส่งรถม้าของหลี่จือเจี๋ยเคลื่อนตัวจากไป ลู่เทียนจัวรับเชือกม้ามาจากมือของบ่าวรับใช้ ทว่า ชายหนุ่มยังไม่ทันก้าวขึ้นไปบนหลังม้า นางกำนัลข้างกายของหลี่เทียนฟู่ก็รีบเดินเข้ามาหาเขาเสียก่อน นางทำความเคารพลู่เทียนจัวพลางกล่าวขึ้น “ใต้เท้าลู่ องค์หญิงเชิญท่านไปชงชาให้เจ้าค่ะ”
ลู่เทียนจัวกำเชือกม้าแน่น นิ่งไปครู่หนึ่งจากนั้นส่งเชือกที่อยู่ในมือให้บ่าวรับใช้ “ข้ารู้แล้ว!”
ภายในรถม้าขององค์หญิงแห่งซีเหลียง หลี่เทียนฟู่นอนตะแคงข้างหนุนหมอน มองดูลู่เทียนจัวที่กำลังชงชาให้นางพลางกล่าวขึ้น “ไม่ต้องรอให้ถึงเมืองหลวงของต้าจิ้น ชื่อเสียงเรื่องความเอาแต่ใจ โง่เขลาเบาปัญญาและเกลียดชังแคว้นต้าจิ้นของข้าคงแพร่สะพัดไปทั่วทั้งแคว้น ข้าจะดูสิว่าคนสูงศักดิ์ของราชวงศ์ต้าจิ้นคนใดยังอยากแต่งงานกับข้าอยู่บ้าง เมื่อเป็นเช่นนั้น…ข้าจะได้เดินทางกลับไปซีเหลียงพร้อมกับเจ้า ข้าจะให้เสด็จพี่แต่งตั้งข้าเป็นอ๋อง เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะได้มาอยู่ข้างกายข้า พวกเราจะเป็นดั่งคู่สร้างคู่สมกัน!”
น้ำเสียงอ่อนหวานของหลี่เทียนฟู่เต็มไปด้วยความได้ใจ บางทีอาจเป็นเพราะกล่าวถึงอนาคตระหว่างนางกับลู่เทียนจัว ดวงตาทั้งสองของหญิงสาวจึงเป็นประกายแวววาว เต็มไปด้วยความหวัง
โคมไฟที่แขวนอยู่สี่มุมของรถม้าสาดส่องเข้ามาในตัวรถอย่างริบหรี่ ลู่เทียนจัวนิ่งขรึม ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น ชายหนุ่มชงชาให้หญิงสาวด้วยท่าทีสุขุมอ่อนโยน
เขาไม่อาจบอกหลี่เทียนฟู่ได้ว่าเขากำลังวางแผนสังหารไป๋ชิงเหยียน และเขาไม่คิดว่าเขาจะมีชีวิตรอดกลับไปได้อีก
หลี่เทียนฟู่ไม่พอใจ หญิงสาวหยิบหมอนที่ใช้หนุนอยู่เขวี้ยงไปทางลู่เทียนจัว “ข้ากล่าวกับเจ้าอยู่!”
โชคดีที่ลู่เทียนจัวรับหมอนไว้ได้ทัน มิเช่นนั้น กาน้ำร้อนคงหกออกมาแน่
สายตาของหลี่เทียนฟู่หยุดอยู่ที่บ่าของลู่เทียนจัว ทั้งรู้สึกผิดทั้งสงสาร “ยังเจ็บอยู่หรือไม่”
ลู่เทียนจัววางหมอนลงข้างกาย ส่ายหน้าพลางยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน ยื่นถ้วยชาที่ชงเสร็จแล้วให้หลี่เทียนฟู่อย่างนอบน้อม “ชาเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ หากองค์หญิงไม่มีรับสั่งใดแล้ว บ่าวขอตัวก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้านั่งลงเดี๋ยวนี้!” ดวงตาของหลี่เทียนฟู่แดงก่ำ นางกัดริมฝีปากแน่น “เจ้ารังเกียจข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ อยู่กับข้านานกว่านี้ไม่ได้หรืออย่างไร”
ลู่เทียนจัวนั่งลงบนเบาะไม้ มองไปยังหลี่เทียนฟู่ด้วยสายตาลึกซึ้ง สุดท้ายถอนหายใจออกมาอย่างทนไม่ไหว ก้มหน้าพลางกล่าวขึ้น “หากองค์หญิงเหนื่อยก็ทรงพักผ่อนสักครู่เถิดพ่ะย่ะค่ะ หากถึงแล้ว…บ่าวจะปลุกเองพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เทียนฟู่เอนกายลงนอนพลางหันตะแคงไปอีกข้างโดยไม่มองลู่เทียนจัว กระชากผ้าห่มสีขาวมาคลุมกายเอาไว้ น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสายด้วยความน้อยใจ หญิงสาวกัดปากตัวเองแน่นไม่ให้มีเสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าเร็วกลับไปถึงค่ายทหารต้าจิ้นที่มีทหารยอดฝีมือจำนวนห้าพันนายตั้งค่ายอยู่ เมื่อเดินสำรวจค่ายแล้วพบว่าเสิ่นเหลียงอวี้และไป๋จิ่นจื้อล้วนไม่อยู่ หญิงสาวจึงเดาว่าไป๋จิ่นจื้อคงรู้ข่าวเรื่องที่เสี่ยวจิ่วยังมีชีวิตอยู่จึงติดตามไปช่วยเหลือด้วย
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหันม้ากลับ มุ่งหน้าไปยังรถม้าขององค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทที่นั่งอยู่ในรถม้ากำลังหลับตาหวนนึกถึงคำกล่าวที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเหยียนอ๋องแห่งซีเหลียงว่าจักรพรรดิแคว้นต้าจิ้นไม่เคยหวาดระแวงในตัวขุนนาง เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย ไป๋ชิงเหยียนคงคิดว่าเขาไม่เคยหวาดระแวงในตัวนางจริงๆ จึงกล้ากล่าวออกมาอย่างมั่นใจเช่นนั้น!
ไป๋ชิงเหยียนจงรักภักดีต่อเขาแล้วจริงๆ
เฉวียนอวี๋ซึ่งนั่งอยู่นอกรถม้าเห็นไป๋ชิงเหยียนที่เดิมทีขี่ม้านำอยู่ด้านหน้าขบวนวกกลับมาทางนี้ ดวงตาของเขาเป็นประกาย “แม่ทัพไป๋!”
เมื่อครู่เฉวียนอวี๋คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายขององค์รัชทายาท ย่อมเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนดูองอาจและน่าเกรงขามมากเพียงใดตอนเจรจากับซีเหลียงอยู่ในกระโจมใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าจะสังหารจนซีเหลียงไม่กล้ารุกรานแคว้นต้าจิ้นอีกเป็นสิบปี สังหารจนซีเหลียงตัวสั่นเทาทุกครั้งที่ได้ยินชื่อแคว้นต้าจิ้น เฉวียนอวี๋รู้สึกว่าเลือดร้อนในกายของตัวเองพลุ่งพล่าน อยากจับดาบร่วมสู้รบไปพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน ช่างสะใจเขาจริงๆ !
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคารวะเฉวียนอวี๋ ขี่ม้าควบคู่ไปกับรถม้าขององค์รัชทายาทพลางกล่าวขึ้น “รบกวนท่านช่วยแจ้งองค์รัชทายาทด้วยเถิดว่าไป๋ชิงเหยียนขอเข้าพบพระองค์!”
สิ้นเสียง ไม่รอให้เฉวียนอวี๋รายงาน องค์รัชทายาทก็รีบแหวกม่านรถม้าออก สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี “แม่ทัพไป๋มีเรื่องจะกล่าวกับเราหรือ ขึ้นมาบนรถม้าก่อนเถิด ให้เฉวียนอวี๋ชงชาให้แม่ทัพไป๋!”
ไป๋ชิงเหยียนรับคำพลางลงมาจากหลังม้า ก้าวขึ้นไปบนรถม้าคันงามขององค์รัชทายาท หญิงสาวก้มหน้าคุกเข่าลงบนพื้น ชูตราทัพขึ้นเหนือศีรษะ “วันนี้ลงนามสงบศึกแล้ว ไป๋ชิงเหยียนวางใจได้แล้ว จึงนำตราทัพมาคืนให้องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”
องค์รัชทายาทตะลึงไปเล็กน้อย เดิมทีองค์รัชทายาทและฟางเหล่ายังกังวลอยู่เลยว่าไป๋ชิงเหยียนอาจไม่ยอมคืนตราทัพให้แก่เขา เสียใจที่ตอนนั้นเขามอบตราทัพให้ไป๋ชิงเหยียนง่ายดายเกินไป หลังจากสองแคว้นร่วมลงนามทำสัญญาสงบศึกเสร็จเรียบร้อย เขาต้องวางแผนขอตราทัพคืนจากไป๋ชิงเหยียน ผู้ใดจะคิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะมอบตราทัพคืนให้เขาด้วยตัวเองเช่นนี้ ทำให้เขาดูเป็นคนใจแคบขึ้นมาทันที
องค์รัชทายาทกระชับมือเล็กน้อย กล่าวขึ้น “เมื่อครู่เรากล่าวไว้แล้ว…ว่าเชื่อใจแม่ทัพไป๋ราวกับเชื่อใจตัวเอง ตราทัพอยู่ในมือของแม่ทัพไป๋ไม่มีสิ่งใดไม่เหมาะสม เหตุใดแม่ทัพไป๋จึงรีบร้อนนำมาคืนเราเช่นนี้ด้วย”
“เดิมทีควรจะคืนให้องค์รัชทายาทตั้งแต่ตอนที่ซีเหลียงตัดสินใจทำสัญญาสงบศึกกับต้าจิ้น ทว่า ตอนนั้นยังไม่ได้ลงนามในสัญญา ชิงเหยียน…เกรงว่าการเดินทางมาเจรจาสงบศึกจะเป็นแผนการของซีเหลียง ดังนั้นจึงไม่ได้มอบตราทัพคืนให้องค์รัชทายาท วันนี้ลงนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ย่อมต้องคืนตราทัพให้องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”