ตอนที่ 232 ดวงวิญญาณมาทวงคืน
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนคิดว่ารัชทายาทคงไม่ให้เสิ่นเหลียงอวี้ฝึกทหารที่ภูเขาเวิ่งซานแน่นอน ไป๋ชิงเหยียนสังหารทหารยอมจำนนของซีเหลียงที่นั่น เมื่อรัชทายาทนึกถึงหุบเขาเวิ่ง เขาคงไม่สบายใจนัก
แต่ไม่ว่ารัชทายาทจะเลือกภูเขาหลิงชวนหรือชิวซานกวนก็ล้วนไม่แตกต่างกันอยู่ดี ไม่ว่าจะพาทหารค่ายหู่อิงไปฝึกฝนที่ใด…ฝึกสิบวัน ครึ่งเดือนหรือแม้แต่หนึ่งเดือน ขอแค่ไม่มีผู้ใดเข้ามาก้าวก่ายก็ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเสิ่นเหลียงอวี้ทั้งนั้น
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ!” เสิ่นเหลียงอวี้กำหมัดรับคำ ในใจเปล่งประกาย
“ข้าจะติดต่อกับทางภูเขาถงกู่ เมืองไป๋หลงและเมืองจงซานอยู่ตลอดเวลาขอรับ!”
“หลังจากที่ทุกท่านพบกับรัชทายาท พวกท่านต้องถูกรั้งให้อยู่ที่โยวหวาเต้าแน่นอน…” ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋ชิงเหยียนมีน้ำตาคลอ ยกมือขึ้นกำหมัดมองไปทางทุกคนด้วยสีหน้าจริงจังพลางกล่าวขึ้น
“เช่นนั้น ข้าขอฝากกองทัพไป๋ ไป๋ชิงเจวี๋ยและไป๋ชิงอวิ๋นไว้กับทุกท่านด้วย! จากกันคราวนี้ ไว้พบกันใหม่อีกสามปี!”
ดวงตะวันโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า แสงอรุณส่องผ่านเมฆหมอกในยามเช้า สาดส่องไปยังภูเขาที่สูงตระหง่าน ลำธารอันกว้างใหญ่ไพศาลและธารน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ
เริ่มพัดเมฆหมอกเริ่มจากหาย เผยให้เห็นยอดเขาสูงตระหง่านและงดงามอย่างน่าอัศจรรย์ หิมะกองหนาที่ไม่เคยหลอมละลายนับพันปีถูกแสงอาทิตย์สาดส่องจนเปล่งประกายเป็นแสงสีทองอร่าม
แสงอรุณจ้าค่อยๆ โผล่ขึ้นมาเหนือยอดเขา ส่องสว่างทั่วท้องนภาอันไพศาล ขับไล่ความมืดที่ปกคลุมค่ายทหารของต้าจิ้นจนสว่างขึ้นเรื่อยๆ
“พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงใหญ่เจ้าคะ!” เสียงของไป๋จิ่นจื้อดังแว่วเข้ามาก่อนเจ้าของเสียง
สาวน้อยวิ่งเข้าไปในกระโจมของเสิ่นเหลียงอวี้อย่างหืดกระหอบ มีท่าทีตื่นตระหนกเล็กน้อย
“เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงนำศพของทหารค่ายหู่อิงและทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งมาขอคำอธิบายจากรัชทายาทเจ้าค่ะ!”
มาเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
เฉิงหย่วนจื้อได้ยินก็เดือดดาลขึ้นทันที เขาผุดลุกขึ้นพลางตะโกนออกมา “คำอธิบายอันใดของมัน!”
“มันยังมีหน้ามาอีก!” เสิ่นเหลียงอวี้ขบกรามแน่น หมุนกายไปหยิบดาบของตัวเองออกมา
แค่เขานึกถึงตอนที่บุกเข้าไปในห้องใต้ดินกลางป่าลึกแล้วเห็นร่างของไป๋ชิงอวิ๋นที่เต็มไปด้วยบาดแผลเต็มตัว ทั้งเล็บเท้าและเล็บมือล้วนโดนตอกเข็ม ขาทั้งสองข้างถูกตีจนหัก เลือดไหลท่วมตัว เขาแทบอยากจะหั่นร่างของหลี่จือเจี๋ยออกเป็นชิ้นๆ
หน้าอกของไป๋จิ่นจื้อสั่นไหวด้วยความโมโห “เมื่อครู่ข้าแอบไปดูมาแวบหนึ่ง เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยผู้นั้นถูกทหารแบกลงมาจากรถม้าโดยเลือดท่วมตัวเจ้าค่ะ! พี่หญิงใหญ่…ตอนที่พวกเราจากมา เหยียนอ๋องผู้นั้นยังปกติอยู่เลยนะเจ้าคะ เขามาโดยที่เลือดท่วมตัวเช่นนี้คงมีจุดประสงค์ไม่ดีแน่เจ้าค่ะ”
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึมและเยือกเย็น
ร่างของหลี่จือเจี๋ยท่วมไปด้วยเลือดอย่างนั้นหรือ!
ไป๋ชิงเหยียนพยายามควบคุมสติ นึกถึงนัยน์ตาดอกท้อที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มของหลี่จือเจี๋ย รู้ดีว่าชายผู้นั้นไม่ใช่คนขี้เล่น รักสนุกดังที่ผู้อื่นเห็นอย่างแน่นอน
เขานำศพของทหารค่ายหู่อิงและทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งมาโดยที่ร่างของเขาโชกไปด้วยเลือดเช่นนี้ เกรงว่าเขาคงจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
“พวกเหยียนอ๋องอยู่ที่ใด” ไป๋ชิงเหยียนถาม
“พวกเขาอยู่ที่หน้าค่ายทหารเจ้าค่ะ”
“ไปดูสถานการณ์ที่กระโจมขององค์รัชทายาทก่อนเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็เดินนำออกไปจากกระโจม มุ่งหน้าไปยังกระโจมของรัชทายาท
“พวกเราก็ไปดูด้วยเถิด!” เว่ยจ้าวเหนียนอดเป็นห่วงไม่ได้ เขาเดินตามไป๋ชิงเหยียนออกไป
ไป๋ชิงเหยียนกำดาบที่เสียบอยู่ที่เอวแน่นพลางเดินออกมาจากกระโจมของเสิ่นเหลียงอวี้ จากนั้นหันมองไปทางกระโจมของรัชทายาท
หลี่จือเจี๋ยถูกลู่เทียนจัวประคองยืนอยู่หน้าค่ายทหารของต้าจิ้น ผ้าพันแผลที่พันบริเวณหัวไหล่ของเขาซึมไปด้วยเลือดสีแดงสด เครื่องแต่งกายยังเป็นชุดสีม่วงอ่อนที่ใส่เมื่อวาน ทว่า เปื้อนเลือดสดไปกว่าครึ่งตัวจนแห้งกรังไปหมด ดูแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือด แทบสิ้นเรี่ยวแรง
เหมือนสัมผัสได้ถึงแววตาเย็นชาของไป๋ชิงเหยียน หลี่จือเจี๋ยที่ยืนอยู่หน้าค่ายทหารต้าจิ้นเงยหน้าขึ้นจ้องมองมาทางไป๋ชิงเหยียนซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารเปื้อนเลือดที่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเช่นกัน ริมฝีปากบางของชายหนุ่มเม้มแน่น
ไป๋ชิงเหยียนใจกล้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ! กลับมาถึงค่ายทหารของต้าจิ้นแล้วยังไม่รีบทำลายหลักฐานร่องรอยการสู้รบที่ชิวซานกวน แต่กลับเดินไปมาในค่ายทหารด้วยชุดเกราะที่เปื้อนเลือดเช่นนี้
สตรีผู้นั้นกำดาบในมือแน่น ร่างเพรียวสูงระหง ฝีเท้าหนักแน่นมั่นคง ด้านหลังมีแม่ทัพของกองทัพไป๋ที่ผ่านศึกมามากมายยืนประกบอยู่ห้าคน ดูท่าแล้วล้วนเป็นแม่ทัพใหญ่ทั้งสิ้น ท่าทีสุขุมน่าเกรงขาม รอบกายให้ความรู้สึกน่ากลัวราวกับดวงวิญญาณที่มาทวงคืนความแค้น ดวงตาที่จ้องมายังเขาเต็มไปด้วยไปสังหารอย่างไม่ปกปิด คมกริบและคุกคามเป็นอย่างมาก
หนังตาของหลี่จือเจี๋ยกระตุกอย่างแรงถึงสองครั้ง!
“ท่านอ๋อง ดูเหมือนว่าไป๋ชิงเหยียนจะเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วพะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นนางคงไม่กล้าเดินไปมาในค่ายทหารด้วยชุดเกราะที่เปื้อนเลือดเช่นนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ” ลู่เทียนจัวหลุบตากระซิบข้างหูของหลี่จือเจี๋ยด้วยเสียงเบาหวิว
พวกเขามาถึงค่ายทหารของต้าจิ้นแล้ว ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว…พวกเขาก็ไม่มีเวลาคิดสิ่งใดอีกแล้ว สายตาของหลี่จือเจี๋ยจับจ้องไปยังไป๋ชิงเหยียนไม่วางตา
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็ไม่ได้คิดว่าจะใช้เรื่องนี้ทำอันใดไป๋ชิงเหยียนหรอก เพียงแค่ต้องการทำให้รัชทายาทของต้าจิ้นหวาดระแวงในตัวนางก็เท่านั้น แค่นี้ข้าก็ไม่ถือว่าเจ็บตัวเปล่าแล้ว” หลี่จือเจี๋ยกล่าว
รัชทายาทหลับไปได้ไม่นานก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง เขาหงุดหงิดมากพอแล้ว ทว่า เมื่อได้ยินว่าหลี่จือเจี๋ยนำศพของทหารค่ายหู่อิงและชายที่แต่งกายด้วยชุดของต้าจิ้นจำนวนยี่สิบกว่าคนมาที่ค่าย รัชทายาทตาสว่างในทันที
เขาให้เฉวียนอวี๋แต่งกายพลางสั่งให้คนไปเรียกฟางเหล่า เริ่นซื่อเจี๋ยและฉินซ่างจื้อมา
ตอนที่พวกฟางเหล่าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินมาถึงกระโจมอย่างรีบร้อน จางตวนรุ่ย ไป๋ชิงเหยียนและแม่ทัพคนอื่นๆ ล้วนมาถึงกันหมดแล้ว ต่างรอรัชทายาทอยู่ที่หน้ากระโจม
จางตวนรุ่ยย่ำเท้าไปมาอย่างร้อนใจ ทว่า เขาทำได้เพียงมองดูนางกำนัลและขันทีเล็กที่รัชทายาทนำมาด้วยถือกะละมังทองแดง น้ำร้อน ผ้าขนหนูเดินเข้าออกในกระโจมอย่างเป็นระเบียบ
“เหยียนอ๋องแห่งซีเหลียงไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน!” จางตวนรุ่ยมองไปทางหน้าค่ายทหารแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา
“แม่ทัพไป๋ ที่ทำศึกกันเมื่อคืน ทหารค่ายหู่อิงทำให้เหยียนอ๋องได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ”
ฟางเหล่าได้ยินเช่นนี้จึงหันขวับไปมองไป๋ชิงเหยียน
ไม่รอให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้น ไป๋จิ่นจื้อแทรกขึ้นอย่างทนไม่ไหว
“ไม่มีแน่นอน! ศึกเมื่อคืน…ข้ากับพี่หญิงใหญ่รอจนเห็นว่าสหายค่ายหู่อิงที่ยังมีชีวิตอยู่หนีขึ้นเขามาอย่างปลอดภัยทั้งหมดจึงผละจากมาเป็นคนสุดท้าย! ตอนที่ข้ากับพี่หญิงใหญ่หนีขึ้นไปบนภูเขา เหยียนอ๋องเพิ่งขี่ม้าปรากฏตัวขึ้น พวกข้าไม่ได้แตะต้องเขาแม้แต่ปลายเส้นผม!”
ฟางเหล่าลูบเคราอย่างใช้ความคิด
ไป๋ชิงเหยียนเล่าเรื่องนี้ให้รัชทายาทฟังตอนอยู่ในกระโจมแล้ว นางกล่าวว่านางเจอกับเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ย ทว่า ตอนนั้นนางไม่ได้บอกว่าทำให้เหยียนอ๋องได้รับบาดเจ็บด้วย
“ดูเหมือนว่าเหยียนอ๋องคงจะกลัวว่าต้าจิ้นจะเค้นความจริงเรื่องที่ซีเหลียงซ่อนยอดฝีมือที่แต่งกายด้วยชุดต้าจิ้นไว้ในชิวซานกวน จึงคิดจะใช้เรื่องนี้มาหาเรื่องเรา เพราะทางซีเหลียงมีศพของทหารค่ายหู่อิงอยู่ในมือ เหยียนอ๋องกล่าวเช่นไรก็ต้องเป็นไปตามที่เขากล่าว” ฉินซ่างจื้อขมวดคิ้วแน่น
ตาของฟางเหล่ากระตุกเล็กน้อย “พวกเราไปเจรจาสงบศึกกับพวกเขาโดยที่พวกเขาเป็นคนเลือกเวลาและสถานที่ ต่อมาเหยียนอ๋องแห่งซีเหลียงก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงต้องการเลื่อนวันเจรจา ชิวซานกวนมียอดฝีมือแฝงกายอยู่ บัดนี้เหยียนอ๋องเดินทางมาที่นี่โดยที่ร่างกายมีบาดแผล หากสลัดเรื่องทหารค่ายหู่อิงที่ทำให้เรื่องเกิดการเปลี่ยนแปลงทิ้งไป เหยียนอ๋องแห่งซีเหลียงคงให้ยอดฝีมือที่แต่งกายด้วยชุดต้าจิ้นแฝงกายอยู่ในชิวซานกวนเพื่อรอฟังคำสั่งกระมัง!”
ฉินซ่างจื้อเงยหน้ามองฟางเหล่า เข้าในความหมายของฟางเหล่าในทันที
“ฟางเหล่าหมายความว่าหากเมื่อวานรัชทายาทตกลงเปลี่ยนวันเจรจากับซีเหลียง ซีเหลียงจะแสร้งส่งยอดฝีมือที่แต่งกายด้วยชุดต้าจิ้นเข้าไปลอบสังหารเหยียนอ๋องอย่างนั้นหรือ…”