ตอนที่ 238 ดุดัน
ไป๋ชิงเหยียนพยายามกล่าวให้ไป๋จิ่นจื้อเข้าใจอย่างง่ายดายที่สุด
ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้า “เสี่ยวซื่อเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ! ต่อไปหากเจอคนข้างกายขององค์รัชทายาทให้นอบน้อมต่อพวกเขาให้มากหน่อย!”
“เจ้ารีบไปที่ค่ายหู่อิงแล้วส่งคนสะกดรอยตามปรึกษาของรัชทายาทไป” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็กำชับไป๋จิ่นจื้ออีกประโยค “พรุ่งนี้จะออกเดินทางแล้ว เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถิด”
“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นจื้อกำบังเหียนในมือแน่นพลางเอ่ยเรียกพี่สาว
“พี่หญิงใหญ่คือคนที่ควรพักผ่อนมากที่สุดเจ้าค่ะ! ตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ยังต้องพึ่งพาที่หญิงใหญ่ พี่หญิงใหญ่จะล้มไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ!”
ดวงตาของไป๋จิ่นจื้อแดงก่ำ ตั้งแต่ได้รับข่าวการตายของท่านปู่และบรรดาท่านพ่อ ไป๋จิ่นจื้อไม่เคยเห็นพี่หญิงใหญ่นอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจเลยสักครั้ง
หลังจากเดินทางมาออกรบ เพื่อที่จะยกคันธนูเซ่อรื้อขึ้นมาได้อีกครั้ง พี่หญิงใหญ่ฝึกซ้อมทั้งวันทั้งคืน ไป๋จิ่นจื้อกลัวว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของพี่หญิงใหญ่จะรับไม่ไหว
“พี่รู้ขอบเขตดี ไปเถิด! จัดการเรื่องนี้เสร็จก็รีบพักผ่อนเสีย เจ้ากำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต ระวังจะไม่สูงนะ”
ไป๋จิ่นจื้อยืนมองแผ่นหลังของพี่หญิงใหญ่อยู่ที่เดิม สาวน้อยกัดฟันแน่น อยากโตให้เร็วกว่านี้ นางจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระพี่หญิงใหญ่ได้
ด้านนอกกระโจมพักฟื้นของทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ทหารต้าจิ้นที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยยืนล้อมจี้หลางหวาที่แบกย่ามเตรียมจากไป พวกเขากระชากย่ามของจี้หลางหวาออก ในนั้นนอกจากบรรดาขวดยาชนิดต่างๆ และถุงเงินที่มีเงินสำหรับเดินทางแล้ว ยังมีเสื้อคลุมกันลมสีแดงเข้มที่ซักจนสะอาดเกลี้ยงเกลาอยู่อีกหนึ่งตัว
“…ย่ามของแม่นางผู้นี้มีเสื้อคลุมกันลมซ่อนอยู่อีกหนึ่งตัวด้วย!” ทหารต้าจิ้นซึ่งพันผ้าพันแผลไว้รอบศีรษะสะบัดเสื้อคลุมกันลมตัวนั้นเล็กน้อย จากนั้นคลุมไว้ที่ตัวเอง
“แม่นางชอบพอทหารคนใดในกองทัพของเราอย่างนั้นหรือ ข้าเป็นนายกอง ครั้งนี้แคว้นต้าจิ้นชนะสงคราม ข้าตัดศีรษะแม่ทัพของซีเหลียงในหุบเขาเวิ่งได้สองคน กลับไปต้องได้รับรางวัลอย่างงามแน่นอน ถึงตอนนั้นคงได้เลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพ แม่นางปลดผ้าคลุมหน้าให้ข้าได้ยลโฉมสักครั้ง หากงดงาม ข้ารับฝืนรับเจ้ามาเป็นอนุสักคน!”
ทหารที่รายล้อมจี้หลางหวาอยู่ต่างหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
ทหารที่ห้อมล้อมอยู่หน้าประตูกระโจมก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เช่นเดียวกัน
หลายเดือนมานี้ กองทัพของต้าจิ้นสู้รบกันอย่างดุเดือด เหล่าทหารตึงเครียดอยู่ระหว่างความเป็นความตาย บัดนี้สองแคว้นทำสัญญาสงบศึกกันแล้ว พรุ่งนี้พวกเขาจะเคลื่อนทัพกลับเมืองหลวง สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาจึงคึกคะนองจนลืมตัว
จี้หลางหวากัดฟันแน่น ดวงตาทั้งสองข้าแดงก่ำ หญิงสาวไม่ได้ก้มลงเก็บเงินที่ใช้สำหรับเดินทาง ทว่า กลับพุ่งกายเข้าไปแย่งเสื้อคลุมกันลมกลับคืนมาอย่างไม่คิดชีวิต “เอาคืนมานะ!”
นายกองที่คลุมเสื้อคลุมกันลมอยู่เบี่ยงกายหลบด้วยสีหน้ายิ้มๆ จากนั้นจับแขนของจี้หลางหวาเอาไว้ “แม่นาง ฟังจากสำเนียงของเจ้า เจ้าคงเป็นคนอำเภอเฟิงสินะ! พวกข้ายึดอำเภอเฟิงคืนมาให้ชาวบ้านอย่างพวกเจ้า เจ้าไม่ให้ข้าเห็นหน้าเจ้าสักนิด เจ้าไม่สำนึกบุญคุณกันเลยหรืออย่างไร”
“นั่นนะสิ! แม่นางมีดวงตาที่งดงามเช่นนี้ อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย ให้พวกข้าเห็นหน้าสักหน่อยเถิด ไม่ได้เสียหายอันใดนี่นา!”
ทหารต้าจิ้นในค่ายทหารไม่ได้พบสตรีมานานมากแล้ว วาจาของพวกเขาจึงหยาบคายและไร้มารยาทเป็นอย่างมาก
จี้หลางหวากัดฟันแน่น “คืนเสื้อคลุมของข้ามานะ!”
นายกองเห็นว่าจี้หลางหวาเอาแต่เล่นตัว เขาจึงกวาดสายตามองไปยังบรรดาทหารที่รายล้อมอยู่ยิ้มๆ
“สหายทั้งหลาย พวกเจ้าว่าควรจะปลดผ้าคลุมหน้าของแม่นางผู้นี้ออกดีหรือไม่ พวกเราจะได้ยลโฉมใบหน้าของนางว่าเป็นนางฟ้าใช่หรือไม่”
ทหารกองทัพไป๋ที่ยืนอยู่หน้ากระโจมพักรักษาตัวเห็นเหตุการณ์นี้จึงเอ่ยเตือนสองสามคำ ทว่า ไม่มีผู้ใดฟัง เขาจึงเดินกลับเข้าไปในกระโจม
“ดูแล้วเจ้าต้องรับผิดชอบนางด้วยนะ!” ทหารคนหนึ่งเอ่ยแซวยิ้มๆ
นายกองหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“หากข้าเห็นแล้วว่างดงาม ข้าย่อมรับผิดชอบอยู่แล้ว!”
“กลัวแต่ว่าแม่นางจะมีชายในดวงใจแล้วจึงไม่สนใจเจ้านะสิ! ฮ่าๆ…”
นายกองกระชากผ้าคลุมหน้าของจี้หลางหวาออก ใบหน้าที่มีรอยบากจากคมดาบปรากฏต่อหน้าทุกคน นายกองตกใจจนตะลึงงันไปครู่ใหญ่
จี้หลางหวาสะบัดกายอย่างรุนแรงพลางฟาดฝ่ามือไปยังใบหน้าของนายกอง กระชากคอเสื้อของนายกองผู้นั้นราวกับคนเสียสติ “เอาเสื้อคลุมคืนมาให้ข้านะไอ้ชั่ว!”
นายกองถูกสตรีตบหน้าไปหนึ่งที ใบหน้าของเขาถูกเล็บข่วนจนเป็นรอยสองแผล เจ็บจนชาไปหมด
นายกองผู้นั้นมีสติขึ้นมาทันที มือที่จับแขนของจี้หลางหวาอยู่กระชับแรงขึ้น ราวกับจะบีบแขนของหญิงสาวให้หัก ทว่า จี้หลางหวาไม่รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด ดวงตาวาวโรจน์ของนางจ้องไปยังนายร้อยผู้นั้นอย่างอาฆาต ดุดันราวกับพร้อมจะตายไปพร้อมกับนายร้อยผู้นี้
หลังจากบรรยากาศเงียบงันไปครู่ใหญ่ ทหารที่รายล้อมอยู่ต่างตบบ่าพากันหัวเราะออกมา
“มิน่าถึงคลุมผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้ ที่แท้ก็เป็นหญิงอัปลักษณ์นี่เอง!”
“ไอ้หยา เหล่าตู้ เจ้านี่ใช้ไม่ได้เลยนะ โดนหญิงตบหน้าได้อย่างไรกัน ฮ่าๆ…”
“เหล่าตู้ เจ้าทำทหารแคว้นต้าจิ้นอย่างพวกเราขายหน้าหมดแล้วนะ หากเป็นเทพธิดาก็ว่าไปอย่าง แต่เจ้ากลับโดนหญิงอัปลักษณ์ตบหน้า ฮ่าๆ…”
เสียงเราะที่ดังอยู่ข้างหูราวกับมีฝ่ามือร้อนตบลงบนใบหน้าของนายกองแซ่ตู้ เขาขบกรามแน่น เงื้อมือขึ้นอย่างโมโห
“ให้ตายเถอะ! เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!”
ทว่า ฝ่ามือของนายกองแซ่ตู้ผู้นั้นยังไม่ทันจะสัมผัสโดนใบหน้าของจี้หลางหวา ไป๋ชิงเหยียนเดินไปเข้ากระชากตัวจี้หลางหวาหลบอย่างรวดเร็ว จากนั้นยกเท้าถีบไปที่หน้าอกของนายกองอย่างแรง
นายกองผู้นั้นถูกถีบจนเซถลาออกไปสองสามก้าว เขาถูกคนช่วยประคองไว้ก่อนที่จะล้มลงบนพื้น เขาเงยหน้าเตรียมด่า…ทว่า เมื่อเห็นว่าเป็นไป๋ชิงเหยียน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที รีบยืดกายตรงอย่างรวดเร็วพลางกำหมัดคาราวะ “แม่ทัพไป๋!”
เมื่อทหารต้าจิ้นที่รายล้อมดูเรื่องสนุกอย่างเฮฮาเห็นว่าผู้ที่เข้ามาคือไป๋ชิงเหยียน ต่างเปลี่ยนสีหน้าและหยัดกายตรงอย่างเป็นระเบียบ ต่างกำหมัดคาราวะไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม
“แม่ทัพไป๋!”
“แม่ทัพไป๋!”
ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนทำศึกชนะ หญิงสาวจึงมีอำนาจในค่ายทหารเป็นอย่างมาก แม้เป็นเพียงสตรี ทว่าไม่มีผู้ใดในค่ายทหารที่ไม่เคารพยำเกรงนาง
ทหารกองทัพต้าจิ้นบางคนไหวพริบดี รู้ว่านายกองของตัวเองก่อเรื่องใหญ่แล้วจึงลอบวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือ
จี้หลางหวาใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาทิ้ง ไม่สนใจก้มเก็บผ้าคลุมหน้าที่ตกอยู่บนพื้น หญิงสาววิ่งเข้าไปแย่งเสื้อคลุมกลับคืนมา ข่มความโกรธแค้นพลางกอดเสื้อคลุมไว้ในอ้อมแขนแน่น หญิงสาวหันไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างสะอึกสะอื้น
“ขอบพระคุณเสี่ยวไป๋ไซว่มากเจ้าค่ะ!”
ทหารกองทัพไป๋ที่กลับไปยังกระโจมพักฟื้นได้ยินว่าเสี่ยวไป๋ไซว่มา ต่างพากันออกมาจากกระโจมอีกครั้ง ผู้ใดจะคิดว่าจะเห็นเสี่ยวไป๋ไซว่โมโหถึงเพียงนี้
สีหน้าของหญิงสาวราบเรียบดุจสายน้ำ จ้องไปยังนายร้อยที่เอาแต่โค้งกายไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเขม็ง
“นายร้อยช่างใจกล้ายิ่งนัก!”
หน้าผากของนายร้อยผู้นั้นเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้น เขาช่างโชคร้ายเสียจริง เขาแค่เห็นว่าดวงตาของแม่นางผู้นั้นงดงามมากแต่นางกลับสวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ เขาจึงอยากเปิดผ้าคลุมหน้าของนางเพื่อชมใบหน้าที่แท้จริงก็เท่านั้น ผู้ใดจะคิดว่าจะถูกแม่ทัพไป๋จับได้เช่นนี้ แม่ทัพไป๋เป็นสตรี ย่อมเข้าข้างสตรีด้วยกันอยู่แล้ว เขาซวยแน่q
“ข้าไม่กล้าขอรับ! ข้าเพียงแค่หยอกแม่นางผู้นี้เล่นเท่านั้นขอรับ อาจเกินเลยไปบ้าง แม่ทัพไป๋โปรดลงโทษข้าเถิดขอรับ!”
ได้ยินคำว่าหยอกเล่น ไป๋ชิงเหยียนยิ่งเดือดดาล นางก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ยกเท้าถีบไปที่ท้องของนายร้อยผู้นั้นอีกครั้ง ทหารที่รายล้อมอยู่รีบหลีกทางให้ กลัวว่าตนเองจะโดนลูกหลงไปด้วย