ตอนที่ 239 ปกป้องบ้านเมือง คุ้มครองชาวบ้าน
“น่าขันอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วสูง แทบควบคุมความโกรธเอาไว้ไม่ไหว
ท่านปู่ ท่านพ่อ บรรดาท่านอาและน้องชายของนาง รวมทั้งแม่ทัพอีกนับแสนของกองทัพไป๋สละชีพของตัวเองปกป้องชาวบ้านไว้เพื่อให้พวกเขามาดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้อย่างนั้นหรือ!
นายกองผู้นั้นถูกถีบจนเซถลาถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อยึดหลักได้ก็รีบโค้งกายลงอีกครั้ง ไม่กล้าเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนแม้แต่น้อย เขากำหมัดแน่นจนมือซีดเผือด
ไป๋ชิงเหยียนถีบอีกครั้ง ตวาดเสียงดังลั่น “รังแกสตรีที่ไม่มีทางสู้น่าสนุกมากอย่างนั้นหรือ!”
นายกองยังไม่ทันตั้งหลักก็โดนไป๋ชิงเหยียนถีบอีกครั้ง เขาล้มลงบนพื้นอย่างน่าอนาถ
“รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า สนุกมากอย่างนั้นหรือ!”
นายกองลุกขึ้นยืนอีกครั้ง โค้งกายคำนับ ขบกรามแน่นไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น
หวังสี่ผิงที่เพิ่งทราบเรื่องยังไม่ทันจะเดินมาถึงก็ได้ยินเสียงตวาดด้วยความโมโหของไป๋ชิงเหยียน เขารีบตะโกนออกมา “แม่ทัพไป๋…แม่ทัพไป๋!”
หวังสี่ผิงเดินฝ่าวงล้อมเข้ามา จ้องเขม็งไปยังลูกน้องของตนเองแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “แม่ทัพไป๋โปรดระงับโทสะขอรับ ข้าทราบเรื่องนี้แล้ว! เป็นความผิดของตู้ซานเป่าผู้นี้! ทว่า เขาตัดศีรษะของแม่ทัพของซีเหลียงได้สองคนในระหว่างทำศึกที่หุบเขาเวิ่ง เขาสร้างผลงานได้เลยเหิมเกริมไปหน่อย ยังดีที่เขาแค่หยอกแม่นางผู้นี้เล่นเฉยๆ ยังไม่ได้กระทำผิดใหญ่หลวง แม่ทัพไป๋ปล่อยเขาไปสักครั้งเถิดขอรับ!”
เมื่อเห็นสีหน้าของไป๋ชิงเหยียนย่ำแย่กว่าเดิม หวังสี่ผิงรีบกล่าวเสริม “แม่ทัพไป๋วางใจได้ขอรับ! ข้าจะให้ตู้ซานเป่าขอขมาหญิงสาวผู้นี้อย่างแน่นอนขอรับ ตู้ซานเป่ามัวตะลึงอันใดอยู่!”
นายกองตู้ซานเป่าถลาไปด้านหน้า โค้งกายขอขมาจี้หลางหวา “ขออภัยขอรับ!”
“แม่ทัพไป๋ เช่นนี้…ถือว่าหายกันได้หรือไม่ขอรับ” หวังสี่ผิงเป็นคนเข้าข้างพวกพ้องของตัวเอง
ไป๋ชิงเหยียนกำดาบที่เอวแน่น พยายามข่มโทสะที่มีอยู่ในใจ สายตาเย็นชากวาดมองไปที่ตู้ซานเป่าซึ่งแววตาเริ่มปรากฏรอยยิ้มขึ้น ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยไอสังหาร แสดงท่าทีคุกคาม “แม่ทัพหวังหมายความว่าในกองทัพต้าจิ้น ทหารสามารถใช้ความดีความชอบลบล้างความผิดได้อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นหากวันนี้ข้าสังหารนายกองผู้นี้ที่นี่ แม่ทัพหวังคิดว่าด้วยความดีความชอบที่ข้าได้รับมาจากหนานเจียง ข้าจะสังหารเขาได้หรือไม่”
ตู้ซานเป่าได้ยินเช่นนี้ก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที ไป๋ชิงเหยียนเป็นเทพสังหารที่กล้าสังหารแม้กระทั่งทหารยอมจำนนของซีเหลียง เขารีบกล่าวกับแม่ทัพหวังสี่ผิง “แม่ทัพหวัง ข้าผิดไปแล้วขอรับ! แม่ทัพหวังได้โปรดช่วยข้าด้วยขอรับ! ข้าเป็นทหารสังกัดท่านนะขอรับ!”
“เจ้ากินเสบียงที่ชาวบ้านต้าจิ้นหามาให้! รับเงินภาษีที่ชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นเป็นคนจ่าย! เจ้าลองกล่าวอีกทีสิว่าเป็นทหารของผู้ใด!” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนดังกังวาน “บ้านเมืองมีทหารไว้เพื่อปกป้องบ้านเมือง คุ้มครองชาวบ้าน คนที่เป็นทหาร…สังหารศัตรูคือหน้าที่ การได้รับรางวัล บรรดาศักดิ์ มีไว้ให้พวกเจ้านำสิ่งเหล่านั้นมาข่มเหงรังแกชาวบ้านหรืออย่างไรกัน!”
หวังสี่ผิงอ้าปาก…
“กองทัพไป๋อยู่ที่ใด!” ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันพลางตะโกนลั่น
เหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บของกองทัพไป๋ที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูกระโจมรีบถลาไปด้านหน้าทันที พวกเขากำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน
“มีคนกำลังย่ำยีชาวบ้าน พวกเจ้าในฐานะทหารกล้าของกองทัพไป๋กลับยืนดูอยู่เฉยๆ อย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม
ทหารที่ได้รับบาดเจ็บของกองทัพไป๋อ้าปากเหมือนจะอธิบาย ทว่า เมื่อนึกได้ว่าพวกเขายืนดูอยู่เฉยๆ จริงๆ จึงไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร
“เหตุใดสหายของกองทัพไป๋นับแสนของพวกเราจึงเสียชีวิต…พวกเจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร!”
ไป๋ชิงเหยียนกำดาบแน่น ดวงตาวาวโรจน์กวาดมองไปยังทหารที่ได้รับบาดเจ็บของกองทัพไป๋ทุกคน “หลายเดือนก่อน เมืองเฟิ่งถูกล้อม สหายกองทัพไป๋ที่ท่านรองแม่ทัพใหญ่เป็นผู้นำทัพต้านทานศัตรูจนสุดกำลังเพื่อให้ชาวบ้านเมืองเฟิ่งได้มีเวลาหนีเอาตัวรอด พวกเขาเสียชีวิตอยู่ในเมืองเฟิ่งโดยไม่มีผู้ใดถอยหนีแม้แต่คนเดียว แม่ทัพจี๋เฟิงไป๋ชิงอวี๋นำทหารกองทัพไป๋หนึ่งพันห้าร้อยนายเข้าสู้รบกับศัตรู เพื่อให้ชาวบ้านฝ่าวงล้อมหนีเอาตัวรอดออกไป พวกเขาเสียชีวิตขณะสู้รบกับกองทัพซีเหลียงจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก! กองทัพไป๋ที่แม่ทัพจี๋หย่งไป๋ชิงหมิงเป็นผู้นำทัพป้องกันอำเภอเฟิงจนสุดชีวิต สหายทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเสียชีวิตลงทั้งหมด ไม่มีผู้ใดหลงเหลือ เพราะเหตุใดกัน!”
ภายในค่ายทหารเงียบกริบ
เปลวไฟในกองไฟลุกท่วมสูงขึ้นจากแรงลมพัด ส่องสะท้อนใบหน้าที่เคร่งขรึมของไป๋ชิงเหยียนอย่างริบหรี่
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธของไป๋ชิงเหยียนดังลั่น มีพลังสั่นสะเทือนไปทั้งบริเวณ “เพราะต้องการปกป้องบ้านเมือง คุ้มครองชาวบ้าน!”
จี้หลางหวากอดเสื้อคลุมกันลมแน่น ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
หญิงสาวหวนนึกถึงตอนที่ไป๋ชิงหมิงก้าวลงมาจากหลังม้า ใช้เสื้อคลุมของตัวเองคลุมร่างเปลือยเปล่าของนาง นึกถึงถ้อยคำที่เขากล่าวกับนางเหล่านั้น…
หากเป็นไปได้ จี้หลางหวายินดีตกลงไปในนรกขุมที่สิบแปดเพื่อแลกกับชีวิตของแม่ทัพไป๋ชิงหมิง
ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันแน่น “บัดนี้ ชาวบ้านที่ไม่ว่าจะเป็นผู้นำอย่างท่านแม่ทัพใหญ่หรือทหารชั้นลูกน้องของกองทัพไป๋ต่างสละชีพปกป้องไว้ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเจ้า! ทว่า พวกเจ้ากลับมองดูชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นถูกย่ำยีดูถูกโดยไม่ทำสิ่งใดทั้งสิ้น! พวกเจ้าไม่รู้สึกละอายต่อสหายกองทัพไป๋ที่เสียชีวิตไปบ้างเลยหรือ พวกเจ้าคู่ควรเรียกตัวเองว่ากองทัพไป๋อย่างนั้นหรือ!”
“หญิงสาวผู้นี้คือบุตรสาวของท่านหมอในอำเภอเฟิง นางซาบซึ้งในบุญคุณของกองทัพไป๋ เมื่อได้ยินว่าพวกเราปกป้องชาวบ้านอยู่ที่ด่านหน้า นางจึงเดินทางมาจากอำเภอเฟิง อยากจะใช้ความรู้ความสามารถที่นางมีช่วยรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปกป้องคุ้มครองชาวบ้านให้ได้มากที่สุด นางพยายามอย่างสุดความสามารถของนาง! สตรีที่อ่อนแอคนหนึ่งยังรู้จักเสียสละตอบแทนบุญคุณคน! แล้วพวกเจ้าเล่า! พวกเจ้าปฏิบัติต่อผู้ที่มาช่วยรักษาบาดแผลของพวกเจ้าเช่นไร”
“ข้าผิดไปแล้วขอรับ!” หัวหน้าหน่วยซึ่งมีทหารในสังกัดห้าคนของกองทัพไป๋ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่น้ำตาคลอ คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น “ข้ายินดีรับโทษขอรับ!”
“ข้าผิดไปแล้วขอรับ! ข้ายินดีรับโทษขอรับ!”
“ข้าผิดไปแล้วขอรับ! ข้ายินดีรับโทษขอรับ!”
ทหารที่ได้รับบาดเจ็บของกองทัพไป๋ต่างสำนึกผิด ยินดีรับโทษ
“ผู้ใดสำนึกผิด จงไปรับโทษโบยคนละห้าสิบที! ผู้ใดยังไม่สำนึกผิด…บาดแผลหายดีเมื่อใดจงออกไปจากกองทัพด้วยตัวเอง! ผู้ที่ไม่รักชาวบ้าน ไม่สมควรเป็นทหาร! ชาวบ้านที่ทหารนับแสนของกองทัพไป๋และกองทัพต้าจิ้นสละชีพเพื่อปกป้องคุ้มครองสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของพวกเรา จะปล่อยให้พวกเขาโดนย่ำยีรังแกไม่ได้เด็ดขาด!”
“ขอรับ!”
ทหารที่ได้รับบาดเจ็บของกองทัพไป๋รับคำโดยพร้อมเพรียงกัน
“ส่วนเจ้า…” ไป๋ชิงเหยียนก้มลงเก็บผ้าคลุมหน้าของจี้หลางหวาขึ้นมาจากพื้น จากนั้นหันไปกล่าวกับตู้ซานเป่าที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา “ถอดเครื่องแบบทหารออกแล้วกลับบ้านไปทำไร่ทำนา หรือไม่ก็ไปรับโทษโบยแปดสิบที เจ้าจะไม่ได้รับรางวัลใดๆ จากการทำศึกในครั้งนี้ กลับไปเริ่มต้นเป็นทหารชั้นล่างอีกครั้ง! ข้าจำชื่อเจ้าไว้แล้ว…ตู้ซานเป่า! แม่ทัพหวังสี่ผิง ข้าไป๋ชิงเหยียนไม่ชอบให้มีผู้ใดขัดขืนคำสั่งของข้า ข้าจะบอกกับแม่ทัพจางตวนรุ่ยเอาไว้ หากท่านต้องการปกป้องเขา หวังว่าท่านจะยอมรับผลที่ตามมาได้”
หวังสี่ผิงเหงื่อซึมทั่วร่าง รีบกำหมัดรับคำ
เขาเงยหน้ามองไปยังแผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียนที่พยุงร่างของจี้หลางหวาเดินออกไปจากกระโจม ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
เขาประเมินความสามารถของตัวเองสูงไป หวังสี่ผิงไม่ใช่ไม่เคยได้ยินว่ากฎเกณฑ์ของกองทัพไป๋เข้มงวดมากเพียงใด ทว่า เขาคิดว่าเขาเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับไป๋ชิงเหยียน คงพอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง เขาจึงบากหน้ามาขอร้องหญิงสาว คิดว่าไป๋ชิงเหยียนอาจไว้หน้าเขาสักครั้ง!
หวังสี่ผิงไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล แม้ว่าเมื่อครู่ไป๋ชิงเหยียนจะฉีกหน้าของเขา แม้ว่าไป๋ชิงเหยียนจะกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นให้ทหารกองทัพไป๋ฟัง ทว่า บัดนี้เลือดในกายของเขาก็อดพลุ่งพล่านไปทั้งร่างไม่ได้
ตอนเข้าร่วมกองทัพใหม่ๆ ผู้ใดไม่มีเลือดร้อนที่ต้องการปกป้องบ้านเมืองปกป้องชาวบ้านบ้าง
ทว่า หลายปีมานี้ กองทัพไป๋เป็นคนทำสงครามอยู่ด่านหน้า พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ในเมืองหลวง พวกเขาสุขสบายจนเคยชิน เป็นทหารมานาน…แม่ทัพอย่างหวังสี่ผิงและทหารของกองทัพต้าจิ้นจึงค่อยๆ หลงลืมความตั้งใจแรกเริ่มในการมาเป็นทหาร
มือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังของหวังสี่ผิงกระชับแน่น สายตาเหลือบมองไปยังตู้ซานเป่าที่ขบกรามแน่นพลางลุกขึ้นยืน เขาขมวดคิ้วถาม “เจ้ายังไม่สำนึกอีกหรืออย่างไร”