ตอนที่ 272 จงใจ
น้องชายของเขาอุตส่าห์พบสาวที่ถูกใจอย่างคุณหนูสี่ มู่หรงอวี้ให้ความสำคัญกับเรื่องแต่งงานของน้องชายถึงเพียงนี้ เขาย่อมอยากทำให้ทั้งสองคนตกลงปลงใจกันอยู่แล้ว
“พี่หญิงใหญ่ของข้าเป็นจวิ้นจู่แล้วเจ้าค่ะ! ฝ่าบาททรงตั้งแต่งวันนี้…” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่!”
“ขออภัย!” มู่หรงอวี้ยิ้มน้อยๆ “ไม่ทราบว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะรังเกียจหรือไม่ขอรับ”
“พี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นจื้อกระตุกแขนเสื้อของพี่สาวเบาๆ
“ได้ยินว่าฝีมือการเล่นหมากล้อมของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่โดดเด่นมาก ไม่ทราบว่าข้าจะมีเกียรติเล่นกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สักตาหรือไม่ขอรับ”
มู่หรงอวี้ยิ้มพลางทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนราวกับคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง ไม่ได้วางมาดของจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนแต่อย่างใด
ไป๋ชิงเหยียนย่อกายทำความเคารพกลับมู่หรงอวี้ เหลือบมองเซียวหรงเหยี่ยนแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าดวงตาล้ำลึกของเขามีรอยยิ้ม หญิงสาวจึงตอบตกลง
มู่หรงอวี้เห็นไป๋ชิงเหยียนมองไปทางน้องชายของตน เขารู้สึกสงสัยอยู่ในใจ
“ฉินหมัวมัว ชุนเถาและหลิงจือสาวใช้ของเสี่ยวซื่อตามไปก็พอ” ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งฉินหมัวมัว
เนื่องจากเป็นเรือของผู้อื่น จะพาสาวใช้ หมัวมัวและองครักษ์ขึ้นไปทั้งหมดได้อย่างไรกัน
“เจ้าค่ะ” ฉินหมัวมัวย่อกายรับคำ
ฉินหมัวมัวค่อนข้างไว้ใจเซียวหรงเหยี่ยน แม้การขึ้นไปบนเรือของพ่อค้าจะเสียเกียรติของไป๋ชิงเหยียน ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนคือผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋ ดังนั้นจึงไม่เป็นอันใด
พ่อบ้านของเซียวหรงเหยี่ยนรีบก้าวเข้าไปด้านหน้า
“เชิญจวิ้นจู่ เซี่ยนจู่ คุณหนูและคุณชายทุกคนขอรับ”
ต่งถิงเจินมองดูเรือที่จอดอยู่ตรงท่าไม่ไกลออกไปนัก ถอยหายใจออกมา ท่านพี่ฉางหยวนยังรอคอยพี่หญิงอยู่เลย จะทำเช่นไรต่อดีนะ
เมื่อเห็นดังนี้ ต่งฉางเซิงจึงโค้งกายให้เซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ
“เช่นนั้นพวกเราขออาศัยวาสนาของญาติผู้น้อง ขึ้นไปดื่มเหล้าบนเรือของสหายเซียวสักจอกนะขอรับ”
เมื่อบุตรสาวอนุทั้งสองคนของตระกูลต่งเห็นเซียวหรงเหยี่ยนและมู่หรงเหยี่ยนต่างตะลึงงันไป ไป๋จิ่นจื้อต้องรั้ง ทั้งสองจึงเดินตามขึ้นไปบนเรือด้วยหน้าที่แดงก่ำ ทว่า กลับแอบลอบมองมู่หรงอวี้และเซียวหรงเหยี่ยนเป็นพักๆ แต่ก็กลัวผู้อื่นจะจับสังเกตได้
แม่ท่านป้าสะใภ้ซ่งซื่อจะไม่เคยรังแกบุตรอนุทั้งสองคนนี้ ทว่า นางก็ไม่ได้อบรมสั่งสอนเท่าที่ควร ปล่อยให้ทุกคนอยู่กับอี๋เหนียงของตัวเอง บุตรสาวอนุทั้งสองจึงเสียมารยาท ทำสิ่งใดไม่ค่อยถูกต้องไปบ้าง ไม่เหมือนกับบุตรสาวของภรรยาเอกที่รู้จักกาลเทศะ อ่อนโยนและใจกว้าง
แม้กล่าวว่าทุกคนล้วนชอบความสวยความงาม ทว่า บุตรอนุทั้งสองคนนี้ออกจะทำเกินหน้าเกินตาไปสักนิด
ในฐานะพ่อค้าที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า เรือของเซียวหรงเหยี่ยนมีถึงสองชั้น หรูหราใหญ่โตมาก…คนในเมืองหลวงยากจะเทียบได้
ด้านล่างเป็นพื้นที่โล่ง กว้างขวาง ตกแต่งอย่างหรูหรา อุปกรณ์เครื่องใช้ล้วนทำจากไม้มะฮอกกานีอย่างประณีต ขนาดรูปที่ใช้แขวนประดับยังเป็นรูปโบราณที่หาได้ยาก เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็ได้กลิ่นหอมอบอวล ทั้งสี่ด้านแขวนผ้าม่านผืนบางชั้นเลิศไว้สำหรับบังแดด ช่างดูหรูหรายิ่งนัก
เมื่อครู่มู่หรงอวี้กล่าวว่าอยากเล่นหมากรุกกับไป๋ชิงเหยียนสักตา พ่อบ้านของเซียวหรงเหยี่ยนจึงสั่งให้คนนำกระดานหมากขึ้นมาวางอย่างรวดเร็ว สาวใช้จัดกระดานหมาก นำน้ำชาและของวางมาให้แขกทุกคนเป็นที่เรียบร้อยจึงถอยจากไป
ต่งฉางเซิงเล่าเรื่องหลู่หยวนเผิงให้เซียวหรงเหยี่ยนฟัง เล่าว่าหลู่หยวนเผิงถูกทำโทษให้คุกเข่าหน้าหอบรรพชนอีกแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนยกน้ำชาขึ้นจิบพลางส่ายหน้ายิ้มๆ
“แม้หลู่หยวนเผิงจะชอบก่อเรื่อง ทว่า ครั้งนี้ข้ากลับชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก!”
ไป๋จิ่นจื้อไม่ดื่มน้ำชา นางหยิบของว่างขึ้นมาทานพลางกล่าวอย่างไม่รีบร้อน ดูเหมือนว่านางจะหิวมากจริงๆ
“นำนมวัวมาให้เซี่ยนจู่สักแก้ว เติมน้ำผึ้งเข้าไปหน่อยด้วย” เซียวหรงเหยี่ยนสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
มู่หรงอวี้ยกยิ้มมุมปาก วางหมากลงในกระดาน
“ขอบพระคุณเซียวเซียนเซิงเจ้าค่ะ ข้ากำลังหิวอยู่พอดี อาหารในวังหลวงไม่ใช่อาหารสำหรับคนจริงๆ ตอนยกมาก็เย็นชืดหมดแล้ว…”
เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวหรงเหยี่ยน ไป๋จิ่นจื้อมักเล่าออกมาทุกเรื่องโดยไม่คิดสิ่งใด
ต่งถิงเจินใช้ผ้าเช็ดหน้าผิดปากลอบหัวเราะออกมา
“น้องหญิง เจ้าคิดว่างานเลี้ยงในวังจัดขึ้นเพื่อให้เจ้าไปทานอาหารอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ไปทานอาหารแล้วจะเรียกว่างานเลี้ยงได้อย่างไรกัน!” ไป๋จิ่นจื้อไม่สนใจ
มู่หรงอวี้วางหมากลงในกระดาน ทว่า ใจกลับอยู่ที่เซียวหรงเหยี่ยนและไป๋จิ่นจื้อ เขารู้สึกสงสัยมาก น้องชายของเขาชอบสตรีที่มีนิสัยร่าเริงรักอิสระอย่างคุณหนูสี่จริงๆ หรือ
เซียวหรงเหยี่ยนยิ้มพลางมองไปทางไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังก้มหน้าใช้ความคิดอยู่กับหมากตรงหน้า จึงสั่งให้สาวใช้ไปนำนมนิ่งมาให้หญิงสาว
ไป๋ชิงเหยียนวางหมาก ความรู้สึกของนางบอกนางว่าจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนตรงหน้าผู้นี้สนใจน้องสาวของนางมากเกินไปแล้ว
หญิงสาววางหมากพลางคาดเดาจุดประสงค์ของจักรพรรดิต้าเยี่ยน
ในเมืองหลวงลือกันว่าที่จักรพรรดิต้าเยี่ยนเดินทางมาต้าจิ้นในครั้งนี้ นอกจากมามอบโอรสไว้เป็นตัวประกันและมาอวยพรวันเกิดให้จักรพรรดิต้าจิ้นแล้ว เขายังมาเพื่อสู่ขอสตรีต้าจิ้นให้อ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของเขา
ไป๋ชิงเหยียนกำหมากขาวในมือแน่น จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนอยากสู่ขอไป๋จิ่นจื้อให้เซียวหรงเหยี่ยนอย่างนั้นหรือ
“ชุนเถา เจ้าไปเปลี่ยนชาให้ข้าหน่อย ชาเย็นหมดแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ชุนเถารับคำ หยิบถ้วยชาของไป๋ชิงเหยียนเดินจากไป
ไป๋ชิงเหยียนวางหมาก
ตระกูลไป๋ไร้อำนาจในราชสำนัก ไม่มีอำนาจทางทหาร หลังจากได้รับชัยชนะจากสงครามในครั้งนี้ นางและน้องหญิงสี่ได้เพียงแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่และเซี่ยนจู่ ไม่มีอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น
บัดนี้จักรพรรดิต้าเยี่ยนมอบโอรสไว้เป็นตัวประกันที่ต้าจิ้น อย่าว่าแต่สู่ขอไป๋จิ่นจื้อเลย ต่อให้สู่ขอองค์หญิง ฮ่องเต้คงยกให้เช่นเดียวกัน
เดิมทีไป๋ชิงเหยียนจะวางหมากขาวในมือลงแล้ว ทว่า นางกลับเปลี่ยนตำแหน่ง สถานการณ์หมากในกระดานที่เมื่อครู่ยังดูสงบัดนี้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลง จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนสูญเสียหมากไปกว่าครึ่งกระดาน
มู่หรงอวี้ชะงัก เขาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นวางหมาก
ไป๋ชิงเหยียนรีบวางหมากตาม มู่หรงอวี้สูญเสียหมากไปอีกจำนวนหนึ่ง เห็นผลแพ้ชนะแล้ว
ตอนที่มู่หรงอวี้เล่นหมากล้อมกับไป๋ชิงเหยียน จิตใจเขาจดจ่ออยู่ที่เซียวหรงเหยี่ยน นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อกลับมามองกระดานหมากอีกทีเขาจะพ่ายแพ้แล้ว
“กระดานหมากเปรียบเสมือนสงคราม เจิ่นกั๋วจวิ้นจู่ช่างเป็นนักรบที่เก่งกาจสมคำร่ำลือเสียจริง ข้าไม่อาจเทียบได้เลย…” มู่หรงอวี้วางหมากดำทั้งหมดลงในกล่อง ยอมแพ้
การเล่นหมากล้วนเป็นข้ออ้างในการเชิญคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ขึ้นมาบนเรือก็เท่านั้น ตอนเล่นหมากมู่หรงอวี้ก็ไม่ได้ตั้งใจเล่น แพ้ชนะไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเขา
“กระดานหมากไม่เพียงเหมือนสนามรบเท่านั้นเจ้าค่ะ ใต้หล้าแห่งนี้ก็เหมือนกับกระดานหมากแผ่นใหญ่ ผู้นำของทุกแผ่นดินล้วนเป็นหมากในกระดาน…” ไป๋ชิงเหยียนหยิบหมากดำที่มู่หรงอวี้วางไว้ขึ้นมา
“ทว่า หากคนเล่นไม่สามารถควบคุมหมากเล็กๆ เหล่านี้ได้ หากเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นมา แคว้นอาจดับสูญ ผู้คนอาจล้มตายได้เจ้าค่ะ!”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนวางหมากสีดำลงไปในกระดาน
เมื่อวางหมากลง สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที หมากขาวชนะขาดลอย ล้มได้ทั้งกระดาน
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้น ดวงตาล้ำลึกสงบนิ่งสบกับสายตาที่ส่อแววตกตะลึงของมู่หรงอวี้ หญิงสาวไม่มีวี่แววหวาดกลัวแม้แต่น้อย กระทั่ง…ส่อแววข่มขู่อยู่ในตัว
มู่หรงอวี้ใจเต้นรัว ไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงส่อแววไม่เป็นมิตรเช่นนี้
เขามองไปทางไป๋จิ่นจื้อที่กำลังสนทนาอย่างสนุกสนานแวบหนึ่ง เข้าใจในทันที ดูเหมือนว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะดูออกแล้วว่าเขามุ่งเป้าไปที่ไป๋จิ่นจื้อ
มู่หรงอวี้เป็นพี่ชายคนโต เขาเข้าใจความรู้สึกของไป๋ชิงเหยียนในตอนนี้ดี ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแต่กลับหัวเราะออกมาแทน
มู่หรงอวี้เป็นบุรุษรูปงาม เมื่อเขาหัวเราะออกมาจึงดูน่ามองและงามจนสะกดจิตวิญญาณคนยิ่งนัก