ตอนที่ 304 คนเลวอยู่ด้วยกัน
รู้วิชาแพทย์ด้วยอย่างนั้นหรือ
ฮ่องเต้กระจ่างแจ้ง มิน่าเล่าท่านป้าถึงได้กล่าวว่านางไปเก็บสมุนไพร ที่แท้ไม่ใช่ข้ออ้างสินะ
ฮ่องเต้พยักหน้า เหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงความคะนึงหา จนเกาเต๋อเม่าเดินเข้ามารายงานว่าชิวกุ้ยเหรินทำขนมดอกฝูหรงพุทรามาให้ฮ่องเต้ลองชิม ฮ่องเต้จึงโบกมือไล่ไป๋ชิงเหยียนให้ออกไป
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพแล้วเดินออกมานอกตำหนัก นอกจากเสนาบดีกรมการคลังฉู่จงซิ่งที่ยืนรออยู่ด้านนอกแล้ว ยังมีรัชทายอยู่ด้วยอีกคน
รัชทายาทคงต้องการทราบว่าไป๋ชิงเหยียนจะกล่าสิ่งใดกับเสนาบดีกรมการคลังฉู่จงซิ่ง เขาจึงรออยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน
ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพรัชทายาทจากนั้นกล่าวขึ้น “เสนาบดีฉู่ ได้ยินมาว่าจวนเสนาบดีฉู่อยากได้สาวใช้ใหญ่ข้างกายของข้าไปเป็นอนุหรือเจ้าคะ”
ฉู่จงซิ่งตะลึง นึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะกล่าวเรื่องนี้ออกมาต่อหน้ารัชทายาทเช่นนี้ เขากำมือที่ซ่อนอยู่ในชุดขุนนางแน่น แสร้งทำไขสือ “จวิ้นจู่เข้าใจผิดหรือไม่ขอรับ ภรรยาของข้าเคยเกริ่นเรื่องรับอนุให้บุตรอนุของข้า ทว่า จะไปแย่งสาวใช้ข้างกายของจวิ้นจู่มาได้อย่างไรขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนก็แสร้งกล่าวอย่างตกใจเช่นเดียวกัน “แต่สาวใช้ของข้าบอกว่าจวนเสนาบดีจะมาสู่ขอนางไปเป็นอนุ มาอ้อนวอนขอสัญญาทาสจากข้า ข้าคิดว่าจวนเสนาบดีก็ไม่เลวเหมือนกันจึงอนุญาตไป!”
“ผู้ใดจะคิดว่าสาวใช้นั่นกล้าขโมยปิ่นปักผมทับทิมแดงในหีบที่ข้าไม่เคยหยิบออกมาใช้ไป นางคิดว่าข้าชอบเครื่องประดับราบเรียบมากกว่าจึงลืมปิ่นปักผมชิ้นนั้นไปแล้ว นางอยากขโมยไปเป็นสินเดิมของตัวเอง ทว่า ปิ่นนั่นคือของต่างหน้าของฮองเฮาองค์ก่อน พระองค์พระราชทานให้ท่านย่าของข้า ท่านย่ามอบให้ข้าต่อ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางรัชทายาทแวบหนึ่ง “ข้านึกว่าใต้เท้าฉู่ชอบพอในตัวนางจึงไว้ชีวิตนาง และปล่อยนางกลับบ้านไปอย่างเงียบๆ ก่อนที่ท่านย่าจะกลับมา จากนั้นให้คนนำสัญญาทาสไปคืนให้นางทีหลัง ท่านย่ายังไม่พอใจข้าเรื่องนี้อยู่เลย”
ฉู่จงซิ่งรีบกำหมัดขอขมา “ข้าไม่ทราบเรื่องนี้จริงๆ ขอรับ เดี๋ยวข้าจะกลับไปถามภรรยา หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ข้าจะไม่ยอมให้คนคิดไม่ซื่อเช่นนี้เข้ามาในจวนเสนาบดีแน่นอนขอรับ ขอบพระคุณจวิ้นจู่มากขอรับที่บอกให้ข้าทราบ!”
“ปกติสาวใช้นั่นก็สงบเสงี่ยมดี ครั้งนี้คงคิดว่าจะได้ไปอยู่ที่จวนเสนาบดีจึงเหิมเกริมมากไป หากฮูหยินชอบนางจริงๆ ต่อไปกำชับไม่ให้นางทำผิดอีกก็พอเจ้าค่ะ”
รัชทายาทส่ายหน้า ส่งสัญญาณให้ไป๋ชิงเหยียนเดินไปกับเขา เดินไปพลางกล่าวไปพลาง “เจ้าสู้รบด้วยความเด็ดขาด เหตุใดถึงใจอ่อนกับสาวใช้ข้างกายเช่นนี้ บ่าวชั้นต่ำที่กล้าขโมยของดูต่างหน้าของฮองเฮาองค์ก่อน สมควรโบยให้ตาย แต่เจ้ากลับคืนสัญญาทาสให้นางอีก”
“หม่อมฉันเห็นแก่เสนาบดีฉู่เพคะ” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองฉู่จงซิ่งที่เดินอยู่ทางด้านขวาของรัชทายาทยิ้มๆ
ฉู่จงซิ่งเดินตามไม่หยุดพลางยกมือกำหมัดขอขมาอีกครั้ง กล่าวว่าตัวเองไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนกลับมาจากวังหลวง เมื่อเข้าไปในจวนก็ถูกองค์หญิงใหญ่เรียกตัวไปพบทันที
องค์หญิงใหญ่คิดว่าฮ่องเต้เรียกไป๋ชิงเหยียนไปถามเรื่องแม่นางหลู
“ข้ารู้สึกว่าแม้ฮ่องเต้จะยังไม่เคยพบหน้าแม่นางหลู ทว่า พระองค์ดูเหมือนจะเชื่อว่าแม่นางหลูคือท่านอาซู่ชิวกลับชาติมาเกิดจริงๆ เจ้าค่ะ มิเช่นนั้นทรงออกราชโองการเรียกตัวไปพบก็สิ้นเรื่องแล้ว เหตุใดต้องทนทรมานตัวเองเช่นนี้ด้วยเจ้าคะ”
ฮ่องเต้คือเจ้าของแคว้นต้าจิ้น เขาจะทำสิ่งใดก็ได้
องค์หญิงใหญ่พยักหน้า ใช้เข็มเงินเขี่ยขี้เถาในเตาผิง “อาเป่ากล่าวมีเหตุผล”
“ชิวกุ้ยเหรินในวังผู้นั้นก็ร้ายกาจอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ ก่อนที่ข้าจะออกมาจากตำหนัก ข้าได้ยินเกากงกงกล่วว่าชิวกุ้ยเหรินทำขนมดอกฝูหรงพุทรามาให้ฮ่องเต้เจ้าค่ะ”
ดวงตาขององค์หญิงใหญ่ขรึมลงเล็กน้อย
“ท่านย่า ท่านอาซู่ชิวชอบทำขนมดอกฝูหรงพุทราให้ท่านทานตอนที่ท่านร่างกายอ่อนแอนี่เจ้าคะ คนที่รู้เรื่องนี้มีไม่มาก ตอนที่ท่านอาไป๋ซู่ชิวจากไป ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งว่าห้ามตระกูลไป๋ทำขนมชนิดนี้ขึ้นโต๊ะอีก ชิวกุ้ยเหรินทราบเรื่องนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ”
องค์หญิงใหญ่หยิบสร้อยลูกประคำที่วางอยู่บนโต๊ะสีดำด้านข้าขึ้นมา หลับตาพลางคลำลูกประคำ
“ท่านย่า ข้าคิดว่าชิวกุ้ยเหรินคงร้อนใจเรื่องของแม่นางหลูแล้ว นางจงใจเลียนแบบท่านอาซู่ชิวอย่างโจ่งแจ้งกว่าเดิม ดังนั้นนอกจากแม่นางหลูจะหน้าตาคล้ายคลึงกับท่านอาไป๋ซู่ชิวแล้ว คงต้องให้นางทำในสิ่งที่ท่านอาเคยทำหรืออยากทำแต่โดนท่านปู่กับท่านย่าห้ามเอาไว้เจ้าค่ะ เช่นนี้ฮ่องเต้ถึงจะเชื่อว่านางคือท่านอากลับชาติมาเกิดจริงๆ เจ้าค่ะ”
องค์หญิงใหญ่หยุดชะงักมือที่กำลังคลำลูกประคำอยู่
แสงแดดสาดเข้ามาทางหน้าต่าง ส่องกระทบพื้นไม้จนเปล่งประกายเป็นสีเหลืองทองอร่าม ภายในห้องมีแต่ควันธูปอบอวล เงียบสงัดจนน่าแปลกประหลาด
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงสนทนาของเจี่ยงหมัวมัวและถงหมัวมัวดังมาจากด้านนอก หญิงสาวลุงขึ้นทำความเคารพองค์หญิงใหญ่ “หากไม่มีอันใดแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ท่านย่าพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”
กล่าวจบ หญิงสาวเดินถอยหลังไปสองสามก้าว อ้อมฉากกั้นเดินออกมาจากในห้อง
เมื่อไป๋ชิงเหยียนจากไปแล้ว องค์หญิงใหญ่จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งที่ไป๋ซู่ชิวอยากทำ…แต่นางกับไป๋เวยถิงไม่ให้ทำช่างมีมากเหลือเกิน!
ถงหมัวมัวกำลังเล่าเรื่องที่นางนำสัญญาทาสไปคืนให้ชุนซิ่งให้เจี่ยงหมัวมัวฟัง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนออกมาก็รีบเข้าไปทำความเคารพ
เมื่อเห็นใบหน้าอารมณ์ดีของถงหมัวมัว ไป๋ชิงเหยียนก็รู้ได้ทันทีว่าถงหมัวมัวจัดการได้อย่างราบรื่น
ถงหมัวมัวก้าวเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน กล่าวยิ้มๆ “คุณหนูใหญ่ จัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้ถงหมัวมัว จากนั้นพานางเดินออกไปจากเรือนฉางโซ่ว
“ตอนที่บ่าวไปถึงบ้านของชุนซิ่ง แม่ของชุนซิ่งกำลังโอ้อวดกับเพื่อนบ้านละแวกนั้นว่าชุนซิ่งได้รับความเมตตาจากจวิ้นจู่และจวนเสนาบดีกรมการคลัง กำลังจะได้ไปเป็นอนุที่จวนเสนาบดีเจ้าค่ะ…”
ถงหมัวมัวรีบให้คนบังคับม้าหยุดม้าและลงจากรถไปอย่างโมโหทันที นางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากเล็กน้อย เชิดหน้ากล่าวว่าตนคือหมัวมัวรับใช้ข้างกายของจวิ้นจู่ ถามหาชุนซิ่ง
มารดาของชุนซิ่งกลัวจนไม่กล้าส่งเสียงตอบรับ ทว่า มีผู้หวังดีบางคนชี้ไปทางมารดาของชุนซิ่งอย่างต้องการประจบถงหมัวมัว
ถงหมัวมัวมองสำรวจมารดาของชุนซิ่งด้วยสีหน้าบึ้งตึง มารดาของชุนซิ่งรีบโน้มกายทำความเคารพอย่างนอบน้อม กล่าวว่าถงหมัวมัวเป็นแขกคนสำคัญ เชิญเข้าไปนั่งในบ้านก่อน
ถงหมัวมัวแสยะยิ้มเย็น กล่าวขึ้น “กล่าวกันว่าคนเลวมักอยู่ด้วยกัน ข้าไม่กล้าเข้าไปในรังโจรของพวกเจ้าหรอก ชุนซิ่งกล้าขโมยแม้แต่ปิ่นปักผมของฮองเฮาองค์ก่อนที่องค์หญิงใหญ่มอบให้จวิ้นจู่ หากข้าเข้าไปในบ้านของพวกเจ้า ข้าคงถูกพวกเจ้าขโมยเครื่องประดับติดตัวทั้งหมดของข้าไปแน่!”
มารดาของชุนซิ่งอาละวาดไม่ให้ถงหมัวมัวกล่าวหากันลอยๆ เช่นนี้
ถงหมัวมัวไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว นางหยิบสัญญาทาสของชุนซิ่งออกมาพลางยิ้มเย็น “องค์หญิงใหญ่โมโหมาก! หากเจ้ายังไม่ยอมรับ ข้าคงได้แต่เก็บสัญญาทาสนี้ไว้แล้วโบยชุนซิ่งให้ตายตามคำสั่งขององค์หญิงใหญ่”
ถงหมัวมัวกล่าวจบก็สั่งให้องครักษ์ของตระกูลไป๋ไปจับตัวชุนซิ่งออกมา มารดาของชุนซิ่งตกใจจนแทบเป็นลม ตะโกนว่าบุตรสาวของนางกำลังจะไปเป็นอนุของจวนเสนาบดีกรมการคลัง จวิ้นจู่ไม่กลัวล่วงเกินจวนเสนาบดีอย่างนั้นหรือ
ถงหมัวมัวเดินเข้าไปด้านหน้า โยนสัญญาทาสให้มารดาของชุนซิ่ง “เห็นแก่เสนาบดีกรมการคลัง จวิ้นจู่ของข้าจึงไว้ชีวิตชุนซิ่ง ทว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะไม่เรียกใช้คนที่มีความเกี่ยวของกับชุนซิ่งอีกแม้แต่คนเดียว!”