ตอนที่ 331 ไว้ทุกข์
“มีแต่โจรเป็นพัลวัน ไหนเลยจะป้องกันโจรได้พัลวันกัน” สีหน้าขององค์รัชทายาทย่ำแย่ เขาสะบัดจดหมายในมือจนเกิดเสียงดัง “องค์หญิงที่เดินทางมาแต่งงานเชื่อมไมตรีมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับขันที อีกทั้งตั้งใจจะลอบสังหารเราอีก! ซีเหลียงดูถูกกันมากเกินไปแล้ว!”
มีความสัมพันธ์คลุมเครือกับขันที องค์รัชทายาทยังพอทนได้ ทว่า วันข้างหน้าสตรีนางนี้ต้องอาศัยอยู่ที่จวนองค์รัชทายาท กลายเป็นผู้หญิงของเขา นางมีโอกาสลอบสังหารเขาได้ตลอดเวลา เขาจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อย่างไรกัน
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางองค์รัชทายาท “ทว่า อาศัยแค่จดหมายที่ไม่มีที่มาที่ไปฉบับนี้ไม่อาจปฏิเสธการแต่งงานรับองค์หญิงหลี่เทียนฟู่มาอยู่ในจวนองค์รัชทายาทได้นะเพคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่าบาทเป็นคนรับสั่งให้รับองค์หญิงซีเหลียงมาเป็นเช่อเฟยของพระองค์เองเช่นนี้ด้วย”
“กระหม่อมคิดว่าองค์ชายแต่งงานรับนางมาเป็นเช่อเฟยตามปกติ จากนั้นหาองครักษ์ฝีมือดีมาคอยคุ้มกันข้างกายของพระองค์เพื่อป้องกันไว้ก่อน เมื่อองค์หญิงซีเหลียงแต่งเข้ามาในจวนองค์รัชทายาทแล้ว ให้องครักษ์ของจวนจับตาดูนางไว้ให้ดี หากมีสิ่งผิดปกติค่อยรีบจับกุมนางทันที จะได้ใช้สิ่งนี้บีบบังคับนางได้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ากล่าว
องค์รัชทายาทหันไปมองไป๋ชิงเหยียน “จวิ้นจู่มีความเห็นเช่นไร”
“องค์รัชทายาทส่งจดหมายฉบับนี้ไปในวังและอธิบายที่มาที่ไปอย่างละเอียดเถิดเพคะ”
“กระหม่อมเห็นด้วยกับความคิดของจวิ้นจู่พ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ามีสีหน้าเห็นด้วย “ถึงแม้วันนี้จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทว่า หากวันหน้าองค์หญิงหลี่เทียนฟู่ก่อเรื่องอันใดขึ้นมา ฝ่าบาทจะได้ไม่ทรงคิดว่าเป็นเพียงการทะเลาะกันของสามีภรรยา องค์ชายจะได้มีข้ออ้างในการหย่าร้างกับองค์หญิงซีเหลียงได้พ่ะย่ะค่ะ”
ฉินซ่างจื้อกลอกตาใส่ฟางเหล่า
ที่ไป๋ชิงเหยียนแนะนำให้องค์รัชทายาทส่งจดหมายไปให้ฮ่องเต้ในวังหลวงเพราะต้องการให้ฮ่องเต้ทราบว่าไม่ว่าวันนี้จะเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่ องค์รัชทายาทจะไม่มีทางร่วมเข้าหอกับหลี่เทียนฟู่ในคืนนี้เด็ดขาด ทว่า เขาไม่ได้ทำเช่นนี้เพราะไม่พอใจการพระราชทานสมรสของฮ่องเต้
ดังนั้น หลังจากองค์หญิงแห่งซีเหลียงแต่งเข้ามาในจวนองค์รัชทายาท นางจะเป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่งของจวนที่ต้องส่งคนจับตาดูให้รัดกุมมากหน่อยก็เท่านั้น
เหตุใดต้องให้องค์รัชทายาทเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อล่อมือสังหารออกมาด้วย นี่มันตรรกะอันใดกันแน่
ฉินซ่างจื้อพบว่าฟางเหล่าแก่มากแล้วจริงๆ ตอนที่อยู่หนานเจียง คำกล่าวของเขายังพอมีเหตุผลอยู่บ้าง ทว่า หลังจากกลับมายังจวนองค์รัชทายาท เขารู้สึกหมดคำกล่าวกับฟางเหล่าแล้วจริงๆ …
เดิมทีฉินซ่างจื้อตั้งใจจะเอ่ยขัด ทว่า เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาจึงขมวดคิ้วพลางอดกลั้นเอาไว้
“องค์ชาย เช่อเฟยกำลังจะเข้ามาจากประตูข้างของจวนแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายจะออกไปต้อนรับหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของเฉวียนอวี๋ดังมาจากด้านนอก
ตามหลักแล้วการแต่งเช่อเฟยเข้ามาในจวน องค์รัชทายาทไม่จำเป็นต้องออกไปต้อนรับ
ทว่า หากชาติตระกูลของเช่อเฟยดีหรือองค์รัชทายาทยินดีไว้หน้า เขาก็จะออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง
แต่บัดนี้องค์รัชทายาทเต็มไปด้วยโทสะ เขาจะมีอารมณ์ออกไปต้อนรับนางได้อย่างไรกัน
องค์รัชทายาทกำจดหมายที่อยู่ในมือแน่น ใส่จดหมายกลับเข้าซองตามเดิม จากนั้นกล่าวขึ้น “เฉวียนอวี๋เข้ามาหน่อย!”
องค์รัชทายาทยื่นจดหมายให้เริ่นซื่อเจี๋ย “เริ่นเซียนเซิง รบกวนท่านช่วยพาเฉวียนอวี๋เข้าไปในวังหลวงหน่อยเถิด ระหว่างทางสอนเขาด้วยว่าควรกล่าวสิ่งใดบ้าง”
เริ่นซื่อเจี๋ยยื่นมือทั้งสองข้างไปรับจดหมายมา จากนั้นกล่าวขึ้น “องค์ชายวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะอธิบายเรื่องนี้ให้เฉวียนอวี๋กงกงเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้น หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืน
“เจ้ารอก่อน…” องค์รัชทายาทหันไปทางไป๋ชิงเหยียน ในใจเต็มไปด้วยโทสะ “เจ้าไม่ต้องหลบไปที่ใด ไปทูลพระชายาว่าจวิ้นจู่เป็นแขกคนสำคัญของจวนองค์รัชทายาท”
องค์รัชทายาทต้องการให้ซีเหลียงได้รู้ว่าต่อให้เช่อเฟยคือองค์หญิงแห่งซีเหลียง เขาก็ไม่คิดจะใส่ใจ
องค์รัชทายาทต้องการระบายความโกรธ ทว่า หากไป๋ชิงเหยียนไปร่วมงาน ผู้อื่นจะคิดว่าหญิงสาวไม่มีมารยาท กล้าไปร่วมงานมงคลของผู้อื่นโดยที่ตัวเองยังไว้ทุกข์อยู่เช่นนี้
“องค์รัชทายาท หม่อมฉันทราบดีว่าพระองค์ให้ความสำคัญกับหม่อมฉัน ทว่า วันนี้หม่อมฉันเสียมารยาทบุกมาที่จวนแล้ว หากออกไปที่โถงด้านนอกอีก อาจถูกผู้คนครหาว่าไม่รู้จักมารยาทได้เพคะ” ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพองค์รัชทายาท “หม่อมฉันรอฟังข่าวอยู่ที่เรือนหลังดีหรือไม่เพคะ หากองค์รัชทายาททรงปลอดภัยดี หม่อมฉันค่อยกลับจวน”
“เจ้าคือแขกของเรา ผู้ใดจะกล้าครหาเจ้า!” องค์รัชทายาทกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น จากนั้นก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องตำรา
การแต่งเช่อเฟยเข้ามาที่จวน เช่อเฟยต้องยกน้ำชาคารวะพระชายาเอก
เมื่อรู้ว่าเกี้ยวของเช่อเฟยมาถึงแล้ว ทว่า องค์รัชทายาทไม่ได้ออกไปต้อนรับ พระชายาเอกรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย นางจับแขนหมัวมัวเดินไปยังโถงรับรองหลักจากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้หลัก
องค์รัชทายาทและไป๋ชิงเหยียนปรากฏตัวพร้อมกันท่ามกลางการอารักขาของบรรดาองครักษ์สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คนไม่น้อย
ขนาดเหล่าคุณชายเจ้าสำราญของเมืองหลวงที่ยืนอยู่รวมกับเซียวหรงเหยี่ยนยังตกใจ
“เหตุใดพี่สาวไป๋จึงมาอยู่ที่นี่กัน” ซือหม่าผิงเอ่ยถามเสียงเบาหวิว
เซียวหรงเหยี่ยนก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน
ชายหนุ่มประสานสายตากับไป๋ชิงเหยียน เขาก้มศีรษะให้หญิงสาวเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม
องค์ชายมู่หรงลี่แห่งต้าเยี่ยนซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งของแขกกิตติมศักดิ์ลุกขึ้นยืนยิ้มให้ไป๋ชิงเหยียนน้อยๆ
“องค์รัชทายาท…” พระชายาเอกย่อกายทำความเคารพองค์รัชทายาท สายตาหยุดอยู่ที่ไป๋ชิงเหยียน นางรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนมาเพราะเหตุใดจึงส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “จวิ้นจู่”
“พระชายา วันนี้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่คือแขกคนสำคัญที่เราเชิญมา เจ้าดูแลนางให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด!” องค์รัชทายาทกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต้าจิ้นได้รับชัยชนะที่สงครามหนานเจียงเพราะเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ เราจึงได้แต่งงานเชื่อมไมตรีกับองค์หญิงแห่งซีเหลียง ดังนั้นวันนี้จวิ้นจู่ควรอยู่เป็นสักขีพยานด้วย!”
“แน่นอนเพคะ” พระชายาเอกเข้าไปจับมือไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “หม่อมฉันส่งหมัวมัวข้างกายไปเชิญจวิ้นจู่มาแล้วเช่นกัน ทว่า จวิ้นจู่ไม่ยอมมา องค์รัชทายาทช่างมีวิธีโน้มน้าวจริงๆ เพคะ”
กล่าวจบ พระชายาเอกหันไปกล่าวกับหมัวมัวข้างกาย “ไปนำเก้าอี้ของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มาวางไว้ด้านข้างข้า”
องค์รัชทายาทยังรู้สึกไม่สาแก่ใจ เขากล่าวขึ้น “ดนตรีหยุดบรรเลงเพลงด้วย เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่กำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์”
ทุกคนต่างรู้สึกหวั่นเกรง นึกไม่ถึงเลยว่าองค์รัชทายาทจะให้ความสำคัญกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มากถึงเพียงนี้
ฟางเหล่าดูเหมือนอยากจะเอ่ยสิ่งใดออกมา ทว่า สุดท้ายก็ได้แต่ขมวดคิ้วอดกลั้นเอาไว้ เขากวาดสายตามองไปยังไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวก้มหน้ายืนอยู่ข้างกายของพระชายาเอกเหมือนกำลังกล่าวสิ่งใดกันอยู่ หญิงสาวไม่ได้มีสีหน้าตื่นตระหนกหรือยินดีแม้แต่น้อย คิ้วที่ขมวดอยู่ของฟางเหล่าจึงค่อยๆ คลายปมออก
ฉินซ่างจื้ออดเป็นห่วงแทนไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ องค์รัชทายาทกำลังใช้ไป๋ชิงเหยียนเป็นเครื่องระบายความโกรธของตัวเอง ไม่รู้ว่าผู้อื่นจะมองความสัมพันธ์ขององค์รัชทายาทและไป๋ชิงเหยียนอย่างไร เกรงว่าจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของไป๋ชิงเหยียน
ฉินซ่างจื้อรู้สึกเสียใจไม่น้อย เขาควรรอให้ไป๋ชิงเหยียนจากไปก่อนแล้วค่อยมอบจดหมายให้องค์รัชทายาท
ไม่นานหลี่เทียนฟู่ในชุดพิธีการสีแดงก็ถูกประคองเข้ามาทางประตูด้านข้างของจวน
พระชายาเอกวางมาดความเป็นพระชายาของตัวเองอย่างเต็มที่ หยัดกายตรง มุมปากยกยิ้มด้วยรอยยิ้มที่จริงใจกว่าเดิมมากนัก
หลี่จือเจี๋ยเดินมาถึงประตูหน้าของจวนองค์รัชทายาท ทว่า กลับไม่ได้ยินเสียงบรรเลงเพลงใดๆ ตอนนั้นเขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศช่างแปลกพิกล
เมื่อเขาเดินเข้ามาด้านในพบว่าไม่มีเสียงสนุกสนานรื่นเริงของผู้คนเลยแม้แต่น้อย ทุกคนมองไปยังร่างขององค์หญิงหลี่เทียนฟู่แห่งซีเหลียงด้วยแววตาสงสารปนเยาะเย้ย
หลี่จือเจี๋ยบังคับให้ตัวเองมองตรงไปยังเบื้องหน้า เขาเห็นบรรดานักดนตรีถือเครื่องดนตรีของตัวเองทยอยเดินออกไปจากห้องโถงหลัก