ตอนที่ 358 แม้ตายก็ไม่ถอย
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้น “เหยียนมาหาองค์ชายในเวลานี้เพื่อมากราบทูลองค์ชายว่าเหยียนจะเดินทางกลับไปซั่วหยางก่อนกำหนดสักรอบเพคะ ทว่า เหยียนกังวลว่าต้าเหลียงอาจเปิดศึกกับต้าจิ้น จึงตั้งใจมาสอบถามองค์ชายเกี่ยวกับสถานการณ์ของต้าเหลียงเพคะ”
ฟางเหล่าก้มหน้าจิบชานิ่งๆ ตระกูลบรรพบุรุษไป๋มาอาละวาดที่เมืองหลวงอย่างหนัก รัชทายาทจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน ฟางเหล่าจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน
รัชทายาทคิดว่าไป๋ชิงเหยียนถูกประมุขตระกูลไป๋บีบจนยอมจำนน จึงจะกลับไปที่ซั่วหยางเพื่อช่วยบรรดาลูกพี่ลูกน้องของนางออกมาจากคุก หากเป็นเช่นนี้รัชทายาทสามารถส่งคนไปแจ้งกับทางการของซั่วหยางเพื่อให้ไป๋ชิงเหยียนติดค้างบุญคุณเขาได้
“ต้าเหลียงตั้งกองทัพอยู่ที่ภูเขาหงเชวี่ย ช่วงนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ยังไม่มีปัญหาอันใด เจ้าไปอย่างสบายใจเถิด” รัชทายาทกล่าวจบก็มองไปทางไป๋ชิงเหยียนพลางถามขึ้น “ทว่า เจ้าเพิ่งกลับมาจากซั่วหยางไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องไปอีกรอบ นี่ก็ใกล้วันที่หนึ่ง เดือนห้าแล้ว เหตุใดไม่รอให้ถึงตอนนั้นก่อน”
ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากแน่น ลังเลอยู่ครู่หนึ่งพลางถอนหายใจออกมา ขมวดคิ้ว สีหน้าส่อแววลำบากใจ
“แม้ไม่ควรแพร่งพรายเรื่องน่าอายของตระกูลให้ผู้อื่นรับรู้ ทว่า เหยียนไม่กล้าปิดบังองค์รัชทายาทเพคะ ตระกูลบรรพบุรุษไป๋…เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเพคะ!”
รัชทายาทแสร้งทำเป็นตั้งใจฟัง รอให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวต่อ
“ที่เหยียนกลับไปซั่วหยางคราวที่แล้วก็เพราะได้ยินว่าทายาทตระกูลบรรพบุรุษอาศัยบารมีของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงทำตัวเหิมเกริม รังแกชาวบ้าน ทำลายชีวิตคน เหยียนจึงจำต้องกลับไปจัดการเรื่องนี้เพคะ ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อกลับไปถึงจะพบว่าทายาทตระกูลบรรพบุรุษไป๋ถึงกับกล้าอาศัยบารมีขององค์รัชทายาทหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ขณะแย่งชิงกิจการของผู้อื่นกลางวันแสกๆ ยังกล้ากล่าวหาว่าเหยียนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกลับองค์ชายรัชทายาท…คือว่าที่ฮองเฮาในภายภาคหน้า หากเจ้าของกิจการไม่ยอมเชื่อฟัง เขาจะตัดมือของบุตรชายเจ้าของกิจการทิ้งเพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันกรอด แสร้งทำท่าทีเจ็บปวดใจ
“เหยียนได้ชื่อว่าเทพแห่งการสังหาร อีกทั้งสาบานว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิตจึงไม่กลัวข่าวลือเหล่านี้ ทว่า องค์ชายคือรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ คือผู้นำแคว้นต้าจิ้นในภายภาคหน้า จะเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องเช่นนี้ไม่ได้! เหยียนจึงตัดใจขอให้นายอำเภอโจวจับทายาทตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่สร้างความเดือดร้อนเหล่านั้นเข้าคุกและลงโทษอย่างหนักเพคะ!”
มองดูสีหน้าจริงจังของไป๋ชิงเหยียน ลำคอของรัชทายาทร้อนผ่าว อดรู้สึกประทับใจไม่ได้
“ต่อมาประมุขไป๋พาผู้อาวุโสในตระกูลบรรพบุรุษมาอาละวาดที่เมืองหลวง บีบบังคับให้เหยียนใช้ฐานะจวิ้นจู่กดดันนายอำเภอโจวให้ยอมปล่อยคน ทว่า หากเหยียนยอมทำตาม ชาวบ้านจะมองว่าองค์รัชทายาททรงเข้าข้างตระกูลไป๋ เหยียนจะยอมให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ เพราะสาเหตุนี้ประมุขไป๋จึงพาผู้อาวุโสคนอื่นๆ มาอาละวาดที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ท่านย่าเชิญพวกเขาเข้าไปด้านในจวน อธิบายเหตุผลที่ไม่อาจปล่อยตัวทายาทเหล่านั้นออกมาได้ให้พวกเขาฟังอย่างใจเย็น ทว่า พวกเขากลับทำให้ท่านย่าโมโหจนกระอักเลือด!”
น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนชะงักลงครู่หนึ่ง เงยหน้ามองไปทางรัชทายาทอย่างจริงจัง
“ต่อมาองครักษ์ของตระกูลไป๋ขนข้าวของเครื่องใช้บางส่วนกลับไปยังซั่วหยาง รับรู้ข่าวว่าทายาทตระกูลบรรพบุรุษเมาจนก่อเรื่องขึ้นอีกครั้ง! เพื่อบีบให้ทางการยอมปล่อยคนออกมา พวกเขาทำลายชีวิตคนไปอีกหนึ่งชีวิตเพคะ! บัดนี้ทุกคนล้วนรับรู้ว่าเหยียนคือคนขององค์รัชทายาท แม้เหยียนจะไม่อาจสร้างผลงานเพื่อองค์ชายได้อีก ทว่า เหยียนจะไม่ยอมเป็นตัวถ่วงพระองค์ ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดว่าองค์ชายเข้าข้างตระกูลไป๋แน่นอนเพคะ”
รัชทายาทได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ก็อดนึกถึงตอนที่เขาหวาดระแวงไป๋ชิงเหยียนจนแอบสะกดรอยตามนางไปถึงอำเภอเฟิงขึ้นมาไม่ได้ นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนั้นไป๋ชิงเหยียนไปที่อำเภอเฟิงเพื่อเตรียมแผนการเรื่องกวางศักดิ์สิทธิ์ให้เขา
ตระกูลไป๋ให้ความสำคัญกับชื่อเสียง ไป๋ชิงเหยียนทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อผู้นำแคว้นคนใหม่ในภายภาคหน้าอย่างเขาจริงๆ
ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจของรัชทายาท เขาพยักหน้า น้ำเสียงอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
“เช่นนั้นจวิ้นจู่จะจัดการกับเรื่องในครั้งนี้เช่นไร”
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น ขอบตาร้อนผ่าวราวกับตัดสินใจแน่วแน่ น้ำเสียงหนักแน่น
“ขับไล่ทายาทเหล่านั้นออกจากตระกูลบรรพบุรุษทั้งหมด ให้ทางการลงโทษอย่างเด็ดขาดเพคะ! ประมุขตระกูลไป๋ทำหน้าที่บกพร่องควรเปลี่ยนประมุขคนใหม่! หากตระกูลบรรพบุรุษไม่ยอมทำตาม…เหยียนจะพาตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงถอนตัวออกจากตระกูลบรรพบุรุษ นับแต่นี้เป็นต้นไปไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีกเพคะ! มีเพียงทำเช่นนี้ ต่อไปหากคนในตระกูลบรรพบุรุษก่อเรื่องอันใดขึ้นมาอีก ชาวบ้านจะได้ไม่โทษว่าเป็นความผิดของตระกูลไป๋ ไม่โทษว่าองค์ชายเข้าข้างตระกูลไป๋เพคะ”
เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนพยายามอดกลั้นความโกรธเอาไว้ รัชทายาทเตรียมจะกล่าวสิ่งใดออกมา ทว่า ฟางเหล่ากลับชิงกล่าวขึ้นมาก่อน “จวิ้นจู่คิดเพื่อองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้ ข้านับถือยิ่งนักขอรับ”
ฟางเหล่ากล่าวพลางหันไปมองรัชทายาท ส่ายหน้าให้พระองค์น้อยๆ โดยไม่เป็นที่ผิดสังเกต รัชทายาทกำหมัดแน่น พยักหน้า “นั่นนะสิ เราจะจดจำไว้ในใจ”
ไป๋ชิงเหยียนแสร้งทำท่าทีตกตะลึง “องค์รัชทายาทและฟางเหล่ากล่าวเช่นนี้ เหยียนไม่เห็นด้วยเพคะ เรื่องนี้ตระกูลไป๋ทำให้ชื่อเสียงขององค์รัชทายาทต้องแปดเปื้อน รัชทายาทไม่ทรงถือสา นับว่าเป็นบุญคุณมากแล้ว เหยียนไม่กล้าให้องค์ชายจดจำ ไม่กล้ารับคำยกย่องจากฟางเหล่าเพคะ องค์ชายและฟางเหล่ากล่าวเช่นนี้จะให้เหยียนเอาหน้าไปไว้ที่ใดเพคะ”
เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้มีท่าทีเสแสร้ง ฟางเหล่าจึงพยักหน้ายิ้มๆ
“เหยียนทราบดี ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทำเรื่องเลวร้ายพวกนั้นลงไปแล้ว ต่อให้เหยียนถอนตัวออกจากตระกูลบรรพบุรุษก็คงไม่อาจลบล้างชื่อเสียงที่ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทำให้องค์ชายต้องแปดเปื้อนได้ หลังจากเรื่องนี้สงบลง หากมีโอกาส เหยียนจะหาวิธีทำให้องค์ชายกลับมาได้ใจชาวบ้านในซั่วหยางอีกครั้งแน่นอนเพคะ!”
ดวงตาล้ำลึกของไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังรัชทายาทนิ่ง แววตาเต็มไปด้วยความหนักแน่น
รัชทายาทพยักหน้า รู้สึกซาบซึ้งเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำกล่าวได้ ในใจยิ่งรู้สึกได้ใจ ในที่สุด…เขาก็ทำให้คนมีความสามารถอย่างไป๋ชิงเหยียนยอมสวามิภักดิ์ต่อเขาได้แล้ว
ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนทำความเคารพรัชทายาท “ในเมื่อชายแดนที่ติดกับต้าเหลียงไม่มีความผิดปกติใดๆ เหยียนจะได้กลับไปจัดการเรื่องที่ซั่วหยางได้อย่างสบายใจ เมื่อจัดการเรียบร้อยจะรีบกลับมาเพคะ! หากช่วงนี้ต้าเหลียงมีความเคลื่อนไหวอันใด องค์รัชทายาทส่งมาเร็วไปตามเหยียนได้ทุกเมื่อ แม้ตายเหยียนก็ไม่มีวันยอมถอยเพคะ!”
“จวิ้นจู่จะออกเดินทางเมื่อใดหรือขอรับ” ฟางเหล่าถาม
ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยตอบฟางเหล่าอย่างนอบน้อม “เดิมทีตั้งใจจะออกเดินทางวันนี้ ทว่า การจัดการกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋คือปัญหาใหญ่ ต้องรวบรวมหลักฐานความผิดของทายาทตระกูลบรรพบุรุษให้ครบถ้วน เหยียนมีเพียงหลักฐานเล็กน้อยเท่านั้น ต้องรวบรวมให้ครบจึงจะจัดการกับพวกเขาได้อย่างถอนรากถอนโคน เหยียนส่งคนไปรวบรวมหลักฐานที่ซั่วหยางแล้ว เหยียนจะออกเดินทางในวันมะรืน เมื่อกลับไปถึงจะขอให้เปิดประชุมตระกูลทันทีเพคะ”
“จวิ้นจู่คิดได้รอบคอบมาก หากจวิ้นจู่ต้องการให้เราช่วยเหลือเรื่องใด ไม่ต้องเกรงใจเรานะ!” รัชทายาทกล่าว
ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “ไม่อาจช่วยแบ่งเบาภาระองค์ชายแถมยังให้ตระกูลบรรพบุรุษเป็นตัวถ่วงองค์ชายเช่นนี้อีก เหยียนรู้สึกผิดเต็มทน ไม่กล้ารบกวนองค์ชายหรอกเพคะ เหยียนขอตัวก่อนนะเพคะ”
ฟางเหล่าวางใจลงไม่น้อย หากไป๋ชิงเหยียนตอบรับคำเสนอของรัชทายาท เอ่ยปากขอให้รัชทายาทช่วยเหลือ ฟางเหล่าจะสงสัยเป้าหมายที่ไป๋ชิงเหยียนมาในวันนี้ทันที ทว่า เมื่อไป๋ชิงเหยียนปฏิเสธความหวังดีของรัชทายาท ฟางเหล่าจึงรู้สึกว่าไป๋ชิงเหยียนคงทำเพื่อรัชทายาทจริงๆ
รัชทายาออกมาส่งไป๋ชิงเหยียนที่หน้าจวนด้วยตัวเอง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนขึ้นรถม้าจากไป จึงหมุนตัวกลับเข้าไปในจวน
ฟางเหล่าที่เดินตามหลังรัชทายาทกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “องค์ชาย กระหม่อมคิดว่าหากเรื่องนี้เป็นจริงดังที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่กล่าว องค์ชายควรส่งคนสนิทและองครักษ์ของจวนรัชทายาทติดตามเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”