ตอนที่ 359 รอบคอบ
เมื่อเห็นองค์รัชทายาทหันมองมาทางเขา ฟางเหล่าจึงกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ ”ประการแรกจะได้แสดงให้เห็นว่าองค์ชายไม่ได้ทรงถือโทษเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ที่ตระกูลบรรพบุรุษของนางทำให้พระองค์เสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย ประการที่สอง หากมีคนขององค์ชายติดตามกลับไปซั่วหยางด้วย จวิ้นจู่คงกลับไปจัดการเรื่องในตระกูลบรรพบุรุษได้ราบรื่นกว่าเดิมและต้องสำนึกในบุญคุณของพระองค์แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ประการที่สาม หากคนขององค์ชายกำชับให้ทางการลงโทษคนทำผิดอย่างรุนแรงตามกฎหมาย องค์ชายจะได้ใจของชาวบ้านกลับมาพ่ะย่ะค่ะ ทว่า หากให้จวิ้นจู่เป็นคนจัดการ ใจของชาวบ้านก็จะกลายเป็นของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่แทนพ่ะย่ะค่ะ”
“เราเห็นด้วยกับสองประการแรกที่ฟางเหล่ากล่าวมา ทว่า เราไม่เห็นด้วยกับประการที่สาม เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เป็นคนฉลาดถึงเพียงนั้น หากเราส่งคนไปแย่งใจของชาวบ้านมาจากเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ นางจะไม่ผิดหวังหรือ บัดนี้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จงรักภักดีต่อเราด้วยใจจริงแล้ว หากเราทำเช่นนั้น เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะมองเราเช่นไรกัน”
องค์รัชทายาทกล่าวจบจากนั้นกล่าวเสริมขึ้นอีก “ได้ยินว่าโจรป่าแถวซั่วหยางออกอาละวาดรุนแรงมากขึ้น คราวที่แล้วสินค้าของหรงเหยี่ยนยังโดนปล้นไปเลย! ส่งเฉวียนอวี๋และองครักษ์ของจวนองค์รัชทายาทอีกสองกลุ่มไปคุ้มกันจวิ้นจู่และฟังคำสั่งนางทุกอย่าง”
ฟางเหล่าที่เดินตามหลังองค์รัชทายาทชะงักฝีเท้าเล็กน้อย กำมือที่ซ่อนอยู่ในชายเสื้อแน่น นี่ไม่ใช่ครั้งที่สองที่องค์รัชทายาทปฏิเสธเขาเพราะเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่แล้ว นี่ไม่ใช่การเริ่มต้นที่ดีสักนิด
สีหน้าของฟางเหล่าไม่เปลี่ยนแปลง พยักหน้ายิ้มๆ “เช่นนั้นกระหม่อมจะส่งคนไปสังเกตการณ์ล่วงหน้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะออกเดินทางในวันมะรืน ยังพอมีเวลาอยู่ เราควรจะรอบคอบสักหน่อย ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทหัวเราะออกมาเบาๆ “ฟางเหล่ารอบคอบเกินไปแล้ว ตามใจเจ้าเถิด ขอแค่ไม่เสียเวลาการเดินทางของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ก็พอ เราอยากไปส่งจวิ้นจู่ด้วยตัวเราเอง”
ในเมื่ออยากให้ติดค้างน้ำใจ องค์รัชทายาทก็จะทำอย่างสมบูรณ์แบบจนผู้คนติฉินไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไปส่งเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ด้วยตัวเอง
ที่สำคัญเรื่องที่ฟางเหล่ากล่าวเมื่อครู่ว่าให้เขาขัดขวางเหลียงอ๋องไม่ให้แก้ปัญหาความอดอยากที่เยี่ยนว่อได้อย่างราบรื่นนัก เขาอยากถามความเห็นจากไป๋ชิงเหยียนว่านางคิดเห็นเช่นไรในเรื่องนี้
ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากจวนองค์รัชทายาท เมื่อขี่ม้าออกมาจากตรอกของจวนองค์รัชทายาทแล้ว หญิงสาวจึงสั่งให้หลูผิงแพร่งพรายเรื่องที่นางมาทูลองค์รัชทายาทว่าจะเดินทางกลับซั่วหยางในวันมะรืนออกไปให้ทุกคนได้รับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่า ต้องทำให้เขารู้เรื่องนี้ให้ได้
ยังไม่ทันจะเอ่ยสั่งจบ หญิงสาวได้ยินเสียงเรียกนางดังขึ้นเสียก่อน
“พี่สาวไป๋ พี่สาวไป๋”
สิ้นเสียง ไป๋ชิงเหยียนกระตุกบังเหียนหันกลับไปมอง
ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นเซียวหรงเหยี่ยนยืนอยู่หน้าโรงเหล้าท่ามกลางบรรดาคุณชายเจ้าสำราญที่ขึ้นชื่อแห่งเมืองหลวงตั้งแต่แวบแรก
คิ้ว จมูกและสันกรามของชายหนุ่มคมชัด เขาอยู่ในชุดเสื้อคลุมตัวยาวสีเข้ม ร่างสูงโปรง รอบกายมีรัศมีสูงส่งไม่ธรรมดา โดดเด่นที่สุดในกลุ่มคุณชายเจ้าสำราญเหล่านั้น
หลู่หยวนเผิงถลกชายเสื้อคลุมยาววิ่งลงจากบันไดไปหาไป๋ชิงเหยียนอย่างตื่นเต้น เขาหยุดอยู่ด้านหน้าไป๋ชิงเหยียนอย่างดีใจ เงยหน้ามองดูสตรีงดงามองอาจที่นั่งอยู่บนหลังม้าสูง ฉีกยิ้มออกมา “พี่สาวไป๋จะไปที่ใดขอรับ”
“ข้าเพิ่งออกมาจากจวนองค์รัชทายาทกำลังจะกลับจวน”
เมื่อหลู่หยวนเผิงได้ยินไป๋ชิงเหยียนเอ่ยตอบก็ยื่นไปมือช่วยจับบังเหียนม้าแทนไป๋ชิงเหยียนอย่างได้คืบเอาศอก เงยหน้าขึ้นกล่าวยิ้มๆ “วันนี้ข้าเป็นเจ้ามือเลี้ยงสหายเซียว ฉินหล่างและพวกซือหม่าผิง ฉลองที่ข้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ขอรับ พี่สาวไป๋มาดื่มด้วยกันสักจอกสิขอรับ ให้หยวนเผิงได้มีโอกาสขอบคุณพี่สาวไป๋บ้าง”
ไป๋ชิงเหยียนหลุดหัวเราะกับคำกล่าวของหลู่หยวนเผิง รู้ดีว่าหลู่หยวนเผิงไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ “เจ้าควรขอบคุณผู้พิพากษาหลู่ที่ช่วยคืนความบริสุทธิ์ให้เจ้าถึงจะถูก เหตุใดต้องขอบคุณข้าด้วย”
เมื่อฉินหล่างเห็นไป๋ชิงเหยียน เขากำมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น สาวเท้าเดินเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน เมื่อเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินหลู่หยวนเผิงกล่าวขึ้นเสียก่อน น้ำเสียงราวกับจะสื่อว่าอย่าปิดบังเขาอีกเลย “ท่านปู่ของข้าบอกว่าผู้ที่ไปสืบสาเหตุการตายของหลินซิ่นอันเป็นคนแรกคือคนของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ดังนั้นข้าจึงคิดว่าพี่สาวไป๋รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าถูกใส่ร้าย ต้องพลิกสถานการณ์ร้ายกลายเป็นดีได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นพี่สาวไป๋คงไปหาใต้เท้าหลู่นานแล้ว ใช่หรือไม่ขอรับ”
ฉินหล่างยืนอยู่ด้านข้าง ฟังหลู่หยวนเผิงเปิดโปงท่านปู่ของตัวเองอย่างหมดเปลือก เขารู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ
มีเพียงคนที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กเท่านั้น ถึงไม่มีความเจ้าเล่ห์ใดๆ เช่นนี้
ฉินหล่างโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “จวิ้นจู่จะกลับจวนหรือขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ไม่ได้ลงมาจากหลังม้า “เช้าวันมะรืนข้าจะเดินทางไปซั่วหยางแล้ว ตอนนี้ต้าเหลียงตั้งกองกำลังอยู่ติดชายแดนเรา ข้าไม่วางใจจึงไปสอบถามเรื่องนี้จากองค์รัชทายาท”
ภายในเมืองหลวงแห่งนี้จะมีผู้ใดกระจายข่าวลือได้ดีกว่าคุณชายเจ้าสำราญกลุ่มนี้อีก
เซียวหรงเหยี่ยนและคุณชายเจ้าสำราญคนอื่นๆ ต่างเดินไปด้านหน้าเพื่อทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนจึงลงมาจากม้าเพื่อทำความเคารพกลับ
เยว่สือยืนอยู่ด้านหลังสุด เขาอยากทักทายไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไม่สามารถเบียดกลุ่มคุณชายเจ้าสำราญพวกนี้ไปด้านหน้าได้ จึงได้แต่ยืนมองตาปริบๆ
“พี่สาวไป๋จะกลับซั่วหยางหรือขอรับ เพราะเรื่องที่ประมุขไป๋พาคนในตระกูลบรรพบุรุษมาอาละวาดที่จวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ใช่หรือไม่ขอรับ ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่โมโหจนกระอักเลือดเลย!”
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนมีสีหน้าลำบากใจ หลู่หยวนเผิงเดือดดาลขึ้นมาทันที รู้สึกเกลียดตระกูลบรรพบุรุษไป๋เข้ากระดูกดำ
เขาไม่เคยพบผู้ใดที่หน้าไม่อายเท่านี้มาก่อน นี่ขนาดอยู่ในเมืองหลวงยังไม่เห็นองค์หญิงใหญ่อยู่ในสายตา หากวันหน้าพี่สาวไป๋กลับไปซั่วหยาง พวกนั้นจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้พี่สาวไป๋มากกว่านี้หรือ!
ตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงเป็นตระกูลนักรบที่มีชื่อเสียงมานับร้อยปี ไม่ว่าบุรุษหรือสตรีล้วนโดดเด่นมีความสามารถและน่าเคารพยกย่อง เหตุใดคนของตระกูลบรรพบุรุษจึงมีแต่คนถ่อยที่น่ารังเกียจเช่นนั้นนะ!
“จวิ้นจู่ดูรีบร้อน ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยเหลือได้บ้างหรือไม่ขอรับ” ดวงตาล้ำลึกของเซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนโดยแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ท่าทีสุขุมอ่อนโยน
“ไม่รบกวนเซียวเซียนเซิงเจ้าค่ะ เหยียนจัดการได้เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนยกมือคารวะเซียวหรงเหยี่ยน
“วันมะรืนข้าไปซั่วหยางกับพี่สาวไป๋ดีหรือไม่ขอรับ” หลู่หยวนเผิงมองไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “ขอแค่พี่สาวไป๋สั่ง ข้าจะทำตามที่พี่สาวไป๋สั่งทุกอย่างขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้หลู่หยวนเผิง “ข้ารับมือได้”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพทุกคนอีกครั้ง “ไม่รบกวนทุกท่านแล้ว ไป๋ชิงเหยียนขอตัวก่อน”
“ช้าก่อนขอรับจวิ้นจู่…” เซียวหรงเหยี่ยนหันไปทำความเคารพกลุ่มของหลู่หยวนเผิงพลางเอ่ยขึ้น “ข้ามีเรื่องต้องกล่าวกับจวิ้นจู่สักหน่อย พวกท่านขึ้นไปก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะตามไปทีหลัง”
แม้เรื่องที่เซียวหรงเหยี่ยนชอบไป๋ชิงเหยียนจะไม่ได้แพร่งพรายไปทั่วทั้งเมืองหลวง ทว่า กลุ่มคุณชายเจ้าสำราญที่ถนัดในเรื่องนี้จะดูไม่ออกได้อย่างไรกัน
แม้พวกเขาจะสนิทสนมกับเซียวหรงเหยี่ยน ไม่เคยดูถูกฐานะพ่อค้าของเขา ทว่า พวกเขาก็รู้ดีว่าจวิ้นจู่แห่งต้าจิ้นคงไม่อาจลดฐานะไปแต่งงานกับเซียวหรงเหยี่ยนได้
ที่สำคัญไป๋ชิงเหยียนเคยสาบานไว้ว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิต
ทว่า ในเมื่อเซียวหรงเหยี่ยนต้องการตามเกี้ยวไป๋ชิงเหยียน พวกเขาก็ไม่อาจห้ามปรามได้ เซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนรู้ขอบเขตมาแต่ไหนแต่ไร เขาย่อมคิดได้อย่างแน่นอน