ตอนที่ 373 อย่าถือสา
บ่าวที่ไม่ได้ลงนามสัญญาทาส กู่เหล่าหักขาพวกเขาจากนั้นไล่ออกจากจวน พร้อมทั้งประกาศกร้าวว่าหากตระกูลใดในซั่วหยางกล้าใช้บ่าวเหล่านี้และครอบครัวของพวกเขาจะถือว่าเป็นศัตรูกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่!
ไม่เพียงเท่านี้ หญิงชรา สาวใช้ และบ่าวรับใช้ที่ลงนามสัญญาทาสคนอื่นๆ กู่เหล่าก็จัดการขั้นเด็ดขาดเช่นเดียวกัน บ้างก็ถูกตีจนตาย บ้างก็ถูกขายออกไป อีกทั้งให้คนค้าทาสทั่วทั้งซั่วหยางช่วยจัดหาหญิงชรา บ่าวรับใช้ชุดใหม่ให้จวนบรรพบุรุษทั้งหมด กู่เหล่าจัดการเรื่องนี้อย่างใหญ่โตและรวดเร็วมาก
กู่เหล่าตั้งใจว่าจะจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เรียบร้อยก่อนที่ไป๋ชิงเหยียนและสตรีจากตระกูลไป๋จะเดินทางกลับมายังซั่วหยาง
วันนี้เป็นวันที่คนค้าทาสทั่วทั้งซั่วหยางจะนำบ่าวชุดใหม่มาที่จวนบรรพบุรุษพอดี กู่เหล่าคิดว่าในเมื่อคุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว หากคุณหนูใหญ่มีเวลาว่างจะได้ตรวจสอบด้วยตัวเอง
กู่เหล่าพาผู้ดูแลและบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ที่เดินทางมาพร้อมกันกับตนและหลูผิงในคราวที่แล้วออกมายืนรอต้อนรับไป๋ชิงเหยียนอยู่หน้าจวนบรรพบุรุษอย่างยิ่งใหญ่
เมื่อเห็นรถม้าประจำตัวของจวิ้นจู่เคลื่อนที่มาแต่ไกล สีหน้าของกู่เหล่าปรากฏแววยินดี รีบถือไม้เท้าเดินลงมาจากบันไดสูงของจวนพร้อมกับบ่าวคนอื่นๆ
ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยหยุดดูเหตุการณ์อย่างสนใจ ต่างพากันชะเง้อมองไปยังรถม้าที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
รถม้าหยุดนิ่ง กู่เหล่าถือไม้เท้าเดินไปหยุดอยู่ข้างรถม้า เห็นชุนเถาประคองไป๋ชิงเหยียนลงมาจากรถม้า เขารีบคุกเข่าลงบนพื้นพลางก้มศีรษะคำนับ “ยินดีต้อนรับจวิ้นจู่ขอรับ…”
ผู้ดูแลและบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังกู่เหล่าก็รีบคุกเข่าลงบนพื้นแล้วก้มศีรษะคำนับเช่นเดียวกัน “ยินดีต้อนรับจวิ้นจู่ขอรับ!”
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะเคยสั่งไว้แล้วว่าให้บ่าวในตระกูลไป๋เรียกนางว่าคุณหนูใหญ่ตามเดิม ทว่า บัดนี้อยู่ท่ามกลางชาวบ้านมากมาย อีกทั้งอยู่ที่ซั่วหยาง พวกเขาจะเสียมารยาทไม่ได้
มิเช่นนั้น หากแม้แต่บ่าวรับใช้ของตระกูลไป๋อย่างพวกเขายังไม่เคารพคุณหนูใหญ่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋อาจใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการไม่เคารพและดูถูกคุณหนูใหญ่ของพวกเขาได้
ไป๋ชิงเหยียนเข้าใจจุดประสงค์ของกู่เหล่าดี เขากำลังช่วยนางสร้างอำนาจอยู่
หญิงสาวเดินไปหยุดอยู่หน้ากู่เหล่า ประคองให้เขาลุกขึ้น “ลุกขึ้นเถิด กู่เหล่าเป็นดั่งผู้อาวุโสของเหยียน ทำความเคารพเหยียนเช่นนี้ เหยียนจะอายุสั้นเอานะเจ้าคะ”
แววตาของกู่เหล่าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เอ่ยถามเสียงเบา “การเดินทางราบรื่นดีหรือไม่ขอรับ”
ช่วงนี้โจรป่าออกอาละวาดอย่างหนัก เมื่อได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนเดินทางมากับไป๋จิ่นจื้อเพียงลำพัง กู่เหล่าไม่สบายใจอยู่หลายวัน
“กู่เหล่าวางใจเถิด มีองครักษ์สองกองของจวนองค์รัชทายาทคุ้มกันมาด้วย ตลอดทางราบรื่นดีมาก” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองประตูบานใหญ่สีแดงสดเคลือบน้ำมันของจวนบรรพบุรุษ
ประตูทั้งหกเปิดกว้าง เสาสีแดงเคลือบน้ำมัน รูปปั้นสิงโตสองตัวที่สูงกว่าคนวางประดับอยู่สองข้างทาง กำแพงสีแดง กระเบื้องสีเขียว ด้านในจวนมีเครื่องเย็บปักถักร้อยและรูปปั้นแกะสลักมากมาย
ตระกูลไป๋สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วรุ่น ต่างบำรุงรักษาและซ่อมแซมจวนบรรพบุรุษเก่าแก่หลังนี้จนดูดีและขลังกว่าเดิม แม้ไม่อาจเทียบกับจวนของตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงได้ ทว่า ถือว่าหาได้ยากมากแล้วในซั่วหยาง
“คุณหนูใหญ่กลับมาซั่วหยางคราวนี้เพื่อจัดการกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋ใช่หรือไม่ขอรับ” แม้กู่เหล่าจะอายุมากแล้ว ทว่า เขายังคงฉลาดอยู่ เดิมทีตระกูลไป๋จะเดินทางกลับมายังซั่วหยางในวันที่หนึ่ง เดือนห้านี้อยู่แล้ว ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับเดินทางกลับมาก่อนเช่นนี้ มีเพียงเหตุผลเดียวคือการมาจัดการกับตระกูลบรรพบุรุษเท่านั้น
“ไม่ปิดบังกู่เหล่า เหยียนจะเปิดประชุมที่หอบรรพชนเพื่อเปลี่ยนตัวประมุขคนใหม่” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
กู่เหล่าชะงักฝีเท้าเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้าลงอย่างช้าๆ บัดนี้ประมุขตระกูลไป๋ยิ่งดูไม่เป็นผู้เป็นคนจริงๆ การกระทำของเขาเหมือนกับมารดาผู้ล่วงลับของเขาไม่มีผิดเพี้ยน
กู่เหล่าเติบโตมาพร้อมกับไป๋เวยถิง เขารู้จักมารดาของประมุขไป๋ผู้นั้นดี นางคือบุตรอนุของตระกูลพ่อค้าผู้ร่ำรวย นางมีนิสัยเสียเต็มไปหมด หากไม่ใช่เพราะหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เล็ก อีกทั้งประมุขคนก่อนของตระกูลไป๋เพิ่งถูกรับมาเป็นบุตรของมารดาเอกในภายหลัง มิเช่นนั้นตระกูลไป๋ไม่มีทางให้สตรีเช่นนี้กลายเป็นภรรยาของประมุขไป๋แน่นอน
“คุณหนูใหญ่หมายความว่าจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่หรือขอรับ” กู่เหล่าถือไม้เท้าเดินตามหลังของไป๋ชิงเหยียนไปอย่างช้าๆ เอ่ยถามอย่างละเอียด
“ตระกูลไป๋มีคำสั่งสอนของบรรพบุรุษและกฎของตระกูลอยู่ เราจัดการตามสิ่งเหล่านั้นก็พอ วันนี้คนในตระกูลบรรพบุรุษกว่าครึ่งคงต้องโดนไล่ออกจากตระกูล ครอบครัวของประมุขไป๋ก็เช่นกัน…” ไป๋ชิงเหยียนหยุดฝีเท้าลง ยืนนิ่งอยู่กลางลานหญ้าพลางกล่าวขึ้น “หากตระกูลบรรพบุรุษไม่ยอมทำตาม ข้าจะพาตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงถอนตัวออกจากตระกูลบรรพบุรุษเอง จะไม่ยอมให้เสื่อมเสียมาถึงตระกูลเรามากไปกว่านี้อีกแล้ว”
“ตระกูลบรรพบุรุษอาศัยบารมีของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวง เมื่อก่อนอาศัยเจิ้นกั๋วอ๋อง บัดนี้อาศัยท่านซึ่งเป็นเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่!” กู่เหล่าหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่มีผู้ใดรู้จักนิสัยของคนในตระกูลบรรพบุรุษได้ดีกว่าเขาอีกแล้ว “พวกเขาไม่มีทางทอดทิ้งจวิ้นจู่เพียงเพราะประมุขไป๋คนเดียวหรอกขอรับ! ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้องค์รัชทายาทส่งคนมาช่วยหนุนหลังคุณหนูใหญ่ด้วย มีต้นไม้ต้นใหญ่อย่างคุณหนูอยู่ คนในตระกูลบรรพบุรุษไม่มีทางปล่อยคุณหนูไปหรอกขอรับ”
กล่าวจบ กู่เหล่าทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม “ข้าอยู่กับตระกูลไป๋มาทั้งชีวิต ดูแลบัญชีของตระกูลมาโดยตลอด ข้าเก็บบัญชีเงินและสิ่งของทุกอย่างที่ส่งมาให้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทุกปีไว้เป็นอย่างดี หากครั้งนี้คุณหนูใหญ่ต้องการใช้ อย่าได้เกรงใจนะขอรับ”
กู่เหล่าหมายความว่าหากต้องการเปิดเผยเรื่องนี้สามารถเรียกใช้เขาได้
ก่อนหน้านี้ประมุขไป๋ลอบยักยอกเงินที่ตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงส่งกลับมายังซั่วหยางไว้เอง ตระกูลไป๋แสร้งทำเป็นไม่รับรู้เรื่องนี้เพราะเห็นว่าประมุขไป๋เองก็ลำบากที่ต้องจัดการดูแลคนในตระกูลทั้งหมด
กู่เหล่าคิดว่านี่คือหลักฐานชิ้นดี เพราะเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงมีหลานชายมากมาย กู่เหล่าคิดว่าตำแหน่งประมุขควรตกทอดอยู่ในมือของทายาทสายหลัก ดังนั้นเขาต้องมีหลักฐานที่แน่ชัดไว้จัดการกับประมุขไป๋
ต่อมาบรรดาหลานชายของไป๋เวยถิงล้วนเสียชีวิตลงหมดแล้ว เดิมทีกู่เหล่าคิดว่าบัญชีเหล่านี้คงจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้คุณหนูใหญ่จะปลดประมุขไป๋ออกจากตำแหน่ง เช่นนั้นเขาก็จะนำหลักฐานเหล่านี้ออกมาช่วยเหลือคุณหนูใหญ่
“เช่นนั้นก็รบกวนกู่เหล่าด้วย” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
กู่เหล่ามองดูไป๋ชิงเหยียนที่ดูนิ่งขรึมและอ่อนโยน ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้น ทุกคนต่างกล่าวกันว่าบุรุษตระกูลไป๋ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ตระกูลไป๋ใกล้จบสิ้นแน่!
ทว่า คุณหนูใหญ่ของพวกเขากลับแบกรับหน้าที่ดูแลตระกูลไป๋ แสดงให้ทุกคนได้เห็นความจงรักภักดีของตระกูลไป๋ ขอยืมโลงศพจากใต้หล้า ทวงความยุติธรรมคืนให้เจิ้นกั๋วอ๋องและตระกูลไป๋ ไปตีกลองร้องทุกข์ที่หน้าประตูอู่เต๋อ…บีบบังคับให้ฮ่องเต้ลงโทษซิ่นอ๋อง
ใต้หล้าแห่งนี้ ผู้ใดจะมีจิตวิญญาณที่แข็งกล้าเช่นนี้อีก!
มีเพียงคุณหนูใหญ่ของพวกเขาเท่านั้น!
ตอนที่คุณหนูใหญ่เดินทางไปหนานเจียง กู่เหล่านอนไม่หลับสักคืน ได้แต่ภาวนาวิงวอนขอให้ดวงวิญญาณของเจิ้นกั๋วอ๋อง เจิ้นกั๋วกงและบุรุษทุกคนของตระกูลไป๋ช่วยคุ้มครองให้คุณหนูใหญ่เดินทางกลับมาเมืองหลวงอย่างปลอดภัย
ทว่า คุณหนูใหญ่ของพวกเขาไม่เพียงกลับมาอย่างปลอดภัย หญิงสาวยังนำชัยชนะกลับมาอีกด้วย เอาชนะซีเหลียงและหนานเยี่ยนจนถอยทัพ คุณหนูใหญ่ของพวกเขาสานต่อในสิ่งที่บุรุษตระกูลไป๋ที่เสียชีวิตลงที่หนานเจียงทำไม่สำเร็จจนสำเร็จลุล่วง
กู่เหล่า…รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก
หากผู้ใดยังกล้ากล่าวว่าสตรีสู้บุรุษไม่ได้อีก กู่เหล่าจะออกมาคัดค้านเป็นคนแรก
“ไม่ลำบากขอรับ! ขอแค่ได้ช่วยเหลือคุณหนูใหญ่บ้าง คนแก่อย่างข้าก็ดีใจมากแล้วขอรับ” กู่เหล่ามองไปยังไป๋ชิงเหยียนด้วยดวงตาที่เปียกชื้น “หากเจิ้นกั๋วอ๋องยังมีชีวิตอยู่ ได้เห็นคุณหนูใหญ่ในตอนนี้ ต้อง…ต้องดีใจมากแน่นอนขอรับ!”
กู่เหล่ากล่าวพลางน้ำตาไหลพราก เขารีบหันหลังใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาทิ้ง หัวเราะออกมาเบาๆ เพื่อกลบเกลื่อน “แก่แล้ว…พอลมเข้าตาน้ำตาก็ชอบไหลออกมา คุณหนูใหญ่อย่าถือสาเลยนะขอรับ”