ตอนที่ 378 ใช้อำนาจส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว
“ทว่า สัตว์เดรัจฉานอย่างพวกเจ้ากลับอาศัยความดีความชอบที่ได้มาจากการสละชีพของบุรุษตระกูลไป๋ข่มเหงรักแกชาวบ้านที่คนทุกรุ่นของตระกูลไป๋ปกป้องไว้ สังหารชาวบ้านที่คนตระกูลไป๋ทุกรุ่นมองเห็นเป็นดั่งสายเลือดเดียวกันอย่างไม่เห็นค่า! คนอย่างพวกเจ้าคู่ควรเป็นทายาทของตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือ ช่างเป็นความอัปยศของตระกูลไป๋จริงๆ”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นจื้อที่กำลังบันดาลโทสะอย่างภูมิใจ แม้กำลังโมโห ทว่า น้องสาวของนางยังมีสติอยู่ อาศัยโอกาสนี้แย่งชิงใจของชาวบ้านแห่งซั่วหยาง
เสี่ยวซื่อ…โตแล้ว
มารดาของไป๋ชิงเจี๋ยอยากจะกล่าวสิ่งใดอีก ทว่า เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของไป๋ชิงเหยียน นางรีบเงียบเสียงทันที
ไป๋จิ่นจื้อหมุนกายกลับมากำหมัดคำนับไป๋ชิงเหยียน กัดฟันกรอด ดวงตาแดงฉาน
“พี่หญิงใหญ่ หากสัตว์เดรัจฉานเหล่านี้ไม่ถูกขับไล่ออกจาตระกูลไป๋ ไป๋จิ่นจื้อจะขอถอนตัวออกจากตระกูลเป็นคนแรกเจ้าค่ะ! ข้ายอมใช้แซ่เดียวกับสุนัข แต่ไม่มีทางยอมใช้แซ่เดียวกับคนถ่อยชั่วช้าเช่นนี้อีกเป็นอันขาดเจ้าค่ะ”
ชาวบ้านมองดูคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ที่ทระนง องอาจ และสุขุมมั่นใจ มองดูคุณหนูสี่ที่โมโหจนตาแดงก่ำ ทุกคนรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
ชาวบ้านที่รายล้อมอยู่หน้าหอบรรพชนของตระกูลไป๋ต่างกำหมัดแน่น เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อกล่าวจบ พวกเขารู้สึกอารมณ์พุ่งพล่านขึ้นมาทันที
มีชีวิตเพื่อชาวบ้าน สละชีพเพื่อบ้านเมือง!
นั่นสินะ เจิ้นกั๋วอ๋องอายุมากแล้ว ทว่า ยังยอมสวมชุดเกราะพาบุรุษทุกคนของตระกูลไป๋ไปออกรบที่หนานเจียง แม้กระทั่งคุณชายที่อายุเพียงสิบขวบของตระกูลไป๋ยังไม่มีชีวิตรอดกลับมาเลย
พวกเขานึกถึงพ่อค้าและบัณฑิตต่างถิ่นที่เดินทางมาเยือนซั่วหยางขึ้นมาทันที ทุกคนล้วนกล่าวยกย่องคุณงามความดีของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวง นึกถึงคำกล่าวของคนเหล่านั้นที่กล่าวว่าตระกูลไป๋เห็นชาวบ้านทุกคนเป็นดั่งสายเลือดเดียวกัน พวกเขารู้สึกขอบตาร้อนผ่าวทันที ที่แท้ตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงรัก และปกป้องชาวบ้านอย่างพวกเขาจริงๆ สินะ!
หากตระกูลไป๋ทำไปเพียงเพราะอยากได้ความดีความชอบ ไม่ได้อยากปกป้องชาวบ้านอย่างแท้จริง เหตุใดถึงต้องพาเด็กชายที่อายุเพียงสิบขวบไปออกรบด้วย
ชาวบ้านรู้ดีว่าขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ส่วนใหญ่ล้วนไม่อยากให้ลูกหลานของพวกเขาเป็นทหาร…เอาชีวิตไปทิ้งในสนามรบ
ทว่า ตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงคือตระกูลสูงศักดิ์ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในแคว้นต้าจิ้น ทายาทของพวกเขาแม้แต่ทายาทของตระกูลบรรพบุรุษในซั่วหยางล้วนกินดีอยู่ดี เป็นตระกูลที่มั่งคั่ง ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอง ทว่า พวกเขายังเลือกที่จะไปออกรบ
พวกเขาเคยไม่เชื่อในคุณธรรมของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวง ไม่เชื่อคำกล่าวที่ว่าตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงไม่เคยมีคนไร้ประโยชน์ คิดว่านั่นเป็นเพียงข่าวลือที่ตระกูลสูงศักดิ์สร้างขึ้นเพื่อภาพลักษณ์อันสวยหรูของตัวเองเท่านั้น
ทว่า บัดนี้พวกเขาเห็นกับตาของตัวเองแล้ว พวกเขารู้สึกนับถือและชื่นชมในความรักที่ตระกูลไป๋มีให้พวกเขาจริงๆ
เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ขับไล่คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ออกจากตระกูลโดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว เกาอี้เซี่ยนจู่ด่าทอการกระทำของตระกูลบรรพบุรุษออกมาจากใจ
แม้เป็นตระกูลไป๋เหมือนกัน ทว่า ตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงและตระกูลไป๋แห่งซั่วหยางช่างแตกต่างกันลิบลับจริงๆ
เพราะความแค้นที่ถูกตระกูลไป๋แห่งซั่วหยางข่มเหงรังแก พวกเขาเคยวิงวอน ภาวนาขอตระกูลบุรุษไป๋แห่งเมืองหลวงพบกับหายนะทั้งตระกูล ตระกูลไป๋ในซั่วหยางจะได้ไม่มีที่พึ่งอีก
บัดนี้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ผู้เป็นหลานสาวคนโตของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงและเกาอี้เซี่ยนจู่ คุณหนูสี่แห่งตระกูลไป๋เดินทางกลับมาที่ซั่วหยาง การกระทำและคำกล่าวของพวกนางทำให้ชาวบ้านรู้สึกละอายใจยิ่งนัก พวกเขาแทบอยากร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด อยากคุกเข่าอ้อนวอต่อเทพทั้งหลายเพื่อถอนคำสาปแช่ง ขอให้เทพ เทวดาทั้งหลายคืนชีวิตของเจิ้นกั๋วอ๋อง และบุรุษทุกคนของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงกลับคืนมา
หากมีตระกูลไป๋ที่ไม่ใช้ความดีความชอบลบล้างความผิดของตน ไม่ดูถูกชาวบ้านและไม่เห็นชีวิตชาวบ้านเป็นผักปลาคอยปกป้องคุ้มครองแคว้นต้าจิ้น ชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นจึงจะพบกับความสงบสุขที่แท้จริง
บัดนี้บุรุษตระกูลไป๋ล้วนเสียชีวิตลงหมดแล้ว เหลือเพียงสตรีเท่านั้น…
แม้น่าเสียดาย ทว่า ยังโชคดีที่ตระกูลไป๋ยังมีสตรีที่ทระนง อาจหาญ รักความยุติธรรมและน่านับถืออยู่
เมื่อความจริงเริ่มกระจ่างขึ้นหนึ่งส่วน ความจริงส่วนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นทั้งหมด หากบุรุษของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะเป็นบุรุษที่โดดเด่นและน่ายกย่องเพียงใดกันนะ
“ไล่ออกจากตระกูลเถิด!” ประมุขไป๋กำไม้เท้าแน่นพลางกล่าวออกมา
“ท่านปู่ ท่านช่วยข้าด้วยเถิดขอรับ ข้าไม่กล้าทำเช่นนี้อีกแล้วขอรับ!”
“ท่านปู่ประมุข! ท่านปู่ช่วยขอร้องท่านปู่ประมุขสิขอรับ ข้าไม่อยากถูกไล่ออกจากตระกูล ไม่อยากติดคุกขอรับ!”
“ท่านพ่อ อาเจี๋ยเป็นหลานแท้ๆ ของท่านนะเจ้าคะ!”
“ท่านพ่อ ท่านรีบขอร้องท่านประมุขสิ ทำเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ!”
หอบรรพชนของตระกูลไป๋เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้อ้อนวอน ทว่า ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกบรรพชนกลับรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก อารมณ์ของทุกคนพุ่งพล่าน
ประมุขไป๋อันเชิญสมุดบันทึกรายชื่อของตระกูลออกมาลบรายชื่อของทายาทผู้กระทำผิดออกจากตระกูล
นับแต่นี้เป็นต้นไป ทายาทเหล่านี้ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตระกูลไป๋อีกต่อไป
“นายอำเภอโจว จับตัวคนทำผิดเหล่านี้ไปขังคุกตามเดิมได้แล้ว นายอำเภอโจวช่วยตัดสินโทษความผิดของพวกเขาโดยเร็วที่สุดด้วย ลงโทษตามกฎหมาย ห้ามละเว้นเด็ดขาด! คืนความยุติธรรมให้ชาวบ้านในซั่วหยางทุกคน” ไป๋ชิงเหยียนกำชับ
นายอำเภอโจวรีบลุกขึ้นยืนโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน
“จวิ้นจู่วางใจได้ขอรับ ข้าจะตัดสินตามกฎหมายขอรับ!”
นายอำเภอโจวโค้งกายคำนับชาวบ้านที่อยู่นอกหอบรรพชน
“ทุกท่านวางใจได้ ข้าคือคนของแผ่นดิน จะลงโทษคนเหล่านี้ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด! พรุ่งนี้ข้าจะเปิดศาลตัดสินโทษ จะคืนความยุติธรรมให้ทุกท่านอย่างแน่นอน!”
กล่าวจบ นายอำเภอโจวโบกมือให้คนของจวนว่าการลากตัวบรรดาทายาทซึ่งโดนขับไล่ออกจากตระกูลไป๋และยังร้องไห้ไม่หยุดออกไปจากหอบรรพชน
บรรดามารดาของทายาทที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลทนไม่ไหว เมื่อเห็นว่าร้องไห้อ้อนวอนสามี พ่อสามีและประมุขไป๋ไม่ได้ผล จึงถลกชายกระโปรงวิ่งตามไปกอดบุตรชายของตัวเองไว้ไม่ยอมปล่อย เอาแต่ร้องไห้พร่ำบอกกับบุตรชายของตัวเองไม่ให้หวาดกลัว เดี๋ยวพวกนางจะไปขอร้องให้นายอำเภอโจวยอมปล่อยคนออกมาเอง
ทว่า ท้ายที่สุดทายาทที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลไป๋ก็ถูกทางการจับกุมตัวจากไปท่ามกลางสายตาดูถูก รังเกียจและเสียงก่นด่าของชาวบ้าน
เสียงร้องไห้ภายในหอบรรพชนสงบลงไม่น้อย
ไป๋ชิงเหยียนหันไปกระซิบข้างหูเสิ่นชิงจู๋ เสิ่นชิงจู๋พยักหน้าเล็กน้อย ถอยออกไปยืนอยู่ในจุดที่คนไม่ได้สังเกต จากนั้นปีนกำแพงออกไปจากหอบรรพชน
ผู้เฒ่าห้าเห็นไป๋ชิงเหยียนยังคงนั่งสงบนิ่งอยู่บนเก้าอี้จึงขมวดคิ้วจ้องไปทางหญิงสาวเขม็ง เอ่ยถามพี่ชายของตน “แยกย้ายได้แล้วหรือไม่ขอรับ”
“ผู้เฒ่าห้ารีบร้อนอันใด เมื่อครู่แค่จัดการกับทายาทที่กระทำผิด ที่นี่ยังมีความผิดอีกมากมายรออยู่ ผู้เสียหายคงมากันหมดแล้ว ข้าจะไล่เป็นรายบุคคลก็แล้วกัน…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางนายอำเภอโจว
“ในเมื่อผู้เฒ่าห้ารีบร้อน เช่นนั้นก็เริ่มจากครอบครัวของท่านก่อนเลยก็แล้วกัน”
ใจของประมุขไป๋หนักอึ้ง ไป๋ชิงเหยียนต้องการสะสางตระกูลบรรพบุรุษจริงๆ ด้วย
ประมุขไป๋กำหมัดแน่น สายตาหยุดอยู่ที่เฉวียนอวี๋ที่กำลังเปลี่ยนถ้วยชาถ้วยใหม่ให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม ในใจรู้สึกหนักอึ้งราวกับถูกภูเขากดทับ ขนาดหายใจยังรู้สึกเหนื่อย สีหน้าของเขาย่ำแย่มาก
ขนาดขันทีคนสนิทที่สุดขององค์รัชทายาทยังเคารพไป๋ชิงเหยียนถึงเพียงนี้ เห็นทีข่าวลือเรื่องที่รัชทายาททรงชอบพอในตัวไป๋ชิงเหยียนคงเป็นความจริง หากวันนี้ไม่ยอมทำตามไป๋ชิงเหยียนจนไป๋ชิงเหยียนถอนตัวออกจากตระกูลไป๋ หากรัชทายาททรงพิโรธขึ้นมา ตระกูลบรรพบุรุษไป๋คงรับผิดชอบไม่ไหวแน่ๆ
เมื่อผู้เฒ่าห้าได้ยินดังนี้ก็ขมวดคิ้วแน่นทันที เขาหันไปมองพี่ชายร่วมสายเลือดของตน
ประมุขไป๋หลับตาลง ช่างเถิด ต่อให้ครอบครัวของน้องชายถูกขับไล่ออกจากตระกูล ขอแค่เขายังเป็นประมุขอยู่ ก็ยังสามารถดูแล ให้ความช่วยเหลือพวกเขาได้
เมื่อเห็นประมุขไป๋ไม่กล่าวสิ่งใด ผู้เฒ่าห้าขบกรามพลางถามออกมา
“ไป๋ชิงเหยียน เจ้าคงไม่ได้ใช้อำนาจส่วนส่วนรวมแก้แค้นข้าเรื่องที่ข้าย้ายเข้าไปอยู่ในจวนบรรพบุรุษไป๋ก่อนหน้านี้หรอกนะ!”