ตอนที่ 379 คำสอนของบรรพบุรุษ
ไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้น แสยะยิ้มเย็น
“คนอย่างเจ้าคู่ควรให้พี่หญิงใหญ่ของข้าเสียเวลาด้วยอย่างนั้นหรือ” ไป๋จิ่นจื้อไม่เห็นผู้เฒ่าห้าอยู่ในสายตาอีกต่อไป เมื่อนึกได้ว่าผู้เฒ่าห้าใจร้ายถึงขนาดยึดจวนบรรพบุรุษไว้ครอบครองเอง ไป๋จิ่นจื้อแทบอยากฟาดแส้ใส่เขาสักสองสามที
“เจ้า!” ผู้เฒ่าห้าเดือดดาล แทบลืมฐานะเซี่ยนจู่ของไป๋จิ่นจื้อ
เจ้าทุกข์ซึ่งถูกผู้เฒ่าห้ายึดจวนที่มีน้ำพุร้อนไป เมื่อได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนจะจัดการกับผู้เฒ่าห้า เขารีบถลาไปด้านหน้าทันที เขาคุกเข่าลงบนพื้นหน้าประตูที่เปิดกว้างของหอบรรพชน ตะโกนเสียงดัง…
“เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ได้โปรดคืนความยุติธรรมให้ชาวบ้านที่ไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างข้าด้วยเถิดขอรับ ผู้เฒ่าห้าของตระกูลบรรพบุรุษยึดจวนบรรพบุรุษที่มีน้ำพุร้อนของข้าไปขอรับ เขาร่วมมือกับนายอำเภอโจวใส่ร้ายว่าบุตรชายของข้าสังหารผู้อื่น ข้าจำต้องมอบจวนที่มีน้ำพุร้อนให้เขาเพื่อปกป้องชีวิตบุตรชาย ทว่า บุตรชายของข้ากระโดดภูเขาฆ่าตัวตายเพราะโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง จวิ้นจู่ได้โปรดช่วยข้าด้วยขอรับ!”
ชายชราผู้นั้นกล่าวทั้งน้ำตา จากนั้นโขกศีรษะลงบนพื้นติดต่อกันอย่างหนักหลายครั้งจนเลือดซึมที่หน้าผาก เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธแค้นเพียงใด
“กล่าวบ้าบออันใด!” ผู้เฒ่าห้ามองไปทางนายอำเภอโจวแวบหนึ่ง ก่นด่าชายชราผู้นั้นในใจว่ากล้าฟ้องแม้แต่นายอำเภอโจว นายอำเภอโจวต้องไม่ยอมรับอย่างแน่นอน เขาจึงตะโกนออกไปอย่างมั่นใจ “เจ้าเต็มใจขายจวนนั่นให้ข้าเอง มีหลักฐานชัดเจน เจ้าจะกลับคำหรืออย่างไร!”
“ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้ารับปากแล้วว่าจะให้คนในตระกูลไป๋ชดใช้ความผิดที่พวกเขากระทำตลอดหลายปีมานี้ให้ได้ ท่านลุกขึ้นก่อนเถิด”
สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน องครักษ์ตระกูลไป๋ถลาเข้าไปช่วยประคองชายชราให้ลุกขึ้น
“นายอำเภอโจว…” ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางนายอำเภอโจว
นายอำเภอโจวเสียวสันหลังวูบ โชคดีที่ตอนที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สั่งให้เขารวบรวมหลักฐาน เขาเดาได้แล้วว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ต้องการสะสางตระกูลบรรพบุรุษไป๋ให้สะอาด ดังนั้นเขาย่อมนึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำลงไปเพราะต้องการประจบตระกูลไป๋ขึ้นมาได้
เขาคิดว่าเขาควรยอมรับเรื่องเหล่านั้น มิเช่นนั้นหากเขาขวางกั้นการสะสางตระกูลบรรพบุรุษไป๋ของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ เขาต้องตายอย่างน่าอนาถกว่าเดิมแน่นอน!
ครั้งนี้ หากเขาแสดงความจริงใจต่อเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จากใจจริง ช่วยเหลือเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สะสางกับตระกูลบรรพบุรุษ วันหน้าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ย่อมนึกถึงความดีของเขา เขาย่อมมีโอกาสอีกครั้งอย่างแน่นอน
ที่สำคัญวันนี้เฉวียนอวี๋กงกง ขันทีคนสนิทขององค์รัชทายาทอยู่ที่นี่ด้วย หากเฉวียนอวี๋กงกงกลับไปทูลองค์รัชทายาทว่าเขาช่วยเหลือเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ องค์รัชทายาททรงจดจำเขาได้ มันจะส่งผลดีต่อเขาในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน
ดังนั้นเมื่อนายอำเภอโจวชั่งน้ำหนักผลลัพธ์ที่ได้ดูแล้ว เขาคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋ชิงเหยียนทันที “เรียนจวิ้นจู่ เรื่องที่ชายชราหวังกล่าวมาล้วนเป็นความจริงทั้งหมดขอรับ ตอนนั้นข้าไม่ได้เต็มใจร่วมมือกับผู้เฒ่าห้า ทว่า ผู้เฒ่าห้าใช้บารมีของตระกูลไป๋มาข่มขู่ข้าขอรับ…”
นายอำเภอโจวคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นยัดโทษใส่ผู้เฒ่าห้าอีกหนึ่งข้อหา “ผู้เฒ่าห้าใช้ชีวิตภรรยาและบุตรชายของข้ามาข่มขู่ ข้าจึง…จึงต้องยอมทำตามขอรับ!”
กล่าวถึงตรงนี้ นายอำเภอโจวถึงกับร้องไห้ออกมา “ข้าเป็นคนของแผ่นดิน ควรปกป้องชาวบ้าน ทว่า ข้ากลับยอมฝืนใจทำตามเพราะภรรยาและบุตรชาย ข้าทำผิดต่อชาวบ้านที่ซั่วหยางขอรับ!”
“เหลวไหล!” ผู้เฒ่าห้าโมโหจนปากเบี้ยว “ข้าใช้ภรรยาและลูกเจ้ามาข่มขู่เจ้าเมื่อใดกัน เจ้าทำไปเพราะต้องการประจบข้าแท้ๆ …”
ประมุขไป๋จับมือผู้เฒ่าห้าแน่น ส่งสัญญาณไม่ให้ผู้เฒ่าห้ากล่าวสิ่งใดอีก ผู้เฒ่าห้าจึงเม้มปากแน่นอย่างโมโห จ้องไปทางนายอำเภอโจวเขม็ง
“จวิ้นจู่ ข้ารู้ดีว่าผู้เฒ่าห้าไม่มีทางยอมรับ เช่นเดียวกับที่เขาไม่มีทางยอมรับว่าเขาซื้อจวนที่มีน้ำพุร้อนพร้อมบ่าวทาสในนั้นไปด้วยราคาเพียงห้าร้อยตำลึง อีกทั้งบีบให้บุตรชายของชายชราต้องฆ่าตัวตายด้วยขอรับ” นายอำเภอโจวหันไปมองชายชราที่มาฟ้องร้อง “ใช่หรือไม่เหล่าเวิง…”
ชายชราไม่แน่ใจว่าเหตุใดนายอำเภอโจวถึงแว้งกัดผู้เฒ่าห้า ทว่า เข้าใจได้ทันทีว่านายอำเภอโจวกำลังเป็นพยานให้เขา ชายชราพยักหน้ารัว “นายอำเภอโจวกล่าวถูกต้องขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นายอำเภอโจวผู้นี้….ช่างปลิ้นปล้อนยิ่งนัก! กันตัวเองออกจากความผิดได้ทุกครั้ง
“แม้นายอำเภอโจวจะถูกข่มขู่ด้วยชีวิตของภรรยาและบุตรชาย ทว่า ท่านไม่ได้ทำหน้าที่ในฐานะคนของชาวบ้านอย่างเต็มที่! วันนี้ข้าเปิดหอบรรพชนเพื่อลงโทษคนของตระกูล เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จ นายอำเภอโจวจงถวายฎีกาความผิดของตัวเองขึ้นไปด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นข้าจะทำแทนท่านเอง นายอำเภอโจวเข้าใจหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางนายอำเภอโจวพลางกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
“เข้าใจขอรับ จวิ้นจู่วางใจได้ขอรับ ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทำความผิดไว้มากมาย แม้ข้าจะรู้เห็นเป็นพยาน แต่ครั้งนี้จะไม่ยอมปล่อยเรื่องที่คนเหล่านั้นอาศัยบารมีของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงทำผิดไปอย่างง่ายดายอีกแล้วขอรับ”
นายอำเภอโจวรับปากอย่างมั่นใจ ไป๋จิ่นจื้อเชื่อตามนั้นแล้ว
“ให้คนไปนำโฉนดของจวนน้ำพุร้อนมา” ประมุขไป๋กล่าวกับน้องชาย
เมื่อผู้เฒ่าห้าคิดว่าต้องคืนจวนน้ำพุร้อนดีๆ นั่นให้เจ้าของ เขาอดเสียดายไม่ได้ ขมวดคิ้วแน่นไม่ยอมกล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
“เร็วเข้า!” ประมุขไป๋ตวาด
ไป๋ชิงเหยียนใช้น้องชายของประมุขไป๋เชือดไก่ให้ลิงดู ประมุขไป๋ยังทำได้เพียงรับฟังเฉยๆ คนในตระกูลคนอื่นๆ ต่างหันไปถามครอบครัวของตัวเองว่าเคยยึดเอาทรัพย์สินของผู้อื่นไปบ้างหรือไม่ หากมีให้รีบไปนำมาคืนเดี๋ยวนี้ หากเอามาคืนไม่ได้ก็ชดใช้เป็นเงินแทน
ดูจากเหตุการณ์ตรงหน้าแล้ว หากวันนี้ตระกูลบรรพบุรุษไม่สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เรื่องนี้ไม่มีทางจบลงง่ายๆ แน่นอน
คนในตระกูลบรรพบุรุษที่ปกติอาศัยบารมีของตระกูลไป๋ข่มเหงรังแกชาวบ้าน บัดนี้ตัวสั่นราวกับลูกนก
ส่วนคนที่ปกติใช้ชีวิตอยู่แต่ในจวนของตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่นยังดูสงบนิ่งอยู่
นายอำเภอโจวจดบันทึกไว้อย่างละเอียดว่าคนเหล่านี้ยึดทรัพย์สินของผู้ใดไปบ้าง ทำร้ายผู้ใดจนเสียชีวิตบ้าง เขาช่วยแบ่งเบาภาระของไป๋ชิงเหยียนได้มาก
ทว่า คนของตระกูลบรรพบุรุษทำเรื่องเลวร้ายไว้มากมาย เมื่อจัดการเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดสนิทลงแล้ว ทว่า ชาวบ้านที่รายล้อมกันอยู่หน้าหอบรรพชนยังคงอยู่กันอย่างเหนียวแน่น ไม่มีผู้ใดจากไปสักคน
แสงไฟกลางลานหญ้าของหอบรรพชนสว่างจ้า
ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เอ่ยขึ้น “คำสอนของบรรพบุรุษคือซื่อสัตย์ มีคุณธรรม เกียรติยศและชีวิตของตัวเองสำคัญเป็นลำดับสุดท้าย คำสอนนี้ยังแขวนอยู่ด้านในโถงรับรองของหอบรรพชน ทายาทตระกูลไป๋ต้องรักชาวบ้านดั่งบุตร ใช้ความสามารถของตัวเองปกป้องชาวบ้าน คุ้มครองบ้านเมือง! นี่คือคำสอนที่บรรพบุรุษตระกูลไป๋สั่งสอนบุตรหลานยามที่จักรพรรดิเกาจู่พระราชทานบรรดาศักดิ์เจิ้นกั๋วกงให้! ทว่า พวกเจ้าดูสิว่าหลายปีมานี้พวกเจ้าทำสิ่งใดลงไปบ้าง ฉุดคร่าหญิงสาว แย่งชิงที่อยู่อาศัย แย่งชิงกิจการของผู้อื่น ทำให้พวกเขาฆ่าตัวตาย เลวร้ายที่สุด! ทำผิดต่อบรรพบุรุษของตระกูลไป๋ ทำลายชื่อเสียงของตระกูล ไม่คู่ควรเกิดเป็นทายาทของตระกูลไป๋!”
“แม้พวกเจ้าชดใช้ในสิ่งที่ควรชดใช้ไปแล้ว ทว่า พวกเจ้ายังเป็นลูกหลานของตระกูลไป๋อยู่ ต้องได้รับโทษตามกฎของตระกูล ควรลงโทษอย่างไร ประมุขไป๋เป็นผู้ตัดสิน!” ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางประมุขไป๋
ดวงตาเยือกเย็นคมกริบของไป๋ชิงเหยียนจ้องไปทางประมุขไป๋ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องไปมา
ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งวัน ร่างกายของประมุขไป๋แทบทนไม่ไหวแล้ว เขากำมือที่ถือไม้เท้าแน่น กฎของตระกูลไป๋ร้ายแรงกว่ากฎหมายของบ้านเมืองมากนัก หากลงโทษตามนั้นจริงๆ ผู้ใดจะทนไหวกัน