ตอนที่ 387 ขุดหลุมศพ
ขบวนขนย้ายของครั้งที่สองอลังการยิ่งกว่าครั้งแรก รถบรรทุกของกว่าร้อยคันมีผ้าใบคลุมทับและมัดอย่างแน่นหนาจนอากาศไม่สามารถเข้าไปได้แม้แต่น้อย ชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าบรรดาสะใภ้ของตระกูลไป๋ขนสินเดิมของตัวเองไปยังซั่วหยางทั้งหมด คงจะไม่กลับมาเมืองหลวงอีกแล้ว
ตอนที่ฮูหยินทุกคนของตระกูลไป๋แต่งเข้าตระกูลไป๋ล้วนมีสินเดิมติดตามมามากมาย ทุกคนขนย้ายกันทั้งวันทั้งคืนจึงจะขนเสร็จ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮูหยินห้าฉีซื่อ ฉีเหล่าไท่จวินรักบุตรสาวประหนึ่งแก้วตาดวงใจ ได้ยินว่าตอนนั้นตระกูลฉีกลัวว่าสินเดิมจะเกินหน้าเกินตาฮูหยินซื่อจื่ออย่างต่งซื่อ จึงไม่ได้จัดยิ่งใหญ่เท่าต่งซื่อ ทว่า ฉีเหล่าไท่จวินแอบมอบที่ดิน กิจการร้านค้าและเงินอีกจำนวนมากให้ฉีซื่อภายหลังด้วยกลัวว่าบุตรสาวจะอยู่ในตระกูลไป๋อย่างไม่มีความสุข
ชาวบ้านมองดูขบวนข้าวของเครื่องใช้มากมายของตระกูลไป๋ออกจากเมืองไปโดยการคุ้มกันขององครักษ์ตระกูลไป๋ ทุกคนอดถอนหายใจอย่างรู้สึกเสียดายไม่ได้ ตระกูลไป๋ที่เจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ราชวงศ์ของจักรพรรดิเกาจู่ กลับต้องมาจากเมืองหลวงไปหลังจากที่เจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงและบุรุษทุกคนในตระกูลไป๋เสียชีวิตลงที่หนานเจียงเช่นนี้
ชาวบ้านในเมืองหลวงรับรู้ข่าวสารทุกอย่างรวดเร็วกว่าชาวบ้านจากเมืองอื่นๆ ทุกคนในเมืองหลวงต่างรับรู้ดีว่าหลังจากที่แม่ทัพจางตวนรุ่ยกลับมาถึงเมืองหลวงได้ไม่นาน เขาก็นำทัพไปยังภูเขาชุนมู่อีกครั้ง
เมื่อก่อนตอนที่เจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงยังมีชีวิตอยู่ บารมีของเขาทำให้ต้าเหลียงหวาดกลัวจนไม่กล้ามารุกรานต้าจิ้นเป็นสิบปี บัดนี้เจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน ต้าเหลียงก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว แม้แคว้นต้าจิ้นจะมีเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไป๋ชิงเหยียนอยู่ ทว่า คงเป็นเพราะเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เป็นเพียงสตรี ต้าเหลียงจึงไม่เห็นหญิงสาวอยู่ในสายตา
แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะตั้งแต่ที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่รบชนะกลับมาก็ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าฮ่องเต้จะทรงเรียกใช้งานหญิงสาว คงเป็นเพราะสถานะสตรีของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่
ทว่า หากเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ย้ายกลับไปอยู่ซั่วหยาง ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องสงครามอีก หากแคว้นอื่นมารุกรานต้าจิ้น ไม่รู้ว่าแม่ทัพคนใดจะปกป้องชาวบ้านให้ปลอดภัย ตระกูลใดจะได้คู่ควรกับคำว่าเจิ้นกั๋วอีก
เมื่อรถม้าแล่นออกห่างจากเมืองหลวง เสียงอึกทึกครื้นเครงตามท้องถนนเริ่มเงียบลง แม้คนของตระกูลไป๋จะยังอยู่ในเมืองหลวง ทว่า เมื่อเห็นตระกูลไป๋ขนย้ายข้าวของไปมากมายเช่นนี้ ทุกคนเริ่มรู้สึกราวกับว่าเมืองหลวงไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ต่างรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเห็นรถม้าจากไปแล้ว เด็กน้อยสองสามคนวิ่งออกมาเล่นตามเดิม เสียงหัวเราะด้วยความบริสุทธิ์ของเด็กเล็กช่วยขับไล่ความรู้สึกหดหู่ออกจากใจของชาวบ้านได้ พ่อค้าแม่ค้าตะโกนขายของเสียงดังลั่น ชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์เดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะ
ฉินหล่างที่ยืนอยู่บนห้องรับรองพิเศษของหอเยี่ยนเชวี่ยได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทุกคน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกหนักอึ้งในใจเช่นนี้
ชายหนุ่มกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น คงเป็นเพราะคนทุกรุ่นของตระกูลไป๋ล้วนปกป้องคุ้มครองแคว้นต้าจิ้น อีกทั้งได้สมญานามว่ารบไม่เคยแพ้ พวกเขาถึงไม่เคยกลัวการรุกรานของแคว้นอื่น แม้สงครามอยู่ในระยะประชิด คนในเมืองหลวงก็ยังยิ้มแย้มได้ตามปกติ
ทว่า บัดนี้ไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงอีกต่อไปแล้ว แม้แต่คนของตระกูลไป๋ก็กำลังจะไปจากเมืองหลวง เขาจึงรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
ขบวนของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงในช่วงกลางวันของวันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสี่
ไม่เหมือนกับตอนจากไป ตอนไปเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไปอย่างเงียบเชียบ ทว่า ขากลับช่างเอิกเกริกดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก เสิ่นชิงจู๋และองครักษ์ของตระกูลไป๋นำเปิดทางอยู่ด้านหน้าของขบวน องครักษ์ของจวนองค์รัชทายาทคุ้มกันอยู่ทางด้านหลังของขบวน ช่างดูยิ่งใหญ่ยิ่งนัก
ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าผู้ที่มาเยือนคือผู้ใด ต่างคิดว่าเป็นคณะทูตจากแคว้นใดสักแคว้นหนึ่ง
พ่อบ้านของจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่พาองครักษ์ของตระกูลไป๋มารอต้อนรับอยู่ที่นอกเมืองตั้งแต่เช้า รถม้าของไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ หยุดลง พ่อบ้านเหาเห็นเฉวียนอวี๋กงกง คนรับใช้ข้างกายขององค์รัชทายาทเดินลงมาจากรถม้า ยืนอำลาไป๋ชิงเหยียนอยู่หน้ารถม้าของหญิงสาวอย่างนอบน้อม พ่อบ้านเหารีบเดินเข้าไปหาทันที
ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านออก กล่าวกับเฉวียนอวี๋ยิ้มๆ “ลำบากเฉวียนอวี๋กงกงแล้ว พรุ่งนี้ไป๋ชิงเหยียนจะไปขอบคุณองค์รัชทายาที่จวนด้วยตัวเอง!”
พ่อบ้านเหาก้าวเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นหันไปกล่าวกับเฉวียนอวี๋กงกง “ลำบากกงกงแล้วขอรับ จวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่รู้สึกซาบซึ้งใจมาก ได้ยินว่ากงกงชอบสะสมเครื่องชาทำมืออย่างประณีต ฮูหยินสั่งให้บ่าวนำเครื่องชาชุดนี้มามอบให้กงกงขอรับ กงกงช่วยรับไว้ด้วยขอรับ”
บ่าวรับใช้ซึ่งอยู่ด้านหลังของพ่อบ้านเหารีบก้าวเข้าไปด้านหน้า เปิดกล่องออก ด้านในคือชุดเครื่องชาหยกใสที่หายากและแกะสลักอย่างประณีตงดงาม ดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามีค่ามาก
เฉวียนอวี๋รีบปฏิเสธทันที ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นเสียก่อน ”กงกงรับไว้เถิด! บัดนี้ตระกูลไป๋ไม่ได้มีบารมีเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว…ตระกูลบรรพบุรุษกล้ารังแกหญิงหม้ายและเด็กกำพร้าอย่างพวกข้า เป็นเพราะองค์รัชทายาทเข้าข้าง อีกทั้งเฉวียนอวี๋กงกงช่วยข้าข่มบารมีของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ ข้ารับรู้ดีว่าหากไม่ได้ความช่วยเหลือจากกงกง ข้าคงไม่อาจจัดการกับตระกูลบรรพบุรุษได้ราบรื่นและรวดเร็วถึงเพียงนี้”
“ทว่า นี่มันมีค่ามากเกินไปขอรับ! เฉวียนอวี๋เต็มใจรับใช้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จากใจจริงขอรับ!” เฉวียนอวี๋มองไป๋ชิงเหยียนด้วยท่าทีจริงจัง
เฉวียนอวี๋นับถือไป๋ชิงเหยียนจากใจจริง เขาเต็มใจรับใช้ไป๋ชิงเหยียน เขายอมรับว่าเขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่เห็นแก่ประโยชน์ ทว่า ส่วนลึกในใจของเขายังมีความบริสุทธิ์อยู่ส่วนหนึ่ง เขาไม่อยากมีความสัมพันธ์กับไป๋ชิงเหยียนเพียงเพราะผลประโยชน์ เขาไม่อยากให้ใจที่บริสุทธิ์ของเขากลายเป็นเพียงการแลกเปลี่ยน
ไป๋ชิงเหยียนมองจ้องไปยังดวงตาที่จริงจังของเฉวียนอวี๋นิ่ง พยักหน้าน้อยๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหยียนก็ไม่อยากบังคับกงกง ครั้งนี้ขอบคุณในความช่วยเหลือของกงกงมาก เหยียนจะจดจำไว้ไม่ลืม”
พ่อบ้านเหาได้ยินเช่นนั้นจึงสั่งให้บ่าวรับใช้เก็บกล่องลงตามเดิม
เฉวียนอวี๋รีบทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “เป็นหน้าที่ของเฉวียนอวี๋อยู่แล้วขอรับ ไม่อาจรับคำขอบคุณของจวิ้นจู่ขอรับ”
เฉวียนอวี๋มองส่งรถม้าของไป๋ชิงเหยียนจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน จากนั้นก้าวขึ้นไปบนรถม้า มุ่งหน้ากลับไปยังจวนองค์รัชทายาท
พ่อบ้านเหาเดินอยู่ข้างรถม้าของไป๋ชิงเหยียน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ไป๋ชิงเหยียนฟัง
“เมื่อคืนองครักษ์ซึ่งมีหน้าที่เฝ้าสุสานจับกุมตัวสตรีนางหนึ่งได้ขอรับ เขาเห็นสตรีนางนั้นกำลังจะขุดหลุมศพของคุณชายหกจึงจัดการนางโดยไม่ออมมือ เช้าวันนี้เขาพาตัวนางเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อส่งให้พวกเราที่จวนขอรับ ฮูหยินถามว่าเหตุใดนางถึงจะขุดหลุมศพของคุณชายหก ทว่า นางไม่ยอมปริปาก ฮูยินโมโหมาก สั่งให้คนปิดบังฮูหยินสาม จากนั้นส่งตัวนางให้ทางการ ทว่า สตรีนางนั้นแค่ต้องการขุดหลุมศพ ยังไม่ได้ลงมือกระทำ ทางการจึงปล่อยตัวนางออกมาแล้วขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านออก มองไปทางพ่อบ้านเหาด้วยสายตาเย็นชา “กล่าวต่อ…”
“สตรีนางนั้นกลับอาละวาดอยู่ที่หน้าจวนที่ว่าการ อ้างว่านางมียาวิเศษที่สามารถชุบชีวิตคนให้ฟื้นคืนได้ นางไม่ได้ต้องการขุดหลุมศพ ทว่า คุณชายหกมีบุญคุณต่อนาง นางอยากชุบชีวิตคุณชายหกขอรับ! ทางการเห็นว่านางสติฟั่นเฟือน กล่าววาจะไร้สาระจึงขับไล่นางไป สตรีนางนี้จึงมาคุกเข่าอยู่ที่หน้าจวนของเรา ขอเข้าพบคุณหนูใหญ่ อ้างว่านางสามารถชุบชีวิตคุณชายหกได้ ตอนนี้ยังคุกเข่าอ้อนวอนอยู่หน้าประตูอยู่เลยขอรับ”
พ่อบ้านเหามองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่กำลังใช้ความคิด “ชาวบ้านมามุงดูเหตุการณ์มากมายขอรับ บ่าวคิดว่านางเพียงแค่อยากอาศัยบารมีของจวิ้นจู่เพื่อทำให้นางเป็นที่รู้จักเท่านั้นขอรับ”
ขุดหลุมศพไม่สำเร็จจึงถูกจับ มารดาของนางถามถึงเหตุผลก็ไม่ยอมตอบ ทว่า กลับป่าวประกาศหน้าจวนที่ว่าการว่าตนเองมียาวิเศษสำหรับใช้ชุบชีวิตคน