ตอนที่ 415 ราชโองการ
ต่งซื่อไม่อาจเอ่ยห้ามบุตรสาวไม่ให้เดินทางไปยังภูเขาชุนมู่ได้ นางเม้มปากแน่น น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย พยายามข่มความปวดร้าวไว้ในใจ “ฉินหมัวมัว ไปหยิบเสื้อคลุมกันลมมาให้อาเป่าด้วย แม้จะเข้าช่วงฤดูร้อนแล้ว ทว่า กลางคืนยังมีลมหนาวอยู่”
ฉินหมัวมัวปาดน้ำตาทิ้ง รีบเดินไปหยิบเสื้อคลุมกันลมมาคลุมให้ไป๋ชิงเหยียน ต่งซื่อซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ผูกเสื้อคลุมให้บุตรสาวด้วยตัวเอง กำชับเสียงสะอื้น “ระวังตัวให้มาก ต้องพาเสี่ยวซื่อกลับมาอย่างปลอดภัยนะ!”
“ฝากท่านแม่ดูแลทางนี้ด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะรีบไปหาเสี่ยวซื่อโดยเร็วที่สุดเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ต่งซื่อ ลุกขึ้นยืนเตรียมจากไป ทว่า ถูกต่งซื่อรั้งไว้เสียก่อน ต่งซื่อกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป กัดฟันแน่นพลางกำชับอีกครั้ง “จงระวังตัวให้ดี เข้าใจหรือไม่!”
ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำ พยักหน้า “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนสะพายธนูเซ่อรื้อไว้ด้านหลัง ถือหอกเงินหงอิงไว้ในมือ มองไปทางต่งซื่อแวบหนึ่งจากนั้นเดินออกไปด้านนอก
เดิมทีต่งซื่ออยากออกไปส่งบุตรสาวที่หน้าจวน ทว่า เมื่อมองแผ่นหลังของบุตรสาวจึงพบว่าขาของตนไร้เรี่ยวแรง ลุกไม่ขึ้น น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย
ไป๋ชิงเหยียนเดินไปถึงผนังที่วาดลวดลายจิตรกรรม เห็นพ่อบ้านเหา ผู้ดูแลหลิวและเฉิงซ่านหรูยืนรอนางอยู่ด้านในห้องแล้ว ทั้งสามคนทราบว่าไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางไปยังภูเขาชุนมู่ สีหน้าล้วนเป็นกังวล
พ่อบ้านเหารีบเดินลงบันไดเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน กล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ องครักษ์ยี่สิบคนรอคุณหนูใหญ่อยู่หน้าจวนแล้วขอรับ ม้าก็พร้อมแล้วขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ก้าวขึ้นบันได “รบกวนพ่อบ้านเหาช่วยดูแลจวนด้วย!”
ผู้ดูแลหลิวเดินตามไปชิงเหยียนไปด้านนอก กล่าวอย่างรวดเร็ว “ข้าและเฉิงซ่านหรูจะไม่ทำให้คุณหนูใหญ่ผิดหวังขอรับ ข้าจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย หากมีสิ่งใดไม่เข้าใจ พวกข้าจะปรึกษาหารือกันก่อนที่จะตัดสินใจลงมือทำขอรับ!”
ผู้ดูแลหลิวกล่าวอย่างมีลับลมคมนัย ไม่ใช่เพราะเขาไม่เชื่อใจพ่อบ้านเหา ทว่า ยิ่งคนรับรู้เรื่องการสร้างเหมืองเหล็กน้อยเท่าใด ตระกูลไป๋ก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น ไป๋ชิงเหยียนรีบออกเดินทางจึงจำต้องเรียกพวกเขามารวมตัวกัน ทว่า ผู้ดูแลไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องที่ไม่อาจเปิดเผยให้คนภายนอกรับรู้ได้ออกไปเป็นอันขาด นี่คือกฎระเบียบของตระกูลไป๋ที่ทุกคนควรปฏิบัติตาม
“ลุงหลิวสามารถมอบหมายงานที่ทำให้เฉิงซ่านหรูดูแลต่อได้ นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ลุงหลิวช่วยดูเรื่องการฝึกฝนทหารแทน เฉิงซ่านหรู หากเจ้าพบปัญหา จงปรึกษากับผู้ดูแลหลิวและหวังจิ่วโจว หวังจิ่วโจวไม่กล้าเอาเปรียบตระกูลไป๋แน่นอน” ไป๋ชิงเหยียนก้าวข้ามธรณีประตู มองดูผู้ดูแลหลิว พ่อบ้านเหาและเฉิงซ่านหรู “รบกวนท่านทั้งสามด้วย!”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนก้าวขึ้นไปบนหลังม้า พาองครักษ์ทั้งยี่สิบคนขี่ม้าจากไปอย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมสีขาวเรียบสะบัดพลิ้วไปมาตามแรงลม
“คุณหนูใหญ่รักษาตัวด้วยขอรับ” พ่อบ้านเหาโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน
ผู้ดูแลหลิวและเฉิงซ่านหรูก็โค้งกายคำนับเช่นเดียวกัน
ช่วงบ่ายคนในจวนไป๋ถึงรู้ข่าวว่าไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปจากเมืองซั่วหยางแล้ว
ก่อนจากไป ไป๋ชิงเหยียนกำชับต่งซื่อแน่นหนาว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ฮูหยินสามหลี่ซื่อรู้ ต่งซื่อจึงกล่าวกับฮูหยินสามเพียง “อาเป่าเดินทางไปภูเขาชุนมู่แล้ว แม่ทัพจางตวนรุ่ยเสียชีวิตในสนามรบ อาเป่ากลัวว่าเสิ่นชิงจู๋จะควบคุมเสี่ยวซื่อไม่ได้จึงเดินทางไปด้วยตัวเอง!”
“แม่ทัพจางตวนรุ่ยเสียชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ” ลำคอของหลี่ซื่อร้อนผ่าว กุมมือของต่งซื่อแน่น “สถานการณ์ที่ภูเขาชุนมู่เป็นอย่างไรบ้าง ท่านพี่สะใภ้ใหญ่ เสี่ยวซื่อเกิดเรื่องขึ้นใช่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นอาเป่าคงไม่รีบร้อนเดินทางเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเป็นแม่แท้ๆ ของเสี่ยวซื่อ พี่สะใภ้ใหญ่อย่าปิดบังข้าเลยนะเจ้าคะ!”
“กลัวว่าเจ้าจะร้อนใจ อาเป่าจึงไม่ให้บอกเจ้า” ต่งซื่อลูบหลังมือของหลี่ซื่อ “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง มีอาเป่าอยู่ นางไม่มีทางปล่อยให้เสี่ยวซื่อเป็นอันใดไปหรอก”
ทว่า คำกล่าวของต่งซื่อไม่ได้ทำให้หลี่ซื่อคลายกังวล นางร้อนใจมาก ทว่า ไม่รู้จะทำเช่นไร ทำได้เพียงไปสวดมนต์ภาวนากับฮูหยินสี่หวังซื่อขอให้สวรรค์ช่วยคุ้มครองให้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย
ระยะทางจากซั่วหยางไปยังภูเขาชุนมู่ค่อนข้างไกล ไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนม้าระหว่างทางโดยไม่ได้หยุดพักผ่อนแม้แต่น้อย วันที่สองฟ้ายังไม่ทันสว่าง หญิงสาวก็เดินทางไปถึงเมืองหลวง นางต้องหาข้ออ้างดีๆ ในการโผล่มายังเมืองหลวง ดังนั้นหญิงสาวจึงส่งคนไปแจ้งองค์หญิงใหญ่ที่วัดชิงอันว่านางจะใช้ข้ออ้างเรื่องสุขภาพขององค์หญิงใหญ่ในการกลับมาเมืองหลวง
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเข้ามาในเมืองหลวงก็ตรงไปยังจวนขององค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทเพิ่งตื่นบรรทม ยังไม่ได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ได้ยินบ่าวรับใช้รายงานว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ขอเข้าพบองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทรีบกล่าวขึ้น “รีบเชิญเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เข้ามา!”
ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ในโถงรับรองของจวนองค์รัชทายาท มองดูองค์รัชทายาทเดินเข้ามาด้านในอย่างรีบร้อน หญิงสาวจึงเดินเข้าไปหา “องค์รัชทายาท!”
“เจ้าได้รับพระราชโองการเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ!” องค์รัชทายาทประหลาดใจ ต่อให้ขันทีประกาศพระราชโองการขี่ม้าเร็วไปยังซั่วหยางโดยไม่หยุดพัก บัดนี้ก็ยังไม่น่าจะถึงเมืองซั่วหยาง
ไป๋ชิงเหยียนแสร้งทำเป็นงุนงง “พระราชโองการหรือเพคะ”
“เจ้ายังไม่ได้รับพระราชโองการอย่างนั้นหรือ แล้วเหตุใดเจ้าถึงมาเมืองหลวงกัน” องค์รัชทายาทถาม
“หลายวันก่อนท่านย่าส่งจดหมายกลับไปซั่วหยางกล่าวว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หม่อมฉันจึงขี่ม้าเร็วมายังเมืองหลวงเพคะ ผู้ใดจะคิดว่ายังไม่ทันจะถึงเมืองหลวงก็รับรู้ข่าวการเสียชีวิตในสนามรบของแม่ทัพจางตวนรุ่ย หม่อมฉันจึงตั้งใจมาสอบถามสถานการณ์ของเสี่ยวซื่อเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนแสร้งทำเป็นเพิ่งรับรู้ข่าวนี้ ใบหน้าเต็มใบหน้าความกังวล “องค์รัชทายาท น้องหญิงสี่เป็นอย่างไรบ้างเพคะ”
“เจ้าอย่าเพิ่งกังวลไป” องค์รัชทายาทปลอบไป๋ชิงเหยียน ผายมือเชิญให้หญิงสาวนั่งลงก่อน “ตอนนี้ยังไม่มีข่าวของเกาอี้เซี่ยนจู่ ทว่า เสด็จพ่อทรงส่งแม่ทัพเจินเจ๋อผิง แม่ทัพหลิวหงและเซี่ยอวี่จ่างนำกองทัพสองหมื่นนายเดินทางไปยังภูเขาชุนมู่แล้ว อีกทั้งโยกย้ายกำลังพลสามหมื่นนายที่คุ้มกันชายแดนหรงตี๋ไปด้วย เรารู้ว่าเจ้าต้องเป็นห่วงเกาอี้เซี่ยนจู่ เราจึงทูลขอให้เสด็จพ่อส่งเจ้าไปยังภูเขาชุนมู่ เสด็จพ่อทรงประกาศราชโองการไปแล้ว แต่เจ้าน่าจะคลาดกับราชโองการที่ส่งไปยังซั่วหยาง”
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคารวะองค์รัชทายาท “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันจะรีบเดินทางไปภูเขาชุนมู่เดี๋ยวนี้เพคะ!”
องค์รัชทายาทรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นห่วงน้องสาวจึงหันไปสั่งเฉวียนอวี๋ที่ยืนอยู่นอกห้อง “เฉวียนอวี๋นำม้าหายากที่เสด็จพ่อพระราชทานให้เราออกมาให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่!”
“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทเพคะ” ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
เมื่อเดินออกมาจากจวนองค์รัชทายาท ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่บนหลังม้าที่องค์รัชทายาทมอบให้ เฉวียนอวี๋ทำความเคารพ “ระวังตัวด้วยนะขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้เฉวียนอวี๋ ขี่ม้าเร็วมุ่งหน้าออกไปจากเมืองหลวงทันที
ไป๋ชิงเหยียนดื่มน้ำและทานอาหารแห้งบนหลังม้า เมื่อเดินทางติดต่อกันสามวันสามคืนจนแม้แต่องครักษ์ที่ติดตามมาด้วยยังทนไม่ไหว ไป๋ชิงเหยียนจึงสั่งให้หยุดพัก เมื่อหลับพักผ่อนได้หนึ่งชั่วยามก็เริ่มเดินทางต่อ หญิงสาวแทบอยากติดปีกบินไปหาไป๋จิ่นจื้อ บีบหูของน้องสาวพลางสั่งสอนอย่างหนัก ทว่า นางต้องหาตัวไป๋จิ่นจื้อให้พบก่อน
ในจดหมายของหลูผิงไม่มีข่าวคราวของไป๋จิ่นจื้อแม้แต่น้อย ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกเหมือนเม็ดทรายพัดเข้าตา ทรมานหัวใจอยู่ตลอดเวลาจนไม่อาจสงบใจได้
บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้แล้วว่าเหตุใดท่านพ่อจึงด่านางตอนที่นางนำศีรษะของแม่ทัพผางผิงกั๋วกลับมา
เพื่อให้เดินทางไปถึงภูเขาชุนมู่โดยเร็วที่สุด เมื่อถึงที่พักกลุ่มของไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนม้า อาหารแห้งและน้ำตลอดทาง