ตอนที่ 435 เข้ากันได้ดี
สวินเทียนจางรีบหันหลังกลับไปมองทันที เขาเห็นสตรีร่างผอมเพรียวในชุดเกราะสีเงินซึ่งอยู่ไกลออกไปกำลังง้างสายธนูขึ้นอีกครั้งท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำ…
“ระวังขอรับแม่ทัพใหญ่!” องครักษ์ของสวินเทียนจางผลักสวินเทียนจางให้หลบไป ลูกธนูดอกที่สองปักลงที่อกของทหารองครักษ์ผู้นั้น
เลือดสดไหลทะลักออกมา องครักษ์ล้มลงบนพื้นทันที
สวินเทียนจางถูกผลักให้หลบเข้าไปในหอสังเกตการณ์ ดวงตาของเขาสั่นระริก นึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะกล้าหาญดุดันถึงเพียงนี้ นางกล้าเสี่ยงพาทหารบุกมาถึงหน้าค่ายทหารของต้าเหลียง อีกทั้งต้องการสังหารเขาอย่างนั้นหรือ!
เขาติดกับดักเข้าแล้วจริงๆ ด้วย!
เสื้อผ้าของสวินเทียนจางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขากุมหน้าอกแน่น ใบหน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวดจนลุกไม่ขึ้น เขามองดูลูกธนูที่ลอยมากลางอากาศและเสียบลงบนหอสังเกตการณ์จนแทบพรุน พยายามข่มความเจ็บปวดแล้วคิดหาวิธีอย่างรวดเร็ว
บุตรชายของเขาไม่ใช่คนโง่ ก่อนที่จะนำทัพไปยังภูเขาผิงหมิง เขาต้องส่งสายไปสืบก่อนว่าทหารต้าจิ้นดักซุ่มอยู่บริเวณใดของถนนผิงหมิง หากสายสืบหาตำแหน่งที่ทหารต้าจิ้นดักซุ่มไม่เจอ บุตรชายของเขาต้องรู้แน่ว่าพวกเขาหลงกลศัตรูเข้าให้แล้ว
สวินเทียนจางให้บุตรชายตามเรียนรู้อยู่ข้างกายของตนมานานหลายปี หากหาทหารต้าจิ้นที่ดักซุ่มอยู่ไม่พบแล้วยังไม่รู้ว่าติดกับของอีกฝ่ายก็ถือว่าบุตรชายของเขาโง่เต็มทน!
เมื่อเห็นว่าพลทหารม้าของตนบุกฝ่าโล่เหล็กสีดำซึ่งมันวาวหลังโดนน้ำฝนไปได้ กองทัพต้าเหลียงจึงชูดาบขึ้นสูงพลางตะโกนลั่น “พลทหารโล่ของต้าจิ้นแตกแล้ว ทหารกล้าของต้าเหลียงทุกคน! บุก!”
ทหารต้าเหลียงพุ่งไปสู้รบกับทหารต้าจิ้นในระยะประชิดตัวบนเนินสูงพร้อมกับแม่ทัพของตนซึ่งอยู่บนหลังม้า โล่และดาบสะท้อนเป็นเงาวาว เลือดสดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ เสียงอวัยวะถูกฟันขาดดังระงมจนน่าสะพรึงกลัว
เสียงฝนตกหนัก เสียงอาวุธกระทบกัน เสียงตวาดลั่นเละเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังผสมผสานกัน เลือดสดและน้ำฝนหลอมรวมเข้าด้วยกันจนดินโคลนบริเวณนั้นกลายเป็นสีเลือด
แดนนรกยังไม่น่ากลัวกลัวเท่านี้เลย!
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ได้ใช้หอกเงินหงอิงได้คล่องแคล่วเท่าเมื่อก่อน ทว่า ขอเพียงไม่ได้ปะทะกับยอดฝีมือ หญิงสาวยังพอรับมือกับทหารต้าเหลียงได้อย่างไม่ต้องออกแรงมากนัก ที่สำคัญข้างกายของนางมีองครักษ์ที่แม่ทัพใหญ่หลิวหงส่งมาปกป้องนางคอยคุ้มกันอยู่ไม่ห่าง ทหารต้าเหลียงแทบไม่มีโอกาสเข้ามาประชิดตัวนางเลยด้วยซ้ำ
ไป๋ชิงเหยียนต้องการฝ่าวงล้อมออกไปหลายครั้ง ทว่า ทหารกองทัพต้าจิ้นเหล่านี้กลับคุ้มกันนางไว้อย่างแน่นหนา พวกเขากล่าวว่าแม่ทัพใหญ่มีคำสั่งว่าหากไป๋ชิงเหยียนเป็นอันใดไปแม้แต่ปลายเส้นผม พวกเขาต้องถือศีรษะไปพบแม่ทัพใหญ่
บุตรชายของสวินเทียนจางซึ่งนำทัพไปยังถนนผิงหมิงกลับมาเร็วกว่าที่ไป๋ชิงเหยียนคาดการณ์ไว้ เสียงเข่นฆ่าดังมาแต่ไกล ม้าส่งเสียงร้องยาวด้วยความโมโห จ้าวเซิ่งนำทัพทหารม้าบุกเข้าไปร่วมสู้รบอย่างรวดเร็ว เขาชูง้าว[1] ขึ้นด้วยท่าทีดุดัน ทุกที่ที่ง้าวฟันลงไปล้วนเต็มไปด้วยเลือดสดและศีรษะที่หลุดออกจากร่าง
ไป๋ชิงเหยียนซึ่งถูกล้อมอยู่ตรงกลางกำลังจะหยิบลูกธนูออกมายิงอีกครั้ง ทว่า ลูกธนูหมดแล้ว
ทหารส่งสารของต้าจิ้นรีบถ่ายทอดคำสั่งอย่างรวดเร็ว
“กองกำลังหลักของต้าเหลียงบุกโจมตีฝั่งขวา รีบคุ้มกันแม่ทัพใหญ่!”
“กองกำลังหลักของต้าเหลียงบุกโจมตีฝั่งขวา รีบคุ้มกันแม่ทัพใหญ่!”
ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ใบหน้าของจ้าวเซิ่งปรากฏรอยยิ้มแห่งชัยชนะที่เต็มไปด้วยไอสังหาร เขาบุกสังหารไปยังทิศที่มีธงเฮยฟานไป๋หมั่งอยู่
ระหว่างมุ่งหน้ากลับ เมื่อบุตรชายของสวินเทียนจางรู้ว่าข้าศึกบุกโจมตีค่ายทหารของต้าเหลียง เขาจึงสั่งให้จ้าวเซิ่งพาพลทหารม้าบุกเข้าไปช่วยเหลือซึ่งๆ หน้า ส่วนเขาพากองกำลังลอบโจมตีทางฝั่งขวาแทนเพื่อไม่เป็นการปิดกั้นหนทางถอยทัพกลับไปยังเมืองหลงหยางของกองทัพต้าจิ้น ให้กองทัพต้าจิ้นถอยกลับไปยังเมืองหลงหยาง…จากนั้นปล่อยน้ำท่วมพวกเขา
กองทัพต้าเหลียงต้องการบีบให้ทหารกองทัพต้าจิ้นถอยกลับไปยังเมืองหลงหยาง กองทัพต้าจิ้นก็ต้องการหลอกล่อกองทัพต้าเหลียงไปยังเมืองหลงหยางเช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายจึงเข้าขากันเป็นอย่างดี
กองทัพต้าจิ้นแสร้งทำเป็นบุกจากนั้นถอยทัพ กองทัพต้าเหลียงบีบให้กองทัพต้าจิ้นถอยไปยังเมืองหลงหยางมากขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีคิดว่าหากบีบจนกองทัพต้าจิ้นถอยไปถึงนอกกำแพงเมืองหลงหยาง พวกเขาจะถอยหนีเข้าไปในเมือง ทว่า ผู้ใดจะคิดว่าทหารต้าจิ้นจะรบจนตัวตายเพื่อยื้อเวลาให้ทหารต้าจิ้นคนอื่นๆ เข้าไปในเมือง บุตรของสวินเทียนจางกลัวว่าแม่ทัพใหญ่หลิวหงและไป๋ชิงเหยียนจะสังเกตถึงความผิดปกติ เขาจึงตีกลองสั่งให้ทหารต้าเหลียงบุกเข้าไปในเมืองหลงหยางเพื่อความสมจริง!
ภายในเมือง
ทหารต้าจิ้นที่เข้ามาในเมืองแล้วพากันหนีไปยังภูเขาเทียนหลานทางประตูทางทิศเหนือภายใต้การนำของแม่ทัพของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่บนหลังม้า มองดูทหารต้าจิ้นที่ถอยเข้ามาในเมืองจากนั้นหนีออกไปจากเมืองอีกทางทีละกลุ่ม
ครั้งนี้ ไป๋ชิงเหยียนรับผิดชอบด่านสุดท้าย เพราะการหลอกล่อกองทัพต้าเหลียงเข้ามาในเมืองหลงหยางคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด
ทหารต้าเหลียงอยู่ห่างจากบันไดแขวนของเมืองหลงหยางไม่ถึงหนึ่งลี้ ไป๋ชิงเหยียนหันไปถามพลทหารม้าซึ่งอยู่ด้านข้าง “พวกเจ้ามีผู้ใดสื่อสารภาษาต้าเหลียงได้หรือไม่”
“ข้ากล่าวได้ขอรับ!” ทหารต้าจิ้นที่อยู่ด้านหลังสุดกล่าวขึ้น
“ดี!” ไป๋ชิงเหยียนเลือกทหารออกมาสิบคน จากนั้นเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวพวกเจ้าจงถอดชุดเกราะของต้าจิ้นออก จากนั้นขี่ม้าไปถ่ายทอดคำสั่งให้ทหารต้าเหลียงโดยใช้ภาษาของต้าเหลียงว่าผู้ใดบุกเข้าไปในเมืองก่อน มีโอกาสได้สมบัติก่อน! เจ้าสอนพวกเขากล่าวประโยคนี้!”
“ขอรับ” ทหารต้าจิ้นซึ่งรู้ภาษาต้าเหลียงกำหมัดรับคำ
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวต่อ “เมื่อพวกเจ้าส่งสารเสร็จแล้วไม่ต้องเข้ามาในเมืองอีก รีบขี่ม้าอ้อมไปยังภูเขาเทียนหลานทันที”
“ขอรับ!”
ทหารสิบนายถอดชุดเกราะออก จูงม้าเดินออกไปจากเมือง จากนั้นก้าวขึ้นไปบนม้า กระจายไปยังสองด้านของกองทัพ ขี่ม้าอ้อมไปด้านหน้าสุดของขบวน ตะโกนออกคำสั่งเสียงดังลั่น
“ผู้ใดบุกเข้าเมืองก่อน มีสิทธิ์เลือกสมบัติก่อน!”
“ผู้ใดบุกเข้าเมืองก่อน มีสิทธิ์เลือกสมบัติก่อน!”
“ผู้ใดบุกเข้าเมืองก่อน มีสิทธิ์เลือกสมบัติก่อน!”
กองทัพต้าเหลียงเห็นชัยชนะรออยู่ตรงหน้า พวกเขาสังหารศัตรูจนหน้ามืดตามัวไปหมด ประกอบกับในเมืองหลงหยางมีสมบัติล้ำค่าของเมืองชุนมู่และผูเหวินซ่อนอยู่ อีกทั้งยังมีจวนและสมบัติของพ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างเซี่ยวหรงเหยี่ยนอยู่ด้วย
ความโลภไม่เข้าใครออกใคร ผู้ใดไม่อยากได้บ้าง!
เมื่อได้ยินคำสั่งเช่นนี้ บรรดาทหารต่างพากันตื่นเต้น แม่ทัพที่กำลังต่อสู้อยู่ด้านหน้าสุดของขบวนตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “ทหารต้าเหลียงทุกคน! หากบุกเข้าไปในเมืองได้ สมบัติเหล่านั้นจะกลายเป็นของพวกเราทันที หากนำสมบัติกลับไปให้ลูกเมีย ครอบครัวของพวกเราจะอยู่อย่างสุขสบายทันที ผู้ใดเข้าไปในเมืองได้ก่อนจะได้เลือกสมบัติก่อน ทุกคนบุก!”
แม่ทัพต้าเหลียงพากันตะโกนขึ้น กองทัพต้าเหลียงฮึกเหิมราวกับได้เลือดสูบฉีดร่างกาย ต่างพากันบุกไปด้านหน้าด้วยท่าทีดุดันยิ่งกว่ากองทัพต้าจิ้น
“ถอย! รีบถอย!” กองทัพต้าจิ้นตกใจกับท่าทีไม่กลัวตายของกองทัพต้าเหลียง เมื่อเห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากประตูเมือง จึงตะโกนลั่น
ทหารต้าเหลียงตะโกนขึ้น “เร็ว! อย่าให้พวกนั้นปิดประตูเมืองเด็ดขาด รีบบุกเข้าไป! หากเข้าไปในเมืองได้ สมบัติจะกลายเป็นของพวกเราทันที!”
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าหยุดอยู่ด้านในตัวเมืองท่ามกลางทหารที่คอยคุ้มกัน ขอเพียงทหารต้าเหลียงเข้ามาในเมืองจะมีคนตะโกนบอกทันที “ถอดชุดเกราะออกแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังประตูทิศเหนือโดยเร็วที่สุด!”
“แม่ทัพไป๋ ถอยเถิดขอรับ!” ทหารที่ได้รับคำสั่งให้คุ้มครองไป๋ชิงเหยียนเอ่ยโน้มน้าว
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางด้านนอกเมืองแวบหนึ่ง จากนั้นนำพลทหารม้าหนีไปออกไปจากเมืองทางประตูอีกด้าน
ทหารกองทัพต้าจิ้นถอยทัพ เมื่อทหารต้าเหลียงบุกเข้าไปในเมืองก็เห็นกองทัพต้าจิ้นปลดชุดเกราะพลางถอยหนีออกไปจากเมืองทางประตูอีกด้านราวกับสุนัขจนตรอก ทหารต้าเหลียงเห็นว่าชัยชนะเป็นของพวกเขาแล้วจึงไม่มีผู้ใดคิดไล่ตามไปอีก เมื่อเข้ามาในเมืองก็ไม่สนใจทหารต้าจิ้นอีกแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปหาสมบัติ
เป็นไปตามคาด เมื่อทหารต้าเหลียงบุกเข้าไปในเมือง ต่างก็ออกค้นหาสมบัติกันทั่วเมือง
แม้แต่แม่ทัพของต้าเหลียงก็ขี่ม้าเข้ามาในเมืองราวกับกำลังแข่งม้ากันอยู่เช่นเดียวกัน พวกเขามุ่งหน้าไปยังจวนที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองหลงหยาง ต่างอยากหาสมบัติของพ่อค้าซึ่งร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้าให้เจอเป็นคนแรก
[1] ง้าว คือ อาวุธจีนโบราณใช้สำหรับต่อสู้บนหลังม้า มีลักษณะเป็นด้ามยาวคล้ายกับทวนและหอก แต่มีความยาวด้ามจับสั้นกว่า ส่วนใหญ่หัวของง้าวจะมีลักษณะคล้ายลิ้นของมังกรและมีความโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์