ตอนที่ 443 ยาวิเศษ
“พี่หญิงใหญ่ เมื่อครู่ตอนอยู่บนรถม้าเสี่ยวชีบอกกับข้าว่ากลุ่มคุณชายเจ้าสำราญของหลู่หยวนเผิงเดินทางไปรบที่เป่ยเจียงเจ้าค่ะ! ข้าคิดว่าพวกเขาคงไปเข้าร่วมกับกองทัพใหม่ที่ชายแดนตอนที่เราเดินทางกลับมาพอดีเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของไป๋จิ่นจื้อแจ่มใส
“ใช่เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นเซ่อกล่าว “ก่อนไปหลู่หยวนเผิงสร้างเรื่องใหญ่เลยเจ้าค่ะ คนในเมืองหลวงต่างรับรู้กันทั่วว่ากลุ่มคุณชายเจ้าสำราญของเมืองหลวงแอบหนีไปค่ายทหารเจ้าค่ะ! ต่อมาโซ่วซานกง ใต้เท้าฟ่านอวี๋หัวหน้าหน่วยตรวจเมืองต่างไปขอร้องให้หลู่เซียงควบคุมหลู่หยวนเผิงให้ดี จากนั้นไปรับตัวบุตรหลานของตัวเองกลับจากค่ายทหารเจ้าค่ะ หลู่หยวนเผิงยังกล่าวอีกว่าการปกป้องบ้านเมืองคือหน้าที่ของพวกเขา แม้แต่สตรีของตระกูลไป๋ยังเสียสละไปรบที่สงครามเพื่อปกป้องชาวบ้าน เอ่ยถามบรรดาขุนนางสูงศักดิ์ในเมืองหลวงที่รับภาษีจากชาวบ้านว่าต้องการให้บุตรชายของตัวเองเย็บปักถักร้อย รอแต่งงานออกเรือนอยู่ในจวนอย่างนั้นหรือเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อได้ยินดังนี้ก็เบิกตาโพลง “คุณชายเจ้าสำราญหลู่กล่าวเช่นนี้จริงๆ หรือ”
ไป๋จิ่นจื้อคิดแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ขมวดคิ้วแน่น “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าหลู่หยวนเผิงต้องการจะสื่อว่าสตรีตระกูลไป๋ควรเย็บปักถักร้อยรอออกเรือนอยู่แต่ในจวนกัน”
ไป๋จิ่นซิ่วใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากซ่อนรอยยิ้ม “ทว่า คำกล่าวของหลู่หยวนเผิงทำให้ชาวบ้านมองคุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวงใหม่ แม้แต่ฮ่องเต้ยังตรัสชมว่าพวกเขาเป็นบุรุษเลือดร้อนคนดีของแคว้นต้าจิ้น แม้จะชอบเที่ยวเล่นไปบ้าง ทว่า ไร้ที่ติ”
“ต่อมาเหล่าขุนนางที่ใช้อำนาจกดดันให้ค่ายทหารปล่อยตัวลูกหลานของพวกเขาและลากกลับบ้านต้องรีบพาตัวลูกหลานของตัวเองมาส่งที่ค่ายทหารอีกครั้ง! เสียแรงที่หลู่เซียงอุตส่าห์ยอมลดตัวก้มศีรษะขอขมาพวกเขาทีละคนเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นแล้วอดขำไม่ได้
แม้หลู่หยวนเผิงจะชอบเล่นไร้สาระไปวันๆ ทว่า ลึกๆ แล้วเขาเป็นคนดี นิสัยก้ำกึ่งระหว่างเด็กชายผู้บริสุทธิ์และคนโง่ มิเช่นนั้นบุรุษตระกูลไป๋คงไม่สนิทสนมกับเขาหรอก
เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงประตูเรือนแล้ว เว่ยจงรีบเดินไปด้านหน้า แหวกม่านให้กลุ่มของไป๋ชิงเหยียน
ผมขาวโพลนขององค์หญิงใหญ่ถูกมัดอย่างเป็นระเบียบ ปักด้วยปิ่นปักผมหยกเล่มหนึ่ง นางสวมเครื่องแต่งกายสำหรับใส่ในช่วงฤดูร้อนซึ่งตัดเย็บเมื่อปีที่แล้ว เสื้อด้านบนปักด้วยลวดลายของดอกไห่ถัง ดูสบายตาและสง่างามในคราวเดียวกัน องค์หญิงใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้หินกลางลานหญ้า ในมือถือหมาก สายตาจ้องไปยังกระดานหมากนิ่ง แสงอาทิตย์อ่อนๆ ส่องผ่านรูของใบไม้กระทบลงบนแจกันเคลือบขาวซึ่งมีดอกกุ้ยฮวาเสียบอยู่ ให้ความรู้สึกหม่นหมองเล็กน้อย
เทียบกับคราวที่แล้วที่เจอกัน องค์หญิงใหญ่ผอมซูบลงมาก อาจเป็นเพราะทานมังสวิรัติติดต่อกันเป็นเวลานาน แก้มทั้งสองข้างของนางตอบลง เบ้าตาลึกลงอย่างเห็นได้ชัด
ไป๋ชิงเหยียนพาน้องสาวทั้งสามคนเดินเข้าไปด้านใน ก้มศีรษะคำนับแนบพื้นสามครั้งอย่างนอบน้อม จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “คารวะท่านย่าเจ้าค่ะ ได้ยินเจี่ยงหมัวมัวบอกว่าท่านย่าไม่สบาย อาการดีขึ้นแล้วหรือไม่เจ้าคะ”
องค์หญิงใหญ่วางหมากในมือลงในกล่อง เอ่ยถามเสียงแหบพร่า “ได้รับบาดเจ็บบ้างหรือไม่ มือของเสี่ยวซื่อดีขึ้นแล้วหรือไม่”
“เรียนท่านย่า แผลที่หลังมือเล็กนิดเดียวเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อตอบองค์หญิงใหญ่ตามที่ไป๋ชิงเหยียนกำชับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ราวกับเด็กสาวที่ยังไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่
องค์หญิงใหญ่หันไปมองไป๋ชิงเหยียน อยากกวักมือเรียกหลานสาวเข้ามาหา ทว่า เมื่อเห็นชุดเกราะบนร่างของหลานสาวก็นึกถึงหลานชายขึ้นมา นางรู้สึกผิดจนยกมือที่กุมสร้อยลูกประคำอยู่ไม่ขึ้น
ลมพัดโดนใบไม้จนเกิดเสียงเล็กน้อย มุมของผ้าปูโต๊ะสีเขียวซึ่งปูทับโต๊ะหินเลิกขึ้นเล็กน้อยตามแรงลม
องค์หญิงใหญ่เอ่ยถามเสียงเบาหวิว “อาเป่าเล่า”
“ท่านย่าไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ อาเป่าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยตอบ
องค์หญิงใหญ่พยักหน้า หลูหนิงฮว่าแหวกม่านซึ่งทำจากไม้ไผ่เดินเข้ามาด้านใน ในมือประคองถาดสี่เหลี่ยมสีดำซึ่งมีจานใส่ขนมไห่ถังและน้ำหวานจากดอกกุ้ยฮวาซึ่งต้มไว้หลายชั่วยามเดินเข้ามาด้วย
หลูหนิงฮว่าทำความเคารพทุกคน จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “วันนี้คุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่รบชนะกลับมา องค์หญิงใหญ่สั่งให้คนเตรียมน้ำหวานกุ้ยฮวาไว้ดื่มฉลองกับคุณหนูทั้งสองแทนเหล้าเจ้าค่ะ”
ที่นี่ไม่มีหอบรรพชนของตระกูลไป๋ อีกทั้งไม่ได้พากองทัพไป๋ไปออกรบ
ทว่า องค์หญิงใหญ่กลับคิดถึงภาพตอนที่กองทัพไป๋เดินทางกลับมารายงานตัวกับบรรพชนด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่
ไป๋ชิงเหยียนก้าวไปด้านหน้า พยักหน้าให้หลูหนิงฮว่าพลางหยิบถ้วยจากถาดสีเหลี่ยมออกมา หญิงสาวยกน้ำหวานดื่มจนหมดถ้วย จากนั้นทำความเคารพองค์หญิงใหญ่อีกครั้ง “ไป๋ชิงเหยียนหลานสาวคนโตของตระกูลไป๋ เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยเจ้าค่ะ!”
ขอบตาของไป๋จิ่นจื้อร้อนผ่าว นางนึกถึงตอนที่พบพี่ชายเจ็ดครั้งล่าสุด พี่ชายเจ็ดคุกเข่าลงตรงหน้าพี่หญิงใหญ่พร้อมบอกว่ากลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย นางหวังอยากให้บุรุษทุกคนของตระกูลไป๋กลับมาอย่างปลอดภัย ได้คุกเข่าลงตรงหน้าท่านย่า รายงานบรรพบุรุษทุกคนว่าพวกเขากลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้ว
ไป๋จิ่นจื้อทำตามไป๋ชิงเหยียน ก้าวเข้าไปรับน้ำหวานมาดื่มจนหมด จากนั้นทำความเคารพองค์หญิงใหญ่ “ไป๋จิ่นจื้อคุณหนูสี่ของตระกูลไป๋ เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยเจ้าค่ะ!”
องค์หญิงใหญ่พยักหน้าทั้งน้ำตา “ดี! กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว!”
เจี่ยงหมัวมัวนำน้ำชาที่หลูหนิงฮว่าต้มไว้เดินเข้ามา สั่งให้คนจัดที่นั่งบนเก้าอี้หิน
ไป๋จิ่นซิ่วกำลังตั้งครรภ์ เจี่ยงหมัวมัวจึงรินน้ำชากุ้ยฮวาให้หญิงสาว กลิ่นของน้ำชาหอมอบอวลไปทั่ว…
“เสี่ยวชี เจ้าพาพี่หญิงสี่ของเจ้าไปเก็บดอกกุ้ยฮวาหน่อย พี่หญิงใหญ่ของเจ้ามาที่นี่ วันนี้ให้เจี่ยงหมัวมัวลงครัวทำขนมมันดอกกุ้ยฮวาที่พี่หญิงใหญ่ของเจ้าชอบทานที่สุดให้”
องค์หญิงใหญ่ตั้งใจกันไป๋จิ่นจื้อและไป๋จิ่นเซ่อออกไป ไป๋จิ่นจื้อดูออกจึงพยักหน้าพลางหันไปกล่าวกับองค์หญิงใหญ่ “เจ้าค่ะ! ไม่ได้ทานขนมมันดอกกุ้ยฮวาที่เจี่ยงหมัวมัวทำนานแล้ว เสี่ยวซื่ออยากทานมากเลยเจ้าค่ะ”
เมื่อไป๋จิ่นจื้อและไป๋จิ่นเซ่อจากไป องค์หญิงใหญ่ให้หลูหนิงฮว่านั่งลง
ไม่นาน องค์หญิงใหญ่จึงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เจ็บปวด “นับวันฮ่องเต้ยิ่งเลอะเลือนขึ้นเรื่อยๆ”
หลูหนิงฮว่าลุกขึ้นยืนทำความเคารพจากนั้นกล่าวขึ้น “ช่วงนี้หนิงฮว่าตรวจชีพจรให้ฝ่าบาทรู้สึกว่าพระองค์กระปรี้กระเปร่าขึ้น ชีพจรก็ดูแปลกไปราวกับเสวยยาวิเศษเข้าไปเจ้าค่ะ!”
“ท่านอาต้องการจะบอกว่าฮ่องเต้เสวยยาวิเศษอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางหลูหนิงฮว่าอย่างตกตะลึง
“เจ้าค่ะ! ได้ยินมาว่ายาวิเศษพวกนี้เป็นที่นิยมของขุนนางสูงศักดิ์ของแคว้นต้าเว่ยในช่วงหลายมาปีนี้ ผู้ที่ใช้ยาจะมีใบหน้าที่แดงเปล่งปลั่ง กระปรี้กระเปร่า ร่ำลือกันว่าสามารถทำให้อายุยืนยาว แม้ยาวิเศษนี้จะถือว่าเป็นยา หากใช้อย่างพอดีสามารถรักษาอาการใจสั่น อาการนอนไม่หลับ อาการเพ้อฝันและอาการคลุ้มคลั่งได้ ทว่า ห้ามรับประทานมากเกินไปและติดต่อกันเป็นเวลานานเจ้าค่ะ”
หากกล่าวถึงยาวิเศษที่ทำให้คนมีอายุยืนยาวชนิดนี้ ความจริงต้องบอกว่ามันมีที่มาจากแคว้นต้าจิ้น เสด็จปู่ขององค์หญิงใหญ่ จักรพรรดิเหวินเต๋อสิ้นพระชนม์จากการเสวยยาวิเศษชนิดนี้ติดต่อกันนานหลายปีเช่นเดียวกัน ต่อมาเสด็จพ่อขององค์หญิงใหญ่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ต่อ สิ่งแรกที่พระองค์ทำก็คือสั่งห้ามไม่ให้สายเลือดของราชวงศ์ที่ไม่ได้เจ็บป่วยร้ายแรงใช้ยาวิเศษเหล่านี้เด็ดขาด
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าครุ่นคิด ดังนั้นเหลียงอ๋องมอบยาวิเศษให้ฮ่องเต้ ฮ่องเต้จึงโปรดปรานเหลียงอ๋องอย่างนั้นหรือ
หลูหนิงฮว่ามองดูองค์หญิงใหญ่แวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “หากฝ่าบาทรงใช้ยาวิเศษนี้รวมกับยาปลุกอารมณ์ของซีเหลียงต่อไป เกรงว่าพระองค์คงอยู่ได้อีกไม่เกินสองปีเจ้าค่ะ”