ตอนที่ 447 ไม่ทำให้เจ้าเสียใจ
เซียวหรงเหยี่ยนยืดกายตรงราวกับเพิ่งตื่นจากภวังค์ ร่างทั้งร่างเกร็งนิ่ง เมื่อครู่เขากำลังคิดว่า…หากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้เมื่อใดเขาจะผ่อนคลายและใช้ชีวิตตามใจตัวเองเสียที
ทว่า คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนราวกับหมัดที่ชกมายังเขาอย่างจัง เขาตื่นตัวและหวาดระแวงขึ้นทันที
บัดนี้สถานการณ์ของต้าเยี่ยนยังเป็นเช่นนี้อยู่ ทว่า เขากลับคิดอยากผ่อนคลายในเร็ววัน หากวันหนึ่งรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้แล้ว ราชสำนักต้าเยี่ยนและชาวบ้านจะไม่รู้สึกปล่อยวางและผ่อนคลายหรืออย่างไรกัน
ก่อนหน้านี้ทุกคนในแคว้นต้าเยี่ยนรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อต้องการยึดหนานเยี่ยนกลับคืนมา
ต่อมากองทัพต้าเยี่ยนเริ่มทะเยอทะยานมากขึ้น อยากครอบครองใต้หล้า
แม้การรวบรวบใต้หล้าให้เป็นหนึ่งจะดูห่างไกล ทว่า สามารถค่อยๆ เดินไปด้านหน้าทีละก้าวอย่างมั่นคงได้ เขาควรเริ่มวางแผนทิศทางของแคว้นต้าเยี่ยนหลังรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งล่วงหน้าได้แล้ว เช่นนี้วันหน้าจะได้ตั้งตัวทัน
หลังจากแย่งชิงกันครอบครองใต้หล้าสำเร็จแล้ว สิ่งต่อมาก็คือระบอบการปกครอง…
เมื่อห้าแคว้นรวมเป็นหนึ่งสามารถใช้การปกครองระบบใหม่ของจีโฮ่วได้ ชาวบ้านต้องยินดีอย่างแน่นอน
ส่วนอำนาจของขุนนางในแต่ละแคว้น การปกครองของจีโฮ่วต้องส่งผลกระทบต่ออำนาจของพวกเขาเป็นอย่างมาก ทว่า ไม่อาจกำจัดพวกเขาได้ทั้งหมด จะคานอำนาจเหล่านี้ให้สมดุลเช่นไรเป็นปัญหาแรกที่ต้องพิจารณาหลังจากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้แล้ว
เซียวหรงเหยี่ยนลอบถอนหายใจยาว เขาคิดว่าหากวันหนึ่งไป๋ชิงเหยียนยอมช่วยเหลือต้าเยี่ยน วันนั้นต้าเยี่ยนย่อมเป็นดั่งเสือติดปีกแน่นอน
“เหยี่ยน…จะจำไว้ขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวอย่างจริงใจ
“สิ่งที่เหยียนกล่าวกับเซียวเซียนเซิงในวันนี้คือคำสอนที่ท่านปู่เคยใช้สั่งสอนท่านพ่อ ทุกครั้งที่ท่านปู่เล่าว่าทายาทรุ่นที่สองของฉินเสียชีวิตลงทั้งหมด ท่านรู้สึกเสียดายมาก ท่านพร่ำบ่นให้ท่านพ่อฟังตลอดเวลา วันนี้ข้าจึงเล่าให้เซียวเซียนเซิงฟังบ้างเจ้าค่ะ”
“เจิ้นกั๋วอ๋องคือเสาหลักที่แข็งแกร่งของแคว้นต้าจิ้นขอรับ!” เซียวหรงเหยี่ยนอดเสียดายไม่ได้
ตระกูลไป๋ไม่ได้เพียงมีปณิธานที่ต้องการรวบรวมใต้หล้า แต่ยังมีใจที่รักชาวบ้านอีกด้วย ซึ่งเป็นที่น่ายกย่องนับถือยิ่งนัก
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ไป๋ชิงเหยียนคำนับไปทางเซียวหรงเหยี่ยน “บรรพบุรุษของตระกูลไป๋เคยสาบานไว้ว่าจะทำให้ชาวบ้านอยู่ดีกินดี ปกป้องชาวบ้านให้ปลอดภัย หากวันหนึ่งสายเลือดของราชวงศ์หลินหมดสิ้น ตระกูลไป๋จะเข้ามาแทนที่ หากในชาตินี้มีโอกาสเห็นสิ่งนั้น ถึงเวลานั้นเหยียนกับเซียวเซียนเซิงจะยืนอยู่คนละฝ่าย มาดูกันว่าผู้ใดจะได้ครอบครองใต้หล้านะเจ้าคะ!”
เซียวหรงเหยี่ยนรู้สึกเลือดร้อนกับคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน ราวกับพบยอดฝีมือที่ยากจะรับมือขณะเล่นหมากล้อม
เซียวหรงเหยี่ยนเข้าใจแล้วว่าเหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงบอกคำสอนของท่านปู่ของนางให้เขาฟัง
ตระกูลไป๋สลักคำว่าปกป้องบ้านเมืองช่วยเหลือชาวบ้านลงลึกไปในกระดูกอย่างแท้จริง ไป๋ชิงเหยียนหวังว่าไม่ว่าวันหน้าผู้ที่รวบรวมใต้หล้าจะเป็นตระกูลไป๋หรือต้าเยี่ยนของเขาจะเห็นว่าทุกแคว้นคือแคว้นๆ เดียวกัน ทำให้ใต้หล้าซึ่งไม่ได้ได้มาง่ายๆ สงบสุขอย่างแท้จริง อย่าทำให้ชาวบ้านลำบาก อย่าทำให้ความลำบากเป็นบ่อเกิดของสงครามอีกครั้ง
รวบรวมให้เป็นหนึ่ง…เพื่อความสงบสุขของใต้หล้าแห่งนี้ ผู้ใดก็ตามที่อยากเป็นหนึ่งในใต้หล้าจงอย่าลืมข้อนี้เด็ดขาด!
เซียวหรงเหยี่ยนมองไป๋ชิงเหยียน เขาอยากรับปากหญิงสาว ทว่า การรับปากในครั้งนี้จะยิ่งทำให้ระยะห่างของทั้งคู่ไกลกันมากขึ้นกว่าเดิมจนกลายเป็นศัตรู
เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนไม่กล่าวสิ่งใดออกมา ไป๋ชิงเหยียนจึงลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยกับเซียวหรงเหยี่ยน “เหยียนไปส่งเซียวเซียนเซิงเจ้าค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า ลุกขึ้นยืน
เยว่สือเห็นดังนั้นจึงพาคนเข้าไปเก็บเครื่องชาบนโต๊ะ
“เหยี่ยนนำของฝากจากต้าเว่ยสองชิ้นมามอบให้คุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่ขอรับ เมื่อครู่เหยี่ยนลืมไว้บนหลังม้า คุณหนูใหญ่รบกวนไปกับเหยี่ยนสักครู่นะขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะปฏิเสธจึงกล่าวเสริม “เป็นเพียงของเล็กน้อยเท่านั้น คุณหนูสี่เป็นคนร่าเริงต้องชอบแน่ขอรับ”
ถือเป็นการขอบคุณที่ไป๋จิ่นจื้อเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่กับไป๋ชิงเหยียน แม้บางครั้งอาจทำเสียเรื่องไปบ้าง ทว่า เด็กสาวหวังดีต่อพวกเขา
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เดินตามเซียวหรงเหยี่ยนไปยังม้าสีขาว
เซียวหรงเหยี่ยนหยิบแส้ยาวหนึ่งเส้นและกล่องกำมะหยี่กล่องหนึ่งออกมาจากย่ามบนหลังม้า แส้เส้นนั้นเป็นสีแดงสด…แค่ดูก็รู้แล้วว่ามอบให้ไป๋จิ่นจื้อ
“ขอบคุณเซียวเซียนเซิงแทนเสี่ยวซื่อด้วยนะเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนรับแส้ยาวมาไว้ในมือ
เซียวหรงเหยี่ยนเปิดกล่องกำมะหยี่ออกยิ้มๆ ด้านในมีปิ่นหยกใสเนื้อละเอียด ทว่า แกะสลักอย่างธรรมดาวางอยู่
ชายหนุ่มหยิบปิ่นหยกออกมา “ข้าได้หยกเนื้อดีมาก้อนหนึ่งตอนอยู่ที่ต้าเว่ย เพิ่งเคยทำปิ่นครั้งแรกอาจยังดูไม่ค่อยดีนัก หากวันหน้าคล่องมือแล้ว ข้าจะแกะสลักอันใหม่ให้ขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวพลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนอีกสองสามก้าว ไม่ปล่อยให้ไป๋ชิงเหยียนถอยหนี ชายหนุ่มรีบจับบ่าของหญิงสาวไว้ก่อน จากนั้นปักปิ่นหยกไปที่ผมดำสลวยของหญิงสาว
กลิ่นหอมจางๆ จากร่างของชายหนุ่มลอยเข้ามาใกล้ สมองของไป๋ชิงเหยียนขาวโพลนไปชั่วขณะ สายตาของหญิงสาวหยุดอยู่ที่ลูกกระเดือกซึ่งยื่นนูนออกมาอย่างมีเสน่ห์ของเซียวหรงเหยี่ยน ได้ยินเพียงเสียงนุ่มนวลของชายหนุ่มดังขึ้น
“เหยี่ยน…อยากพนันกับคุณหนูใหญ่ไป๋” เซียวหรงเหยี่ยนปักปิ่นเสร็จ ก้มหน้ามองใบหน้างดงามของไป๋ชิงเหยียน แววตาของเขานิ่งขรึมและเร่าร้อน “หากวันหนึ่งต้าเยี่ยนเป็นผู้ที่ได้ครอบครองใต้หล้า หวังว่าคุณหนูใหญ่ไป๋จะไม่ทอดทิ้งเหยี่ยน…ยอมแต่งงานเป็นภรรยาของเหยี่ยน!”
ไป๋ชิงเหยียนกระชับมือที่ถือแส้ยาวแน่นโดยไม่รู้ตัว
สายตาของเซียวหรงเหยี่ยนหยุดอยู่ที่ใบหูซึ่งแดงก่ำของไป๋ชิงเหยียน แววตาที่มองไปยังหญิงสาวอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม กล่าวต่อ “ทว่า หากตระกูลไป๋ได้ครอบครองใต้หล้า หวังว่าคุณหนูใหญ่จะไม่ทอดทิ้งเหยี่ยน…รับเหยี่ยนเป็นสามี”
ไป๋ชิงเหยียนสบตากับเซียวหรงเหยี่ยน ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ใบหูร้อนจนแดงก่ำ
เซียวหรงเหยี่ยนค่อยๆ ลดฝ่ามือใหญ่ซึ่งจับอยู่ที่บ่าของไป๋ชิงเหยียนลงไปกุมมือของหญิงสาวไว้ในมือใหญ่ของเขาเหมือนดั่งค่ำคืนนั้น นิ้วทั้งห้าสอดประสานกัน เขากุมมือของหญิงสาวแน่น ราวกับจงใจทำให้หญิงสาวนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น อยากสานต่อสิ่งที่ทำไม่สำเร็จในคืนนั้นต่อ
ชายหนุ่มก้มหน้าเข้าไปใกล้ จมูกคมสันสัมผัสกับปลายจมูกของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ร่างของไป๋ชิงเหยียนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง หญิงสาวถอยหลังไปหนึ่งก้าวราวกับตื่นขึ้นจากความฝัน ต้องการจะชักมือของตัวเองกลับ ทว่า กลับถูกเซียวหรงเหยี่ยนกระชากตัวเข้าไปในอ้อมกอด
เซียวหรงเหยี่ยนโอบเอวเล็กของหญิงสาวไว้ไม่ยอมปล่อย เอาแต่จ้องหญิงสาวนิ่งอยู่อย่างนั้น
ใจของไป๋ชิงเหยียนเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก มือขยำเสื้อบริเวณหน้าอกของชายหนุ่มแน่น
เซียวหรงเหยี่ยนควบคุมอารมณ์ของตัวเอง กอดรัดคนในอ้อมแขนแน่น ก้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียน สายตามองผ่านดวงตาที่สั่นไหวของหญิงสาว หยุดอยู่ที่ริมฝีปากบาง ลำคอของชายหนุ่มร้อนผ่าว กระซิบเสียงแหบพร่า “ไป๋ชิงเหยียน หากเจ้ากล้าพนันกับข้า ชาตินี้ ข้ามู่หรงเหยี่ยนไม่มีวันทำให้เจ้าเสียใจ!”
มู่หรงเหยี่ยนคือนามของเขา
ขณะที่เซียวหรงเหยี่ยนกล่าว ริมฝีปากร้อนของเขาเฉียดกับริมฝีปากบางของไป๋ชิงเหยียนไปเพียงนิดเดียว หญิงสาวรู้สึกหายใจติดขัด รู้สึกเหมือนมีมนต์สะกดบางอย่างทำให้นางรู้สึกรอคอยริมฝีปากของเซียวหรงเหยี่ยนประทับลงมา
ชาติที่แล้วและชาตินี้รวมกัน นี่เป็นครั้งแรกที่นางใกล้ชิดกับบุรุษคนหนึ่งมากถึงเพียงนี้
นางไม่ได้รู้สึกรังเกียจ นางรับรู้มาตลอดว่าแท้จริงแล้วในส่วนลึกของจิตใจ นางลอบชื่นชมเซียวหรงเหยี่ยนมาโดยตลอด ตั้งแต่รับรู้ความรู้สึกของเซียวหรงเหยี่ยนที่มีต่อนาง นางพยายามข่มความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะสำหรับนางแล้ว นางต้องปกป้องตระกูลไป๋ ปกป้องกองทัพไป๋และสานต่อปณิธานของบรรพบุรุษตระกูลไป๋…