ตอนที่ 457 รับใช้
นางได้ยินเหลียงอ๋องเล่าว่าที่เขาต้องการแต่งงานกับญาติผู้พี่ไป๋ชิงเหยียนเป็นเพราะเข้าใจผิดคิดว่าญาติผู้พี่ของนางคือสตรีที่มอบผ้าเช็ดหน้าให้เขาในงานเลี้ยงตอนนั้น
เขารู้ว่าญาติผู้พี่ได้รับบาดเจ็บหนักจนยากจะมีบุตร เขากลัวว่าญาติผู้พี่จะเสียใจจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้แต่งงานกับญาติผู้พี่
ทว่า เมื่อเห็นว่าญาติผู้พี่ไร้เยื่อใยต่อเขาเช่นนั้น เขารู้สึกปวดใจเป็นที่สุด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสาวน้อยที่เคยดีต่อเขาถึงเพียงนั้นถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเช่นนี้
ตอนแรกเขาคิดว่าสาวน้อยที่ตอนเด็กเคยมีรอยยิ้มที่หวานยิ่งกว่าน้ำตาลรังเกียจที่เขาเป็นเพียงคนไร้ค่า
ต่งถิงเจินประทับใจในตัวเหลียงอ๋องเพราะเรื่องนี้ นางสงสารและเห็นใจชายหนุ่ม ทั้งๆ ที่เป็นองค์ชาย ทว่า กลับมีชีวิตที่น่าสงสารถึงเพียงนี้ นางอยากทำดีต่อเหลียงอ๋อง อยากทำทุกวิถีทางให้เขามีความสุข
เพราะเหลียงอ๋องเป็นคนที่มีความสุขได้เพียงแค่เรื่องเล็กน้อย ต่งถิงเจินเห็นใจที่เขารอนางอยู่ที่ประตูข้างของจวนต่งเป็นเวลานานจึงให้คนนำของว่างไปให้เขา เหลียงอ๋องกลับยัดของว่างใส่แขนเสื้อและนำไปยังเยี่ยนว่อด้วย กล่าวว่านำของว่างที่นางให้ไปด้วยจะได้รู้สึกเหมือนมีนางอยู่เคียงข้างกาย
บุรุษที่เห็นนางเป็นดั่งของล้ำค่าเช่นนี้ ต่งถิงเจินจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไรกัน
“ข้าเป็นคนไร้ค่า! ข้ารู้ดีว่าข้าสู้เฉินเจาลู่ไม่ได้ เฉินเจาลู่มีความสามารถเป็นถึงบัณฑิตจอหงวน ทว่า ข้าเป็นคนไม่ได้เรื่อง! ข้าอ่อนแอขี้กลัว ไร้ความรู้ ไร้ความสามารถ! ถิงเจิน เจ้าดีถึงเพียงนี้ ทว่า ข้ากลับ…” เหลียงอ๋องร้องไห้จนตัวโยน
“ไม่จริงนะเพคะ ไม่จริงเพคะ!” ต่งถิงเจินแทบใจสลายกับน้ำตาของเหลียงอ๋อง เอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างปลอบโยน กล่าวเสียงนุ่มนวล “ท่านเป็นถึงองค์ชาย ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมท่านได้เพคะ”
“เช่นนั้น ข้าต้องทำเช่นไรถึงจะได้แต่งงานกับเจ้า” ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของเหลียงอ๋องจ้องไปทางต่งถิงเจินอย่างมีหวัง “ถิงเจิน ข้ารู้ว่าข้าโง่! เจ้าสอนข้าได้หรือไม่ ขอเพียงเจ้าบอกมาว่าต้องทำเช่นไร ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟข้าก็ไม่กลัว”
ต่งถิงเจินหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาให้เหลียงอ๋อง นางรู้ดีว่าคนภายนอกมองเหลียงอ๋องเป็นเพียงคนอ่อนแอที่ไร้ค่า ทว่า นางสงสารชายคนนี้ ทั้งๆ ที่เป็นถึงโอรสของแผ่นดิน แต่กลับถูกคนมากมายรุมรังแก นางอยากปกป้องเหลียงอ๋อง
ก่อนหน้านี้เหลียงอ๋องเข้าใจผิดคิดว่าญาติผู้พี่คือนาง ทั้งๆ ที่รู้ว่าญาติผู้พี่ไม่อาจมีบุตรได้ก็ยังอยากแต่งงานกับญาติผู้พี่ แสดงว่าเขาเป็นคนที่จริงใจมาก ต่งถิงเจินไม่อยากลังเลอีกต่อไป
“องค์ชายกล้าทูลขอร้องฝ่าบาทหรือไม่เพคะ ขอเพียงฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ แม้แต่ท่านพ่อท่านแม่ของหม่อมฉันก็ไม่อาจขัดขวางเราสองคนได้เพคะ!” ต่งถิงเจินกล่าวออกมาหลังจากตัดสินใจแน่วแน่
เหลียงอ๋องกุมมือของต่งถิงเจินแน่น แววตาหนักแน่นไม่มีความลังเลแต่อย่างใด “ทว่า ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจผิดคิดว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่คือเจ้า ก่อเรื่องจนรู้ไปถึงเสด็จพ่อ หากครั้งนี้ข้าไปทูลขอพระองค์ เกรงว่าเสด็จพ่อคงไม่ทรงอนุญาต!”
ต่งถิงเจินประคองให้เหลียงอ๋องลุกขึ้นนั่ง ปลดสร้อยนำโชคของตัวเองออกมาจากลำคอ ยื่นให้เหลียงอ๋อง “นี่คือสร้อยนำโชคที่หม่อมฉันใส่ติดตัวตลอดเวลา ฮูหยินโซ่วซานปั๋วผู้เป็นยายของหม่อมฉันสั่งทำตอนหม่อมฉันเกิด หม่อมฉันใส่ติดตัวไม่เคยห่างกาย! ตอนนี้หม่อมฉันใส่กำไลที่องค์ชายมอบให้ติดตัวตลอด ต่อให้อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ หม่อมฉันก็จะทูลว่าเราทั้งสองใจตรงกันเพคะ”
“ถิงเจิน!” เหลียงอ๋องก้มหน้าร้องไห้ออกมาอีกครั้งจนบ่าสั่นสะท้าน เขากุมมือของต่งถิงเจินแน่น “หากทำเช่นนี้จะเป็นการทำลายชื่อเสียงของเจ้า ข้าทำผิดต่อเจ้า ข้าไม่ได้เรื่องจึงทำวิธีเช่นนี้เพื่อให้ได้แต่งงานกับเจ้า ทว่า ข้าเสียเจ้าไปไม่ได้ หากข้ามีวิธีอื่น ข้าไม่มีวันทำลายชื่อเสียงของเจ้าแน่นอน”
“มิเป็นไรเพคะ!” ต่งถิงเจินปลอบเหลียงอ๋อง “หม่อมฉันเต็มใจเอง หม่อมฉันไม่โทษองค์ชายเพคะ ต่อไปพวกเราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอเพคะ”
เหลียงอ๋องพยักหน้ารัว “ถิงเจิน ข้าเห็นเจ้าสำคัญกว่าชีวิตของข้า หากไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป! เฉินเจาลู่โดดเด่นและมีความสามารถมากเกินไป เขาเป็นถึงจอหงวน ข้ากลัวว่าเขาจะแย่งเจ้าไปจากข้าจึงต้องทำเช่นนี้! ต่อไปข้าจะชดเชยให้เจ้า ข้าจะพยายามเป็นคนที่เก่งขึ้น ไม่ให้ผู้อื่นดูถูกเจ้าว่าแต่งงานกับคนไร้ความสามารถเช่นข้า ข้าสาบานว่าชาตินี้จะมีเจ้าเพียงคนเดียว ไม่มีอนุเด็ดขาด!”
ต่งถิงเจินซาบซึ้งจนน้ำตาไหลไม่หยุด
“ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยเกือบทำลายจวนเจิ้นกั๋วอ๋องทั้งตระกูล ใต้เท้าต่งต้องโกรธแค้นข้าอย่างแน่นอน ทว่า ข้าจะไปขอขมาเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เพื่อเจ้า ขอให้นางยกโทษให้ข้า เช่นนี้เจ้าจะได้ไม่ต้องลำบากใจเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของเจ้า!”
ต่งถิงเจินพยักหน้า ซาบซึ้งในความจริงใจของเหลียงอ๋อง
ตอนที่ต่งถิงเจินสวมหมวกคลุมหน้าเดินออกมาจากสือฟางไจ ดวงตาของนางยังแดงก่ำ เมื่อขึ้นไปบนรถม้าจึงถอดหมวกคลุมหน้าออก หญิงสาวก้มหน้าบีบผ้าเช็ดหน้าซึ่งชื้นไปด้วยน้ำตาในมือแน่น จากนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างขวยเขิน
แม้เหลียงอ๋องจะอ่อนแอ ทว่า เขาจริงใจต่อนางมากจริงๆ ท่านพ่อท่านแม่ของนางรักใคร่กันดี ทว่า ท่านพ่อยังมีอนุอีกสองคน นางรู้ดีว่ายามที่ท่านพ่อไปยังเรือนของอนุ เรือนของท่านแม่เปิดไฟสว่างทั้งคืน
นางฝันอยากมีความรักที่มีเพียงกันและกันเหมือนในนิทานมาโดยตลอด
ดังนั้นต่อให้เหลียงอ๋องเป็นเพียงคนไร้ความสามารถไม่มีสิ่งใดโดดเด่น ขอเพียงเขายินดีมีนางเป็นภรรยาเพียงคนเดียวตลอดชีวิต นางก็พอใจแล้ว
ต่งถิงเจินใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา จากนั้นหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ หญิงสาวยกมือขึ้นลูบลำคอที่ปราศจากสร้อยนำโชค ในใจรู้สึกตื่นเต้นกับอนาคตในภายภาคหน้า
เหลียงอ๋องลงมืออย่างรวดเร็ว เมื่อออกมาจากสือฟางไจ เขานำสร้อยนำโชคซึ่งเป็นของติดกายของต่งถิงเจินมุ่งหน้าไปยังวังหลวงทันที
เมื่อรู้ว่าไม่อาจบีบไป๋ชิงเหยียนไว้ในกำมือเพื่อใช้งานได้อีกแล้ว เหลียงอ๋องจึงนึกถึงผู้ตรวจเมืองเติงโจวต่งชิงเยว่ขึ้นมา ทว่า น่าเสียดายที่ต่งชิงเยว่ไม่มีบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอก แต่พี่ชายของต่งชิงเยว่ หงหลู่ซื่อชิง[1]ต่งชิงผิงมี!
เหลียงอ๋องต้องค่อยๆ วางแผนไปทีละขั้น ขอเพียงเขาแต่งงานกับบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกของต่งชิงผิง เช่นนั้นหากเขาต้องการแย่งชิงราชบัลลังก์ การดึงตระกูลต่งมาเป็นพวกก็ถือเป็นเรื่องง่ายดาย!
เพราะอย่างไรเสีย ต่งถิงเจินคือหลานสาวของต่งชิงเยว่ ส่วนไป๋ชิงเหยียนเป็นเพียงหลานสาวต่างสกุลเท่านั้น!
หากเขาต้องการแย่งชิงราชบัลลังก์ เขาสามารถรับปากต่งชิงเยว่และต่งชิงผิงว่าจะมอบอำนาจให้พวกเขา ให้ตำแหน่งขุนนางกับบุตรชายของพวกเขา ให้พวกเขาคิดว่าเขาเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดที่อยู่ในการควบคุมของพวกเขา เช่นนี้ตระกูลต่งจะได้ยอมติดตามเขา ช่วยเกลี้ยกล่อมให้ไป๋ชิงเหยียนติดตามรับใช้เขา
เมื่อเขาได้บัลลังก์มาครอบครอง การจัดการกับตระกูลไป๋เป็นเรื่องง่ายเพียงนิดเดียว
ก่อนหน้านี้เขาคิดน้อยไปหน่อย คิดเพียงแต่จะทำลายตระกูลไป๋จนลืมไปว่าวิธีที่ง่ายที่สุดคือการได้ครอบครองบัลลังก์ เมื่อเขากลายเป็นจักรพรรดิ จักรพรรดิต้องการให้ขุนนางตาย ขุนนางย่อมต้องตาย
ดวงตะวันค่อยๆ เคลื่อนไปทางฝั่งตะวันตก แสงยามเย็นสาดส่องไปทั่วทั้งเมืองหลวงจนกลายเป็นสีทองอร่าม
ดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า อากาศจึงเย็นลงกว่าเดิม ไม่ได้ร้อนจนแทบทนไม่ไหวเหมือนช่วงกลางวันอีก
เรือนชิงฮุย จวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ทั้งสี่ทิศของจวน เพลานี้เงาของแสงอาทิตย์ทำมุมกับต้นไม้ในลานหญ้าเป็นแนวเฉียง ให้ความรู้สึกร่มรื่นยิ่งนัก
ไป๋ชิงเหยียนได้รับบาดเจ็บจนป่วยหนัก อากาศของเมืองหลวงในช่วงฤดูร้อน ร้อนอบอ้าวมาก ไป๋ชิงเหยียนอาบน้ำเย็นไม่ได้ ไป๋เวยถิงจึงสั่งให้คนปลูกต้นไม้ต้นเตี้ยๆ ไว้บริเวณทิศใต้และปลูกต้นไม้ใหญ่บริเวณทิศตะวันตกของเรือนชิงฮุย เช่นนี้จะได้ไม่บดบังทัศนียภาพ อีกทั้งจะได้รู้สึกเย็นสบายในช่วงฤดูร้อน
[1] หงหลู่ซื่อชิง ตำแหน่งขุนนางที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบด้านการทูต