ใจของเหยียนเฉียวหลัวตื่นตระหนกกว่าเดิม ตลอดทางมานี้นางมิได้ใช้วิชาคาถาใดๆ เลยแท้ๆ แต่ว่าเขากลับรู้ว่านางมาจาภูเขาฮว่าชิ่งซาน?
คนผู้นี้มีวิชาอาคมสูงส่ง แปลกจริงๆ ตอนที่ฝึกฝนอยู่ในเขาฮว่าชิ่งซานทำไมจึงไม่เคยได้พบเขามาก่อน นอกจากเขาฮว่าชิ่งซาน ในแผ่นดินนี้ยังมีที่ใดสามารถฝึกฝนนักพรตขึ้นมาได้อีกหรือ?
นางเหลือบมองดูเขาอีกหลายครั้ง ที่ผ่านมานางเคยแต่หวั่นไหวเพราะความงามของจีเฉวียน
ยามนี้พอได้เห็นบุรุษชุดม่วง หัวใจก็เต้นตึกตักขึ้นมาเหมือนกัน
ใบหน้าเรียบเนียนดั่งเนื้อหยก ดวงตาเป็นประกายดั่งหยดน้ำ คุณชายที่เสมือนดั่งหยกสลักงดงาม ทั้งโหดเ**้ยมและน่าหลงใหล
คำเหล่านี้คงจะพออธิบายรูปลักษณ์ของเขาได้กระมัง ทั้งๆ ที่มีใบหน้างดงามดุจเทพเซียนเหนือธรรมดา แต่ว่าบรรยากาศรอบตัวเขากลับดำทะมึนและแปลกประหลาด
คล้ายดั่งเป็นพญายมที่เฝ้ารักษาขุมนรก
พญายม…..
ทำไมนางถึงได้คิดถึงคำนี้ขึ้นมาได้กัน?
ตกลงแล้วเขาเป็นผู้ใดกันแน่?
เหยียนเฉียวหลัวครุ่นคิดอย่างละเอียด ในสมองที่งุนงงและสับสนคล้ายจะจดจำได้อย่างเลือนลาง นางรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้เจอที่ไหนมาก่อน แต่พอจะคิดดูให้ละเอียดก็คิดไม่ออกเสียอย่างงั้น
ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาก็คือคนที่นางไม่อาจไปหาเรื่องได้นั่นเอง
“คุณชาย แล้วพวกเรา…” ผ่านไปอีกครู่ใหญ่เหยียนเฉียวหลัวถึงได้เก็บสายตากลับมา นางหันไปเผชิญหน้ากับเขาถามอย่างหยิ่งทนงว่า “ก็จะรออยู่อย่างนี้น่ะหรือ?”
นางรู้ว่า อีกไม่นานจีเฉวียนก็จะมาถึงแล้ว นางรักจีเฉวียนอย่างบ้าคลั่ง คิดไม่ถึงว่าความรักครั้งนี้กลับถูกเขาเหยียบย่ำจนเป็นผงธุลี
นางกับพี่ชายเหยียนหยุนอุตส่าห์ตั้งใจจะร่วมมือกับเขา กลับถูกเขาขุดหลุมพลางจนเกือบต้องทิ้งชีวิตไป นางจะต้องทำให้จีเฉวียนสำนึกเสียใจให้จงได้
สิ่งใดที่นางหมายตาเอาไว้ ชาตินี้ทั้งชาติจะอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง เมื่อขึ้นมาถึงภูเขาเทียนซานแห่งนี้แล้ว นางก็ต้องการให้จีเฉวียนคุกเข่าลงต่อหน้านางสารภาพว่าเขาผิดไปแล้ว บอกว่าเขารักคนผิด
“หากว่าเจ้าอยากตาย ตอนนี้ก็สามารถลงไปกับคนของอิ๋งฉีได้เลย”
องค์ชายน้อยประทับยืนอยู่ใต้ต้นไม้หนาม ดวงตาสีดำขลับคล้ายดั่งความลึกลับที่ไร้ก้นบึ้ง เพียงเขาตรัสเสียงเย็นแค่ประโยคเดียว ก็ทำให้เหยียนเฉียวหลัวขนลุกขนพองขึ้นมา
อย่างน้อยๆ นางก็เป็นถึงองค์หญิงของแว่นแคว้นหนึ่ง เคยได้พบได้เห็นคนที่แปลกประหลาดมามากมาย แต่ว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจ
“คุณชายช่วยข้าเอาไว้ แสดงว่าข้าจะต้องมีประโยชน์ต่อคุณชาย” เหยียนเฉียวหลัวพยายามรักษาทีท่าเอาไว้ ไม่แสดงความหวาดกลัวออกมา
“เฉียวหลัวติดค้างหนี้ชีวิตคุณชายครั้งหนึ่ง มิว่าคุณชายจะมีคำสั่งใด เฉียวหลัวก็จะทำตาม”
เหยียนเฉียวหลัวเป็นคนที่ชาญฉลาดมาตลอด นางย่อมเข้าใจดีว่าในโลกนี้มิได้มีขนมเปี๊ยะตกลงมาจากท้องฟ้า บุรุษชุดม่วงผู้นี้ก็ไม่มีทางช่วยชีวิตนางเอาไว้เฉยๆ อย่างแน่นอน
องค์ชายน้อยหันกลับมาทอดพระเนตรมองดูนางแวบหนึ่ง “เจ้าย่อมต้องมีประโยชน์แน่นอน”
……………………………….
สระสวรรค์มุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ เหล่านักพรตในแคว้นฉินวางกำลังแผนตามจุดบอกใบ้ที่อยู่ในแผนที่ขุมทรัพย์ พวกเขาต้องใช้เรี่ยวแรงมหาศาลถึงได้สามารถเจาะช่องลงไปใต้น้ำแข็งจนกลายเป็นหลุมแห่งหนึ่ง
หลุมนี้สามารถให้คนลงไปได้ทีเดียวพร้อมๆ กันสามคน
ชั้นน้ำแข็งของทะเลสาบหนามาก ตรงนี้คือจุดที่เปราะบางที่สุดแล้ว แต่ต้องเจาะลงไปถึงสามฉื่อ [1] ถึงจะสามารถเจาะรูได้หนึ่งรู
เมื่อยืนอยู่ริมช่องน้ำแข็งแล้วมองลงไป ข้างใต้นั้นทุกอย่างมีแต่สีดำสนิท นอกจากน้ำแข็งที่ผิวแล้ว แม้แต่ในน้ำทะเลสาบก็เป็นสีดำ
บนชั้นน้ำแข็งนั้นสงบราบเรียบ แต่น้ำในทะเลสาบใต้ชั้นน้ำแข็งกลับมีคลื่นพลุ่งพล่านอยู่ข้างใต้
เหล่านักพรตต่างรายล้อมอิ๋งฉีที่ยืนอยู่ริมช่องน้ำแข็ง แต่ละคนล้วนมีสีหน้าหนักอึ้ง
“คุณชาย ท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงส่ง ยังคงรออยู่ที่ด้านบนเถอะ พวกข้าจะลงไปดูลาดเลาข้างล่างเสียก่อน” หัวหน้านักพรตจากแคว้นฉินทักท้วง
“พวกเราได้รับพระบัญชามาจากฝ่าบาท จะต้องปกป้องคุ้มครองท่านให้ปลอดภัย”
อิ๋งฉีมิได้ตอบ เพียงแต่คุกเข่าลงไปที่ข้างๆ ปากช่องน้ำแข็ง ในมือถือเศษน้ำแข็งเอาไว้ก้อนหนึ่ง เขายื่นคอมองลงไปข้างล่าง
ความเยือกเย็นอย่างที่สุดพวยพุ่งขึ้นมา แค่ยืนอยู่ที่ริมปากช่องน้ำแข็งก็ยังแทบจะทำให้ร่างกายกลายเป็นน้ำแข็งไป หากว่ากระโดดลงไป เกรงว่าเพียงครู่เดียวคนก็คงกลายเป็นแท่งน้ำแข็งเสียแล้ว
“เราผู้เป็นอ๋องจะต้องลงไปเป็นคนแรก” ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงได้เอ่ยออกมา ก่อนที่จะมายังที่นี่เขาได้ตระเตรียมงานไปมากมาย ผู้ที่สามารถเข้าไปในขุมทรัพย์ได้เป็นคนแรกจึงจะมีคุณสมบัติได้รับโชคลาภมหาศาล
เขาไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นแย่งโอกาสนี้ไป การที่มายังแคว้นเซอปี่ซือรอบนี้ต่อให้ต้องเสี่ยงชีวิตก็ต้องเอายาอายุวัฒนะกลับไปให้พระเชษฐาให้ได้
เหล่านักพรตเห็นว่ารั้งเอาไว้ไม่อยู่ ก็ได้แต่ยอมแพ้
อย่าได้เห็นว่าคุณชายฉีผู้นี้ รูปร่างผอมบาง อุปนิสัยนั้นดื้อรั้งอย่างยิ่ง เรื่องที่เขาตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีทางยอมเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
นิสัยหนักแน่นมั่งคง กระทำเรื่องใดมุ่งมั่นจริงจัง นี่เป็นข้อดีของคุณชายฉี
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณชายโปรดรับลูกแก้ววารี [2] นี้ไป ข้าจะรอคอยคุณชายอยู่ตลอด ใต้ทะเลสาบมีอันตรายใดบ้างพวกเราไม่อาจรู้ ขอคุณชายโปรดระมัดระวังให้มากเข้าไว้” หัวหน้านักพรตพูดพลางก็ล้วงเอาไข่มุกสีขาวราวหิมะออกมาด้วยความระมัดระวังส่งมอบให้กับอิ๋งฉี
อิ๋งฉีรับไข่มุกมา ก็เห็นว่าไข่มุกสีขาวทอประกายแสงสว่างจางๆ ชั้นหนึ่ง แสงสว่างนั้นห่อหุ้มร่างทั้งหมดของอิ๋งฉีเอาไว้ จากนั้นก็เห็นเขากระโดดลงไปในสระสวรรค์
ยามที่คนดำดิ่งลงไปนั้น ก็ทำให้น้ำกระเพื่อมเป็นระลอก
เหล่านักพรตแห่งแคว้นฉีต่างก็ไม่กล้าชักช้า ส่งคนติดตามอีกนับสิบลงไปด้วย
เหล่านักพรตที่เหลือต่างก็เฝ้าอยู่รอบช่องน้ำแข็ง ไม่เปิดโอกาสให้ขุมอำนาจอื่นได้เข้าไป
เหนือหมู่เมฆขึ้นไปตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียนมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน
“คุณชายฉีผู้นี้ ช่างมีความกล้าหาญล้นเหลือเสียจริง” ตู๋กูซิงหลันสีหน้าหนักใจ “ฝ่าบาทและเขาถือเป็นสหายเก่าแก่กัน เห็นคนจะตายจะไม่ช่วยหรือเพคะ?”
สระสวรรค์ดูไปสงบราบเรียบ แต่อันตรายที่อยู่ข้างใต้นั้น แม้แต่นางก็ไม่กล้าละเลยโดยง่าย
จีเฉวียนได้ฟังแล้ว ก็เลือกเอาแต่ประเด็นสำคัญขึ้นมา พระองค์กระตุกชายเสื้อของนางแรงๆ “เสี่ยวซิงซิง นอกจากเราแล้ว ห้ามไม่ให้เจ้าไปห่วงใยบุรุษอื่นอีก”
เมียเมียกระพือปีกส่งเสียงร้องยาวๆ ออกมาครั้งหนึ่ง แสดงว่ามันเห็นด้วย
จากนั้นก็ลากเจ้าเสือหิมะที่ถูกกุมคอหนีบลมหายใจเอาไว้ให้มาเข้าพวกด้วยกัน กรงเล็บของมันบีบหัวของเสือหิมะเอาไว้
เสือหิมะเจ็บปวดจนต้องข่มเขี้ยว รีบร้องเสียงเหมียวออกมาครั้งหนึ่ง
ใช่ ใช่ ใช่ พี่สาวตัวอ้วนคนงาม ควรจะใส่ใจแต่เพียงเจ้านายของลูกพี่เท่านั้น
ตู๋กูซิงหลันแทบจะกระอักเลือดคั่งออกมา ภาพที่แปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้ทั้งปากและตาของนางชักกระตุก
วิญญาณทมิฬเองก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นั้นคำก็เสี่ยวซิงซิง สองคำก็เสี่ยวซิงซิงเรียกจนมันปวดกระเพาะไปหมดแล้ว
“อิ๋งฉีเป็นคนมีบุญ ชะตาชีวิตยิ่งใหญ่ ไม่ตายหรอก” จีเฉวียนตรัสต่อไป
ว่าแล้วพระองค์ก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงกวาดพระเนตรมาทางตู๋กูซิงหลัน “เจ้าให้ยันต์คุ้มภัยไปกับเขาไม่ใช่หรือ? เรายังไม่มีเลย”
ตู๋กูซิงหลัน “…..” ลูกพี่ ท่านแน่ใจหรือว่าท่านต้องการยันต์คุ้มภัย?
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ไปเมืองลี่โจว ยังเคยให้เราเลยไม่ใช่หรือ? ที่นี่ก็อันตรายมากนะ เรายังไม่มีเลย?”
จีเฉวียนไม่ยอมปล่อยนาง ดวงเนตรหงส์จดจ้องมองนางจนแทบจะทะลุ
ตู๋กูซิงหลัน “!!!” เจ้าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เก็บงำความสามารถได้ลึกล้ำยิ่งนัก
นี่แสดงว่าทุกสิ่งที่นางทำลงไปก่อนหน้านี้ เขาล้วนล่วงรู้ รวมไปถึงเรื่องที่นางส่งยันต์คุ้มภัยไปลอบคุ้มครองเขาด้วย
นางไม่ควรจะคันมือคันไม้ไปยุ่งให้มากความจริงๆ จะต้องเป็นเพราะความห่วงใยอย่างไม่ตั้งใจของนาง ทำให้ฮ่องเต้ผู้นี้เกิดอบอุ่นใจจนคันคะเยอขึ้นมา
“เรารู้ว่าเราเก่งกาจ แต่ว่าหากมียันต์คุ้มภัยของเสี่ยวซิงซิง เราก็จะไม่มวันพ่ายแพ้” จีเฉวียนยังคงกระตุกชายเสื้อของนางต่อไป แม้แต่น้ำเสียงก็นุ่มนวลลงอีกหลายส่วน
เคยเห็นฮ่องเต้ทำตัวออเซาะหรือไม่?
ถ้าไม่เคยเห็น ตอนนี้ก็ควรล้างตาดูให้ดี
ดูพระพักตร์ที่เป็นดั่งภูเขาน้ำแข็งนั่นสิ ตอนนี้กลับทำหน้าออดอ้อนออเซาะออกมาได้ ทำคนเห็นแล้วจะบ้าตาย
——
[1] ประมาณเกือบ 1เมตร
[2] 避水珠
——
คุยกันนิดนึง:
ไรท์: ลูกเต้ทำได้ดีมาก มีการพัฒนา รุกคืบ
(อารมณ์ดี ไรท์ก็ต้องเล่านิทาน ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเลย)
ลูกแก้ววารี: (避水珠) ลูกแก้วนี้ตามตำนานจีนว่ากันว่า มีฤทธิ์ปกป้องผู้ครอบครองจากสายน้ำทั้งปวง เมื่อเก็บไว้กับตัวก็ทำให้สามารถหายใจหรือเดินทางในน้ำได้อย่างอิสระเหมือนบนบก เปิดทางบนคลื่น ผ่านเข้าไปในวังมังกรได้ เป็นลูกแก้วธาตุน้ำ เกิดจากดวงตาของมังกรวารี
ตอนต่อไป? “แก่ชรากันหมด?”
คำเตือน: โปรดเตรียมชุดดำน้ำและแว่นตาให้พร้อม