ตอนที่ 461 หวั่นไหว
“เสด็จพ่อ แม้ลูกจะซื่อบื้อ ทว่า ลูกไม่ได้โง่พ่ะย่ะค่ะ! คนพวกนั้นรังแกลูกทั้งลับหลังและต่อหน้า หลายปีมานี้ มีถงจี๋อยู่ ถงจี๋เสียสละปกป้องลูกด้วยชีวิต ลูกรู้ว่าเสด็จพ่อทรงเหนื่อยกับงานบ้านงานเมืองมากจึงไม่อยากให้เสด็จพ่อหงุดหงิดใจกับเรื่องพรรค์นี้ ดังนั้นลูกเลยได้แต่อดทน บัดนี้ถงจี๋จากไปแล้ว ไม่มีคนคอยปกป้องลูกอีกแล้ว! ในที่สุดลูกก็ตามหาถิงเจินจนเจอ ลูกกลัวว่าถิงเจินจะถูกแย่งไป แล้วลูกจะไม่เหลือสิ่งใดอีกพ่ะย่ะค่ะ ลูกจึงมารบกวนเสด็จพ่อเช่นนี้ เสด็จพ่อได้โปรดช่วยลูกด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เหลียงอ๋องโขกศีรษะลงบนพื้นอย่างแรงสองที ชิวกุ้ยเหรินกระตุกแขนเสื้อของฮ่องเต้ “ฝ่าบาท เหลียงอ๋องจริงใจจนหม่อมฉันซาบซึ้งใจมากเลยเพคะ พระองค์ทรงรับปากเหลียงอ๋อง ช่วยให้พวกเขาสมหวังเถิดเพคะ!”
ฮ๋องเต้มองดูโอรสที่กำลังอ้อนวอนขอร้องเขาอย่างน่าเวทนา จู่ๆ ก็นึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด็กขึ้นมาทันที
ตอนนั้นเขาก็อ่อนแอไร้ความสามารถ กลัวไปเสียทุกเรื่องเช่นนี้เหมือนกัน เพราะไม่เป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อ แม้เขาจะเป็นองค์ชาย ทว่า นางกำนัลในวังที่มีตำแหน่งสูงส่งล้วนกล้ารังแกดูถูกเขา พี่สาวต้องยอมลดตัวไปขอร้องโรงครัวเพื่อขออาหารให้เขาทานในวันเกิดของเขา พวกเขาก็เป็นโอรสและธิดาของจักรพรรดิเหมือนกัน!
ภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาในสมองเป็นฉากๆ ฮ่องเต้กำหมัดแน่น จากนั้นค่อยๆ คลายออก…
โอรสของเขาก็แค่อยากได้สตรีนางหนึ่งเท่านั้น โอรสถึงกับต้องมาอ้อนวอนขอร้องเขาอย่างน่าเวทนาถึงเพียงนี้ เขาเป็นถึงองค์ชาย เป็นโอรสของจักรพรรดิ เหตุใดถึงมีชีวิตที่น่าสงสารถึงเพียงนี้กัน!
หลายปีมานี้ฮ่องเต้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจนเกือบลืมความลำบากและต่ำต้อยในอดีตไปหมดแล้ว บัดนี้เห็นท่าทีน่าสงสารของโอรสตัวเอง ฮ่องเต้อดรู้สึกโมโหและเวทนาขึ้นมาไม่ได้
“เจ้าคือองค์ชาย! คือโอรสของเรา! แค่สตรีนางเดียวเท่านั้น เหตุใดต้องร้องไห้ฟูมฟายถึงเพียงนี้! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้อาละวาดใส่เกาเต๋อเม่า “มัวทำอันใดอยู่! ยังไม่รีบประคองเหลียงอ๋องขึ้นมาอีก!”
เกาเต๋อเม่ารีบเข้าไปประคองเหลียงอ๋องขึ้นมาจากพื้น “รีบลุกขึ้นมาเถิดพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย องค์ชายเป็นถึงโอรสของฝ่าบาท ผู้ใดจะกล้าแย่งสตรีที่องค์ชายชอบกันพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้เป็นหลานชายของราชครูเฉินก็ไม่กล้าแย่งสตรีของโอรสของฝ่าบาทหรอกพ่ะย่ะค่ะ!”
เหลียงอ๋องสะอื้นพลางมองไปทางฮ่องเต้ทั้งน้ำตา
ฮ่องเต้คว้าผ้าเช็ดหน้าจากมือของชิวกุ้ยเหรินเขวี้ยงไปบนพื้น “เช็ดน้ำตาเสีย! ใช้ได้ที่ใดกัน!”
เหลียงอ๋องก้าวไปหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา จากนั้นรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอีกครั้ง “ลูกไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าผู้อื่นพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้อยู่ต่อหน้าเสด็จพ่อ ลูกเลย…”
“ฝ่าบาท เหลียงอ๋องร้องไห้ต่อหน้าเสด็จพ่อของตัวเอง มิเป็นอันใดหรอกเพคะ” ชิวกุ้ยเหรินช่วยแก้ต่าง กลัวว่าฮ่องเต้จะพิโรธเพราะเรื่องนี้
โทสะของฮ่องเต้ลดลงไม่น้อย เหลียงอ๋องเป็นเช่นนี้ เขารู้สึกเหมือนเห็นเงาของตัวเองเมื่อตอนเป็นเด็กในตัวของเหลียงอ๋อง ทว่า เด็กคนนี้อ่อนแอกว่าเขาในตอนนั้น คงเป็นเพราะอย่างนี้ เหลียงอ๋องจึงมีเมตตาและไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์
ที่สำคัญก็คือเหลียงอ๋องจริงใจต่อผู้เป็นบิดาอย่างเขา
“เอาเถิด! แค่สตรีนางเดียว…” ฮ่องเต้ซึ่งเอนกายพิงหมอนอิงอยู่ปัดพู่ซึ่งผูกอยู่ตรงปลายหมอนออกอย่างรำคาญ กล่าวขึ้น “ส่งคนไปตามต่งชิงผิงมา ทิ้งสร้อยนำโชคไว้ที่นี่!”
“เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อทรงอย่าบอกใต้เท้าต่งเรื่องที่ถิงเจินมอบของติดกายของนางให้ลูกนะพ่ะย่ะค่ะ ถิงเจินได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี นางแค่อยากให้เสด็จพ่อเชื่อใจจึงมอบของสิ่งนี้ให้ลูก ลูกไม่อยากให้นางโดนใต้เท้าต่งทำโทษเพราะลูก ยิ่งไม่อยากให้นางโดนผู้อื่นครหาพ่ะย่ะค่ะ!” เหลียงอ๋องรีบกล่าวขึ้น
ฮ่องเต้เดือดดาลขึ้นอีกครั้ง ชิวกุ้ยเหรินรีบกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ฝ่าบาท ทอดพระเนตรเหลียงอ๋องสิเพคะ ยังไม่ทันแต่งงานก็ปกป้องกันถึงเพียงนี้แล้ว! ดีจริงเพคะ หม่อมฉันนึกถึงตอนที่หม่อมฉันทำผิด ฝ่าบาทก็ทรงปกป้องหม่อมฉันต่อหน้าฮองเฮาเช่นนี้ทุกครั้งเลยเพคะ!”
ฮ่องเต้โบกมือให้เหลียงอ๋อง “นำสร้อยนำโชคของเจ้ากลับไป! เกาเต๋อเม่าพาเหลียงอ๋องออกไปด้านนอก เห็นเขาแล้วเราปวดหัว!”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ! ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ!” เหลียงอ๋องใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาทิ้ง ก้มศีรษะคำนับฮ่องเต้ด้วยรอยยิ้ม กำสร้อยนำโชคไว้ในมือแน่นแล้วเดินจากไป
ฮ่องเต้มองโอรสซึ่งดูมีความสุขเสียเต็มประดา จากนั้นขมวดคิ้วแน่น “เหตุใดเราถึงมีโอรสที่ซื่อบื้อเช่นนี้นะ!”
“ทว่า หม่อมฉันดูออกว่าเหลียงอ๋องทรงอยากเป็นโอรสที่ดีของฝ่าบาทจริงๆ นะเพคะ เหลียงอ๋องเสด็จไปเยี่ยนว่อเพื่อไปเชิญนักปรุงยาวิเศษกลับมาปรุงยาให้ฝ่าบาทจนเสียการเสียงาน ถูกขุนนางเหล่านั้นตำหนิก็รับผิดไว้เองทั้งหมด ที่สำคัญก็คือหลังจากฝ่าบาททรงใช้ยาวิเศษนั่น พลานามัยของฝ่าบาทสมบูรณ์แข็งแรงขึ้นมากเพคะ หม่อมฉันรับรู้ได้ดีเลยเพคะ!”
ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนี้จึงลูบมือของชิวกุ้ยเหรินยิ้มๆ
…
ไป๋จิ่นจื้อไปถึงจวนองค์รัชทายาท รายงานเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนฝากฝังให้องค์รัชทายาทฟังจนหมด องค์รัชทายาทตะลึงงัน
เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าน้องชายที่ไร้ความสามารถและอ่อนแอผู้นั้นจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ของตนเอง
“เหลียงอ๋องอยากได้ตำแหน่งองค์รัชทายาทของเราอย่างนั้นหรือ เขาฝันไปหรืออย่างไรกัน!” องค์รัชทายาทแสยะยิ้มเย็น ไม่ได้เห็นเหลียงอ๋องอยู่ในสายตา
ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดแน่น “พี่หญิงใหญ่แค่อยากให้องค์รัชทายาททรงระวังตัวไว้เพคะ ตอนที่พี่หญิงใหญ่ให้หม่อมฉันมารายงานองค์รัชทายาท พี่หญิงใหญ่เตรียมไปที่จวนต่งแล้วเพคะ น่าจะไปเตือนให้ท่านลุงเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าเพคะ”
ฟางเหล่าลูบเคราของตัวเอง “องค์ชาย เกาอี้จวิ้นจู่กล่าวมีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ เหลียงอ๋องก็เป็นโอรสของฝ่าบาท เขามีสิทธิ์ในราชบัลลังก์นี้เช่นเดียวกัน กระหม่อมคิดว่าไม่ว่าเหลียงอ๋องจะต้องการประจบฝ่าบาทหรือต้องการแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลต่ง หากแยกพิจารณาอาจดูเหมือนไม่มีสิ่งใด ทว่า หากเชื่อมสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน องค์ชายควรต้องระวังเหลียงอ๋องไว้พ่ะย่ะค่ะ!”
สีหน้าขององค์รัชทายาทเคร่งขรึมลง
ฟางเหล่าขมวดคิ้วแน่น คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้น “ใต้เท้าต่งชิงเยว่ ผู้ตรวจการเมืองเติงโจวไม่มีบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอก หากเหลียงอ๋องแต่งงานกับบุตรสาวของใต้เท้าต่งชิงผิง หลูซื่อชิง ใต้เท้าต่งชิวเยว่ไม่มีทางเข้าข้างเหลียงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”
“หม่อมฉันนึกขึ้นได้อีกเรื่องเพคะ ทว่า ไม่ทราบหม่อมฉันคิดถูกหรือไม่” ไป๋จิ่นจื้อเบิกตาโพลงมองไปทางองค์รัชทายาท “หม่อมฉันจำได้ว่าตอนงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของฮ่องเต้ ชิวกุ้ยเหรินที่เหลียงอ๋องมอบให้ฝ่าบาทเอาแต่ช่วยกล่าวแก้ต่างให้หนานตูเสียนอ๋อง ไม่ทราบว่าเหลียงอ๋องลอบดึงเสียนอ๋องไปเป็นพวกแล้วหรือไม่”
ฟางเหล่าได้ยินเช่นนี้ ดวงตาไหววูบทันที เขาเดินเข้าไปใกล้องค์รัชทายาท “องค์ชาย! ส่งสาวงามไปให้ฝ่าบาท ลอบดึงเสียนอ๋องที่มีกำลังทหารไปเป็นพวก อีกทั้งรีบร้อนอยากแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลต่ง จุดประสงค์ของเหลียงอ๋องชัดเจนแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
องค์รัชทายาทมองไปทางฟางเหล่า ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะสนับสนุนเขา ทว่า หากนับกันตามศักดิ์แล้ว ไป๋ชิงเหยียนใช้สกุลไป๋ไม่ใช่สกุลต่ง
ที่สำคัญหากเหลียงอ๋องแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลต่ง หากเหลียงอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ ตระกูลต่งจะ
กลายเป็นดองของจักรพรรดิทันที ตระกูลต่งอาจรู้สึกหวั่นไหวกับเรื่องนี้ก็ได้!