ตอนที่ 465 เสียใจภายหลัง
“เจ้าลดเสียงลงหน่อย หากผู้อื่นได้ยินเข้า เจ้าโดนดีแน่!” สตรีซึ่งใช้พัดกลมปิดหน้าหัวเราะใช้พัดตีไปยังสหายเบาๆ อย่างกลั้นหัวเราะพลางกล่าวขึ้น “เจ้าไม่เห็นหรือว่าเกาอี้จวิ้นจู่ซึ่งชอบฟาดแส้ใส่ผู้อื่นอยู่ตรงนั้นด้วย”
คุณหนูสามตระกูลเจินบุตรสาวของเจินเจ๋อผิงได้ยินบทสนทนาของสตรีกลุ่มนั้นก็ไม่พอใจขึ้นทันที “ท่านพ่อของข้ากล่าวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่เก่งกาจไม่แพ้บุรุษ สืบทอดนิสัยของเจิ้นกั๋วอ๋องมาเต็มๆ นอกจากบุตรสาวคนเดียวของตระกูลไป๋อย่างไป๋ซู่ชิวที่เสียสละเดินทางไปรักษาโรคระบาดที่เมืองเจียวโจวในปีนั้น ก็มีองค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่ที่คู่ควรกับคำว่าวีรสตรีที่น่ายกย่อง!”
สตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นแสยะยิ้มให้คุณหนูสามตระกูลเจิน ทว่า ไม่ได้โต้เถียงสิ่งใดอีก สะบัดผ้าเช็ดหน้าในมือเล็กน้อย จากนั้นหันไปมองไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนซึ่งมีไป๋จิ่นจื้อและองครักษ์ติดตามอยู่ด้านหลังเดินผ่านหน้าหอเยี่ยนเชวี่ยไป
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!”
องค์ชายสี่มู่หรงลี่แห่งแคว้นต้าเยี่ยนมาร่วมงานชุมนุมบทกวีกับหลู่หยวนชิ่งและเฉินเจาลู่ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนจึงเอ่ยเรียกอย่างดีใจ ลงมาจากหลังม้า ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
“องค์ชายสี่แห่งต้าเยี่ยน คุณชายหลู คุณชายเฉิน!” เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพทุกคนยิ้มๆ
เฉินเจาลู่และหลู่หยวนชิ่งชื่นชมในความสามารถของเซียวหรงเหยี่ยนมานานแล้ว บทกวี ‘หิมะยามค่ำคืนในเมืองผิงชวน’ ในตอนนั้นของชายหนุ่มโด่งดังไปทั่วทุกแคว้น ต่อมาก็มีผลงานที่น่าชื่นชมออกมาอีกเรื่อยๆ พวกเขาจะไม่นับถือได้อย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงให้เกียรติเซียวหรงเหยี่ยนมาก
“เซียวเซียนเซิง!” ทุกคนทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยนกลับ
“วันนี้หอเยี่ยนเชวี่ยมีงานชุมนุมบทกวี หากองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เกาอี้จวิ้นจู่และเซียวเซียนเซิงไม่รังเกียจ ไปร่วมงานด้วยกันดีหรือไม่ขอรับ” เฉินเจาลู่กล่าวยิ้มๆ ด้วยท่าทีสุภาพ
มู่หรงลี่ไม่อยากให้เฉินเจาลู่ขัดจังหวะท่านอาเก้าและท่านอาสะใภ้เก้าในภายภาคหน้าของตนจึงรีบกล่าวขึ้น “หากองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เกาอี้จวิ้นจู่และเซียวเซียนเซิงมีเรื่องต้องทำก็ไม่ต้องฝืนใจนะขอรับ”
บรรดาคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ซึ่งอยู่ด้านบนเห็นไป๋ชิงเหยียนเป็นที่ต้อนรับของเหล่าบุรุษก็ยิ่งอิจฉาริษยามาก นึกถึงหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูซึ่งเคยถูกองค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงเข้าใจผิดว่าเป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วขึ้นมาได้ จึงกล่าวออกมายิ้มๆ “ได้ยินว่าหนานตูจวิ้นจู่ก็มาร่วมงานชุมนุมบทกวีในครั้งนี้เหมือนกัน หากหนานตูจวิ้นจู่เห็นบุรุษรูปงามในเมืองหลวงห้อมล้อมองค์หญิงเจิ้นกั๋วเช่นนี้ ไม่รู้นางจะอิจฉาสักเพียงใด!”
แม้องค์ชายแห่งต้าเหลียงจะเข้าใจผิด ทว่า เขาสู่ขอหนานตูจวิ้นจู่ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงยอมรับตามนั้น
หนานตูจวิ้นจู่จึงถูกตระกูลฝั่งมารดารั้งให้อยู่ที่เมืองหลวงต่อด้วยกลัวว่าหากหนานตูจวิ้นจู่แต่งงานไปอยู่ต้าเหลียงจะไม่ได้เจอกันอีก ดังนั้นตอนที่เสียนอ๋องเดินทางกลับเมือง หนานตูจวิ้นจู่จึงไม่ได้กลับไปด้วย วันนี้จึงมาร่วมงานชุมนุมบทกวีเช่นเดียวกัน
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีเสน่ห์มากเสียจริง แค่ใบหน้างดงามของนางก็ทำให้บรรดาคุณชายไม่รู้ตั้งเท่าใดในเมืองหลวงสยบแทบเท้านางแล้ว” บุตรสาวคนที่สี่ซึ่งเกิดจากภรรยาเอกของฉู่จงซิ่งเสนาบดีกรมการคลังรู้ตัวว่ากล่าวเกินไปจึงรีบเปลี่ยนเรื่องไปกล่าวถึงกลุ่มคุณชายเจ้าสำราญแทน “โชคดีที่กลุ่มของหลู่หยวนเผิงไม่อยู่ มิเช่นนั้นหากได้ยินชื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เขาคงรีบวิ่งแจ้นสะบัดหางออกไปหานางราวกับสุนัขโง่แน่ๆ”
ได้ยินสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นกล่าวว่าหลู่หยวนเผิงเป็นสุนัขโง่ คุณหนูสามเจินเดือดดาลขึ้นมาทันที นางถลึงตาใส่สตรีผู้นั้น จากนั้นตะโกนไปด้านล่าง “ท่านพี่หยวนชิ่ง คุณหนูสี่ตระกูลฉู่ของเสนาบดีกรมการคลังว่าหลู่หยวนเผิงของตระกูลท่านว่าเป็นสุนัขโง่เจ้าค่ะ!”
“เจ้า!” คุณหนูสี่ฉู่กำด้ามพัดแน่น ถลึงตาใส่คุณหนูสามเจินด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
คุณหนูสามเจินยักคิ้วให้ จากนั้นเดินลงไปด้านล่าง
“ไม่แปลกที่เกิดมาในตระกูลนักรบ ไร้มารยาทจริงๆ !” คุณหนูสี่ฉู่โมโหจนหน้าแดงก่ำ ทว่า ไม่กล้าหันไปมองหลู่หยวนชิ่ง ใช้พัดปิดหน้าตัวเองพลางเดินกลับเข้าไปในห้องรับรอง
หลู่หยวนชิ่งไม่เหมือนหลู่หยวนเผิง แม้ชายหนุ่มจะดูเย็นชาไม่สนใจสิ่งใด ทว่า คนที่ล่วงเกินเขา ไม่เคยมีผู้ใดมีจุดจบที่ดีสักคน ชายหนุ่มจัดการคนเหล่านั้นโดยไม่ทันตั้งตัว เป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นมาก
คุณหนูสามเจินลงมาจากด้านบน ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อยิ้มๆ “ยินดีกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่ด้วยเพคะ!”
“ขอบคุณคุณหนูสามเจิน!” ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพกลับ
“ขอบคุณคุณหนูสามเจิน!” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวยิ้มๆ
“องค์หญิงและจวิ้นจู่มาร่วมงานชุมนุมบทกวีเหมือนกันหรือเพคะ” คุณหนูสามเจินถาม
“พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับซั่วหยาง ยังต้องกลับไปเตรียมของที่จวนอีกมาก วันนี้คงไม่ร่วมสนุกด้วยแล้ว ขอตัวก่อนนะเพคะองค์ชายสี่ คุณชายเฉิน คุณชายหลู่ คุณหนูสามเจิน” ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดอำลา
ไป๋จิ่นจื้อทำตามเช่นเดียวกัน
“เหยี่ยนยังมีเรื่องต้องจัดการ คงไม่อยู่ร่วมสนุกด้วยขอรับ!” เซียวหรงเหยี่ยนขอตัวเช่นเดียวกัน
คุณหนูสามเจินมองแผ่นหลังของคนทั้งสามที่เดินจากไปอย่างองอาจ “น่าอิจฉาจริงๆ ข้าอยากไปออกรบในสนามรบเช่นเดียวกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่บ้าง!”
แสงไฟสว่างไสวของหอเยี่ยนเชวี่ยส่องผ่านโคมไฟสีแดงกระทบลงบนใบหน้าของคุณหนูสามตระกูลเจิน ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวเปล่งปลั่งแดงระเรื่อ ช่างดูงดงามยิ่งนัก
หลู่หยวนชิ่งเงยหน้ามองบรรดาสตรีสูงศักดิ์ที่สนทนากันอยู่ที่ด้านบน เอ่ยถามคุณหนูสามเจิน “เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าบุตรสาวของเสนาบดีกรมการคลังดูหมิ่นหยวนเผิงอย่างนั้นหรือ”
คุณหนูสามเจินได้สติจึงพยักหน้ารัว “คุณหนูสี่ตระกูลฉู่เจ้าค่ะ!”
หลู่หยวนชิ่งพยักหน้า เดินเข้าไปด้านในหอเยี่ยนเชวี่ยพร้อมกับองค์ชายสี่มู่หรงลี่และเฉินเจาลู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ในสายตาของหลู่หยวนชิ่ง ต่อให้หลู่หยวนเผิงจะซื่อบื้อเพียงใดก็คือน้องชายของเขาอยู่ดี เขาว่าได้ ด่าได้ ทว่า ผู้อื่นมาว่าน้องชายของเขาไม่ได้เด็ดขาด!
เซียวหรงเหยี่ยนเดินไปส่งไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อถึงจวนไป๋ซึ่งเปลี่ยนป้ายจวนเป็นจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้ว ชายหนุ่มให้เยว่สือมอบของกำนัลให้ทั้งคู่ จากนั้นโค้งกายอำลา
แม้ทั้งสองคนจะแตะมือสาบานครองรักกันหลังจากใต้หล้าสงบสุขแล้ว ทว่า นั่นเป็นเพียงคำสาบาน พวกนางไม่อาจปล่อยตัวปล่อยใจเป็นอิสระเสรีถึงเพียงนั้นได้
“ไม่ส่งเซียวเซียนเซิงแล้วนะเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนท่ามกลางแสงโคมไฟของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว
“คุณหนูใหญ่ไป๋และคุณหนูสี่เข้าไปด้านในก่อน เหยี่ยนค่อยจากไปขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
ไป๋จิ่นจื้อปิดปากยิ้ม กระแอมออกมาเบาๆ จากนั้นกล่าวขึ้น “เช่นนั้นก็ขออำลาเซียวเซียนเซิงตรงนี้นะเจ้าคะ!”
ใบหูของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำ หญิงสาวพยักหน้าให้เซียวหรงเหยี่ยนเล็กน้อย จากนั้นเดินเข้าไปในจวน
“กลับกันเถิด!” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวยิ้มๆ
ไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จก็ได้รับข่าวจากจวนต่ง
หลังจากต่งชิงผิงกลับไปถึงจวน เขาบอกกับต่งถิงเจินว่าเขากราบทูลฮ่องเต้ให้เหลียงอ๋องส่งแม่สื่อมาสู่ขอที่จวนต่งอย่างเป็นทางการ เขาจะอนุญาต ขออย่าให้เหลียงอ๋องป่าวประกาศเรื่องของติดกายของต่งถิงเจินให้ผู้อื่นรับรู้ มิเช่นนั้นคุณหนูตระกูลต่งคนอื่นๆ คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด
ต่งถิงเจินคุกเข่าคำนับขอบคุณ อีกทั้งสาบานด้วยความมั่นใจว่าเหลียงอ๋องไม่มีทางทำเช่นนั้น
ต่งชิงผิงบอกต่งถิงเจินว่าเมื่อต่งถิงเจินแต่งงานกับเหลียงอ๋องแล้วก็ไม่ต้องกลับมาที่จวนต่งอีก เขาและซ่งซื่อจะถือว่าไม่เคยมีบุตรสาวอย่างนาง
ต่งถิงเจินร้องไห้ด้วยความเสียใจ ทว่า เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของต่งชิงผิงและซ่งซื่อไม่ได้
แสงจันทร์นวลบนท้องฟ้าสาดส่องกระทบพื้นกระเบื้องอิฐตรงระเบียงทางเดินจนสว่าง ไป๋ชิงเหยียนซึ่งอยู่ในชุดฝึกซ้อมนั่งเช็ดหอกเงินหงอิงอยู่บนเก้าอี้หิน หญิงสาวรู้สึกเหมือนเห็นเงาของตัวเองในชาติที่แล้วจากร่างของต่งถิงเจิน
หญิงสาวทั้งสงสารทั้งโมโหต่งถิงเจิน บัดนี้ต่งถิงเจินไม่สนใจคำกล่าวของท่านลุงชิงผิง ขนาดท่านลุงกล่าวถึงเพียงนั้น ถิงเจินก็ยังอยากแต่งงานกับเหลียงอ๋องให้ได้
วันหนึ่ง…หากต่งถิงเจินรู้ว่าตัวเองโดนเหลียงอ๋องหลอกใช้ ไม่รู้ว่านางจะรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดสักเพียงใด