ตอนที่ 493 ชุยซื่อ
เห็นหลูหนิงฮว่าที่ผู้อื่นกล่าวขานกันว่าคือไป๋ซู่ชิวกลับชาติมาเกิดอยู่ด้านในห้อง ทว่า หญิงสาวดูเหมือนจะไม่เห็นฝูรั่วซีและไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกนาง ฮองเฮาจึงข่มไอสังหารไว้
หลูหนิงฮว่าไม่ใช่นางกำนัลธรรมดาในวังหลวง หากผู้ที่ขึ้นชื่อว่าคือไป๋ซู่ชิวกลับชาติมาเกิดเสียชีวิตอยู่ในวังหลวง ฮ่องเต้อาละวาดขึ้นมา ไม่รู้ว่าพระองค์จะสืบเรื่องรู้เรื่องนี้หรือไม่
ฮองเฮากลัวว่าเรื่องของฝูรั่วซีจะถูกเปิดโปงจึงอ้างว่านางใช้ให้นางกำนัลผู้นั้นไปทำเรื่องอื่น ให้คนสนิทของตัวเองไปส่งหลูหนิงฮว่าถึงจวนไป๋ กำชับว่าหากหลูหนิงฮว่ามีท่าทีปกติก็ปล่อยไป ทว่า หากนางมีท่าทีผิดปกติแม้แต่น้อยให้สังหารทันที
หลูหนิงฮว่ารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด เรื่องแรกที่ผุดขึ้นในสมองคือต้องส่งข่าวให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้โดยเร็วที่สุด
หญิงสาวไปที่เรือนของไป๋จิ่นจื้อเป็นลำดับแรก ไป๋จิ่นจื้อเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังนั่งเช็ดผมให้แห้งอยู่หน้าโต๊ะประทินโฉม เมื่อหลูหนิงฮว่าเข้ามา ไป๋จิ่นเซ่อไล่ทุกคนออกไปจนหมด ให้หลูหนิงฮว่าเล่าอย่างละเอียดว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่
เมื่อหลูหนิงฮว่าเข้ามาในห้อง หญิงสาวไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น หยิบพู่กันขึ้นเขียนจดหมายให้ไป๋ชิงเหยียน เขียนไปพลางกล่าวไป “รบกวนคุณหนูสี่นำจดหมายฉบับนี้ไปให้คุณหนูใหญ่ที่ซั่วหยางด้วยนะเจ้าคะ ทว่า ไม่ต้องรีบร้อนจากไปวันนี้! หากเป็นไปได้วันนี้คุณหนูออกไปพบปะสหายในเมืองหลวง จากนั้นไปหาของว่างอร่อยๆ ทานให้เพลิดเพลินเสียก่อน จากนั้นไปเยี่ยมองค์หญิงใหญ่ที่วัดชิงอันแล้วค่อยกลับซั่วหยางเถิดเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าตอนนี้คงมีคนจับตาดูจวนไป๋ของเราอยู่เจ้าค่ะ”
“ท่านอาหลู เกิดเรื่องอันใดขึ้นบอกพวกเราไม่ได้หรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อถามหลูหนิงฮว่า
“อยู่ในเมืองหลวง คุณหนูทั้งสองรู้น้อยเท่าใดยิ่งเป็นผลดีต่อคุณหนูมากที่สุดเจ้าค่ะ” หลูหนิงฮว่าเขียนจดหมายอย่างรวดเร็วด้วยความประหม่า “เมื่อคุณหนูสี่กลับไปพบคุณหนูใหญ่ที่ซั่วหยางก็จะรู้เองเจ้าค่ะ พรุ่งนี้คุณหนูเจ็ดกลับวัดชิงอันพร้อมกับข้า ข้าจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเจ้าค่ะ”
ไม่เพียงแต่ไป๋จิ่นจื้อต้องออกไปพบปะสหายในเมืองหลวงแล้วค่อยจากไป หลูหนิงฮว่าเองก็ต้องออกไปตรวจอาการของเด็กกำพร้าที่สำนักสงเคราะห์ จัดซื้อยาสมุนไพรที่ร้ายยาและซื้อของว่างไปฝากองค์หญิงใหญ่ตามปกติเช่นเดียวกัน
ไป๋จิ่นจื้อและไป๋จิ่นเซ่อไม่ใช่เด็กไม่รู้ความ เมื่อเห็นหลูหนิงฮว่ายังคงเขียนจดหมายอยู่ ไป๋จิ่นจื้อจึงสั่งให้คนไปเชิญอาหรงหลานสาวของหมอหลวงหวงแห่งตระกูลหวงไปดื่มชาที่หอเยี่ยนเชวี่ย
หลูหนิงฮว่ายื่นจดหมายที่พับเรียบร้อยส่งให้ไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นกลับไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ จากนั้นพาไป๋จิ่นเซ่อออกจากจวนมุ่งหน้าไปยังสำนักสงเคราะห์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามปกติ
ไม่นาน ไป๋จิ่นจื้อก็ขี่ม้าไปยังหอเยี่ยนเชวี่ยเช่นเดียวกัน เมื่อหญิงสาวไปถึง รถม้าของตระกูลหวงเพิ่งจอดสนิทที่หน้าหอเยี่ยนเชวี่ยเช่นเดียวกัน อาหรงแห่งตระกูลหวงเอ่ยทักทายไป๋จิ่นจื้อด้วยความดีใจ สาวน้อยทั้งสองจับมือสนทนากันขึ้นไปด้านบนของหอเยี่ยนเชวี่ยอย่างมีความสุข
ทุกอย่างในตระกูลไป๋เป็นปกติดี
เมื่อข่าวส่งไปถึงวังหลวง ฮองเฮาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก มิเช่นนั้นหากสังหารหลูหนิงฮว่า นางต้องตามเก็บเรื่องราวอีกมากมาย บัดนี้คนที่นางเรียกใช้งานได้มีไม่มาก ฝูรั่วซีไม่ยอมช่วยเหลือนาง อีกทั้งเกลี้ยกล่อมให้นางล้มเลิกความคิดที่จะก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์
ฮองเฮายืนเงยหน้ามองดูดวงอาทิตย์ยามกลางวันซึ่งกำลังส่องแสงเจิดจ้าอยู่ใต้ชายคาตำหนัก รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาชั่ววูบ
ยอมรับชะตากรรมอย่างนั้นหรือ!
นางไม่เคยคิดยอมแพ้ชะตากรรม มิเช่นนั้นนางคงไม่ได้มาอยู่บนจุดสูงสุดของสตรีในวังหลวงเช่นนี้!
โอรสของนางคือบุตรที่เกิดจากภรรยาเอก สมควรได้สืบทอดแผ่นดินแห่งนี้! มิเช่นนั้นนางจะทอดทิ้งชายผู้เป็นที่รัก แย่งชิงตำแหน่งนี้มาครอบครองโดยไม่เลือกวิธี คลอดบุตรชายออกมาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นนี้ไปเพราะเหตุใดกัน เพื่อเป็นฮองเฮาที่ไม่มีอำนาจใดๆ อย่างนั้นหรือ
ตระกูลไป๋ในซั่วหยางได้รับจดหมายในช่วงบ่าย ตระกูลต่งจากเติงโจวเดินทางมาถึงเมืองซั่วหยางแล้ว
ไป๋ชิงผิงรู้ว่าต่งฉางหลานจะมาจึงมาช่วยต่งซื่อรอต้อนรับต่งฉางหลานที่จวนไป๋
คงเป็นเพราะสองสามวันนี้ไป๋ชิงผิงถูกฟางซื่อกวนใจจนนอนไม่หลับ ใต้ตาของเขาจึงดำคล้ำ ดูไม่ค่อยสดชื่นสักเท่าใดนัก
ต่งซื่อพาต่งถิงเจินและไป๋ชิงเหยียนออกไปรอต้อนรับต่งฉางหลานและภรรยาที่หน้าประตูจวน มองเห็นบุรุษรูปงามขี่ม้าขาวนำอยู่หน้าขบวนมาแต่ไกล
“ท่านพี่ฉางหลาน นั่นท่านพี่ฉางหลานเจ้าค่ะ!” ต่งถิงเจินชี้ไปยังที่ไกลๆ พลางเอ่ยบอกต่งซื่อเสียงเบา
แม้ต่งฉางหลานจะไม่ได้มีใบหน้าคมคายเท่ากับต่งฉางหยวน ทว่า จมูกของชายหนุ่มคมสัน ดวงตากลมโต ถือเป็นบุรุษรูปงามคนหนึ่ง
ชายหนุ่มสวมหมวกขุนนางไว้บนศีรษะ สวมเสื้อคลุมตัวยาวสีเขียวอ่อนซึ่งมีลวดลายก้อนเมฆปักไว้ด้านซ้ายของแขนเสื้อ มือซ้ายกุมบังเหียน มือขวาซึ่งปล่อยแนบลำตัวถือแส้ม้าสีดำแน่น ใบหน้าสุขุม รูปงาม เป็นที่สะดุดตายิ่งนัก
ต่งซื่อเห็นหน้าหลานชายของตัวเองจึงรู้สึกดีใจมาก คราวที่แล้วที่เจอกันคือตอนที่ต่งฉางหลานแต่งงานในวันที่เก้า เดือนสาม ปีที่แล้ว หนึ่งปีผ่านพ้นไป ตระกูลไป๋เผชิญความเปลี่ยนแปลงมากมาย จากตระกูลสูงศักดิ์ที่เคยมีบุตรหลานเต็มบ้านเต็มเมือง บัดนี้สตรีหม้ายของตระกูลไป๋ต้องย้ายถิ่นฐานกลับมาอยู่ที่ซั่วหยาง ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ต่งฉางหลานเห็นต่งซื่อ ต่งถิงเจินและร่างผอมเพรียวของไป๋ชิงเหยียนที่ยืนเอามือไขว้หลังมาแต่ไกล ใบหน้าของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มขึ้น หันไปสั่งให้ขบวนเร่งเดินทาง ส่วนตนขี่ม้าเร็วไปด้านหน้าก่อน ชายหนุ่มลงมาจากหลังม้า ถลกชายชุดคลุมแล้วคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น “ฉางหลานคารวะท่านป้าขอรับ!”
ต่งฉางหลานมีฟันเขี้ยวด้านหน้าสองซี่เช่นเดียวกับต่งชิงเยว่ เมื่อยิ้มเห็นฟันเขี้ยวจึงทั้งดูน่าเอ็นดูและดูสุขุม
ต่งซื่อถลกกระโปรงขึ้นเล็กน้อยพลางเร่งฝีเท้าเดินลงบันไดเข้าไปพยุงให้ต่งฉางหลานลุกขึ้น มองสำรวจหลานชายด้วยรอยยิ้ม “ฉางหลานสูงขึ้นกว่าตอนเจอกันปีที่แล้วมาก คล้ำลงด้วย!”
“ท่านพี่ฉางหลาน!” ต่งถิงเจินทำความเคารพต่งฉางหลานยิ้มๆ
“พี่หญิง…” ต่งฉางหลานทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
ต่งฉางหลานเด็กกว่าไป๋ชิงเหยียนแค่เดือนเดียว ทว่า เพราะเป็นบุตรชายคนโต เขาจึงทั้งดูสุขุมและอบอุ่น
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ แนะนำไป๋ชิงผิงให้ต่งฉางหลานรู้จัก “นี่คือไป๋ชิงผิง น้องชายในตระกูลบรรพบุรุษของพี่”
ไป๋ชิงผิงรีบโค้งกายคำนับต่งฉางหลาน “ญาติผู้พี่!”
ต่งฉางหลานพอได้ยินเรื่องราวไม่ดีของตระกูลบรรพบุรุษไป๋มาบ้าง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนแนะนำไป๋ชิงผิงให้ตนได้รู้จักด้วยตัวเอง แสดงว่าคนผู้นี้คงแตกต่างจากคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋คนอื่นๆ
“น้องชาย!” ต่งฉางหลานทำความเคารพกลับไป๋ชิงผิงอย่างให้เกียรติด้วยรอยยิ้ม
รถม้าซึ่งมีชุยซื่อภรรยาของต่งฉางหลานนั่งอยู่ในรถค่อยๆ เคลื่อนมาหยุดที่หน้าจวน สาวใช้ตระกูลต่งเปิดประตูรถม้าออกเบาๆ แหวกม่านออก ชุยซื่อซึ่งสวมเสื้อท่อนบนเนื้อละเอียดสีฟ้าอ่อนและกระโปรงผ้าไหมสีเงินซึ่งมีลายไผ่ที่ชายกระโปรงค่อยๆ ลงมาจากรถม้า จากนั้นทำความเคารพต่งซื่อ ไป๋ชิงเหยียนและต่งถิงเจินอย่างมีมารยาท “ท่านป้า พี่หญิง น้องถิงเจิน!”
ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งเคยพบชุยซื่อเป็นครั้งแรก หญิงสาวคือหญิงงามคนหนึ่ง ใบหน้าของหญิงสาวสะอาดเกลี้ยงเกลา ผิวเนียนละเอียด ประกอบกับหญิงสาวอยู่ในชุดสีฟ้าอ่อนราวกับน้ำใสในลำธารยามฤดูร้อน ทำให้คนมองรู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก
“หรงเจี่ยงามกว่าเมื่อก่อนมากนัก!” ต่งซื่อเข้าไปกุมมือชุยซื่อ “ไปสนทนากันต่อที่ด้านในเถิด!”
ไป๋ชิงผิงผายมือเชิญต่งฉางหลานยิ้มๆ “เชิญญาติผู้พี่ขอรับ!”
ต่งฉางหลานพยักหน้าเดินตามหลังต่งซื่อเข้าไปด้านในจวนไป๋โดยไม่ได้รู้สึกเกร็งแม้แต่น้อย
เมื่อบรรดาเจ้านายเดินเข้าไปในจวนแล้ว ฉินหมัวมัวและพ่อบ้านเหารีบเดินลงบันไดไปต้อนรับและจัดที่พักให้บรรดาบ่าวรับใช้และองครักษ์ของตระกูลต่ง สั่งให้คนขนสัมภาระของต่งฉางหลานและชุยซื่อเข้าไปด้านใน จากนั้นสนทนากับหมัวมัวซึ่งติดตามต่งฉางหลานและชุยซื่อมายังซั่วหยางอย่างเป็นกันเอง
ต่งซื่อจูงมือชุยซื่อเดินนำอยู่ด้านหน้าสุด ชุยซื่อเป็นคนปากหวาน กล่าวหยอกต่งซื่อว่าต่งเหล่าไท่จวินแทบจะขนข้าวของที่เติงโจวมาให้ต่งซื่อทั้งหมด ต่งซื่อหัวเราะอย่างมีความสุข