สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 497 สายเลือด

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 497 สายเลือด

เมื่อเสียงกลองเติงเหวินดังขึ้น ใจของเกาเต๋อเม่ากระตุกวูบ ไม่รู้ว่ามีเรื่องใหญ่อันใดเกิดขึ้นอีกกันแน่ เมื่อได้ยินฮ่องเต้เรียกเขาเสียงดังลั่น เกาเต๋อเม่าจึงรีบวิ่งเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว “กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดจึงมีเสียงกลองเติงเหวินดังขึ้นอีกแล้ว!”

ได้ยินเสียงตวาดของฮ่องเต้ก็รู้ได้ทันทีว่าพระองค์ทรงพิโรธเป็นอย่างมาก

“ฝ่าบาททรงระงับโทสะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมส่งคนไปถามแล้ว อีกไม่นานคงได้คำตอบพ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาททรงอย่าเพิ่งร้อนพระทัยไปพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะออกไปรอฟังข่าวอยู่ที่ด้านนอกแล้วจะรีบกลับมาทูลทันทีที่ได้รับข่าวพ่ะย่ะค่ะ!” เกาเต๋อเม่าคุกเข่าลงกับพื้นพลางกล่าวปลอบฮ่องเต้ให้สงบลง

มองดูเกาเต๋อเม่าวิ่งออกไปด้านนอก ฮ่องเต้ขบกรามแน่น ใบหน้าดำทะมึน ในใจรู้สึกโกรธแค้นไป๋ชิงเหยียนขึ้นอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะไป๋ชิงเหยียนเป็นคนเริ่ม กลองเติงเหวินจะดังติดต่อกันหลายครั้งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

ชาวบ้านมากมายรวมตัวกันอยู่หน้าประตูอู่เต๋อ

สตรีกลางคนและชายฉกรรจ์เดินร้องไห้มาตลอดทาง เมื่อมาถึงก็ขึ้นไปตีกลองเติงเหวินทันที กล่าวว่าผู้ดูแลจวนหวังแห่งซอยจิ่วชวีและเหลียงอ๋องเห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลา จับตัวเด็กไปปรุงยาวิเศษราวกับสัตว์เดรัจฉาน ขอร้องให้ฮ่องเต้ช่วยชีวิตเด็กที่ถูกขังอยู่ในจวนเหลียงอ๋องออกมา!

ช่วงนี้ข่าวเด็กสูญหายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกเด็กขอทานสูญหาย ต่อมามีคนพบศพของเด็กขอทานที่หายไปในป่า ต่อมาเด็กนอกเมืองหลวงเริ่มสูญหาย อาจเป็นเพราะอยู่ใกล้เมืองหลวง เมื่อทางการเริ่มเข้มงวดมากขึ้นจึงไม่มีเด็กสูญหายอีก ทว่า กลับเกิดคดีโจรป่าลักพาตัวเด็กขึ้นที่ซั่วหยางแทน!

บุตรชายสองคนของสองสามีภรรยาชาวนาคู่นี้ถูกลักพาตัวที่นอกเมือง ทั้งสองคนพาชายหนุ่มซึ่งถูกเชือกมัดแน่นมาตีกลองเติงเหวินร้องทุกข์ พยานบุคคลอยู่ที่นี่ หลักฐานอยู่ที่จวนเหลียงอ๋อง อ้อนวอนขอให้ฝ่าบาทส่งคนไปตรวจสอบที่จวนเหลียงอ๋องโดยเร็วที่สุด

ทั้งสองคนไม่รู้หนังสือจึงไม่มีหนังสือร้องทุกข์ คนหนึ่งเอาแต่ร้องไห้อ้อนวอนขอให้ฮ่องเต้ช่วยเหลือพวกเขา ช่วยบุตรทั้งสองของพวกเขาออกมา กลัวว่าหากสายเกินไป บุตรทั้งสองอาจถูกนำไปปรุงยาวิเศษ

ฟางเหล่าเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว เรื่องที่เหลียงอ๋องใช้เด็กปรุงยาวิเศษมันฟังดูน่าหวาดกลัวเกินไป ก่อนที่สองสามีภรรยาชาวนาคู่นี้จะมาร้องทุกข์ที่หน้าประตูอู่เต๋อ ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงก่อนแล้ว

เมื่อคนรายงานเรื่องนี้กับฮ่องเต้ ฮ่องเต้ถึงกับตะลึงงัน สีหน้าแย่ลงกว่าเดิม ทว่า เพราะมีชนักติดหลัง เขาจึงคลายโทสะลงมาก

เมื่อได้ยินว่าชายฉกรรจ์ที่มาตีกลองร้องทุกข์ถูกโบยไปหนึ่งร้อยที บัดนี้ร่างโชกไปด้วยเลือด ฮ่องเต้จึงขบกรามแน่น “บอกให้พวกนั้นหยุดโบยได้แล้ว!”

เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องสืบสวนให้แน่ชัด ฮ่องเต้เดาได้แล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

เหลียงอ๋องปรุงยาวิเศษให้ฮ่องเต้ ทว่า ฮ่องเต้ไม่รู้ว่าเหลียงอ๋องใช้เด็กมาปรุงยา

“ไปตามเหลียงอ๋องมา!” ฮ่องเต้กล่าวเสียงรอดไรฟัน

“พ่ะย่ะค่ะ!” เกาเต๋อเม่ารีบสั่งให้คนไปตามเหลียงอ๋องเข้ามาในวัง

เหลียงอ๋องยังไม่ทันเข้ามาในวัง ผู้ตรวจการเมืองและผู้พิพากษาศาลต้าหลี่หลู่จิ้นกลับเข้ามาในวังก่อน

หลู่จิ้นกล่าวว่าเรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หากไม่รีบจัดการโดยเร็วที่สุด ชาวบ้านอาจสงสัยในอำนาจของราชวงศ์และเกิดเรื่องเลวร้ายตามมาภายหลังได้

ผู้ตรวจการคุกเข่าคำนับศีรษะแนบพื้นขอร้องฮ่องเต้ให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดเช่นเดียวกัน หากเรื่องนี้คือเรื่องจริงควรลงโทษเหลียงอ๋องอย่างหนัก ปล่อยให้เขาทำเช่นนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด

ฮ่องเต้กำหมัดแน่น กล่าวขึ้น “เราให้คนไปตามเหลียงอ๋องมาเข้าเฝ้าแล้ว! ทั้งสองคนอย่าเพิ่งร้อนใจไป”

“ฝ่าบาท!” ผู้ตรวจการถลาไปด้านหน้า กล่าวขึ้น “ฝ่าบาทควรสั่งให้แม่ทัพเซี่ยอวี่จั่งนำทัพไปล้อมจวนเหลียงอ๋องไว้ก่อน กันเหลียงอ๋องทำลายหลักฐานพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ขบกรามแน่น หากเรื่องที่เหลียงอ๋องลอบปรุงยาวิเศษให้เขาถูกเปิดโปง ชาวบ้านต้องครหาว่าเขาเป็นคนถ่อยที่ฝ่าฝืนคำสั่งสอนของบรรพบุรุษ ชาวบ้านต้องคิดว่าฮ่องเต้อย่างเขาใช้เด็กมาปรุงยาเพราะต้องการมีชีวิตที่ยืนยาว ถึงเวลานั้นเขาคงแก้ต่างไม่ขึ้นแน่นอน

“จับคนมาหนึ่งคนแล้วอ้างว่าเป็นพยานอย่างนั้นหรือ หากเหตุผลเพียงแค่นี้ก็สั่งให้ทหารไปล้อมจวนเหลียงอ๋องเอาไว้ อำนาจของราชวงศ์อยู่ที่ใดกัน!” ฮ่องเต้แสร้งตวาดออกมาอย่างโมโห “จับกุมตัวผู้ที่มาร้องทุกข์และพยานไว้ก่อน รอให้เราสอบถามเหลียงอ๋องเสร็จค่อยว่ากัน!”

ฮ่องเต้กล่าวจบก็สะบัดชายเสื้อคลุมเดินจากไปทันที

ภายในท้องพระโรงเหลือเพียงผู้พิพากษาศาลต้าหลี่หลู่จิ้นและผู้ตรวจการซึ่งกำลังหันไปมองทางองค์รัชทายาทเป็นตาเดียว ทว่า องค์รัชทายาทหวาดกลัวฮ่องเต้มาแต่ไหนแต่ไร ฮ่องเต้กำลังเดือดดาลถึงเพียงนี้ องค์รัชทายาทจะกล้าเสี่ยงโน้มน้าวได้อย่างไรกัน

ไป๋จิ่นซิ่วซึ่งอยู่ที่จวนฉินได้ยินข่าวนี้เช่นเดียวกัน หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นวางช้อนเงินเล็กสำหรับตักนมผงลงบนโต๊ะ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก หันไปสั่งให้ชุ่ยปี้ส่งองครักษ์ยอดฝีมือไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของจวนเหลียงอ๋องและจวนหวังแห่งซอยจิ่วชวีเอาไว้ หากพวกเขาลงมือเคลื่อนย้ายหลักฐานหรือฆ่าคนปิดปาก ให้ช่วยเหลือชีวิตเด็กเหล่านั้นไว้ให้ได้ไม่ว่าต้องใช้วิธีใดก็ตาม นอกจากนั้นให้พยายามหาทางทำให้ชาวบ้านรับรู้เรื่องนี้ด้วย

เมื่อสั่งงานเสร็จ ไป๋จิ่นซิ่วนั่งลูบท้องตัวเองอยู่ริมหน้าต่างอย่างแผ่วเบา แม้พี่หญิงใหญ่ไม่อยากให้นางเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่า นางสามารถทำให้เรื่องมันวุ่นวายกว่าเดิมได้

อิ๋นซวงเห็นชุ่ยปี้จากไปทำตามคำสั่งจึงเดินเข้าไปใกล้ไป๋จิ่นซิ่ว ดวงตากลมมองไปทางไป๋จิ่นซิ่วด้วยแววตาที่เป็นประกาย รอให้ไป๋จิ่นซิ่วมอบหมายภารกิจให้นางทำ

ไป๋จิ่นซิ่วมองอิ๋นซวง จากนั้นกล่าวออกมายิ้มๆ “อิ๋นซวง เจ้าช่วยไปขอเครื่องเคียงสองสามชนิดจากท่านแม่ของข้าที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาให้ข้าทีเถิด ตอนนี้ข้าไม่สะดวกออกไปด้านนอก ทว่า คิดถึงฝีมือของท่านแม่มาก”

อิ๋นซวงรับคำอย่างหนักแน่น “เจ้าค่ะ!”

เหลียงอ๋องถูกเชิญตัวเข้าไปในวัง จวนหวังแห่งซอยจิ่วชวีวุ่นวายไปทั้งจวน

ตระกูลหวังรู้เพียงว่าเหลียงอ๋องต้องการเด็ก ทว่า พวกเขาไม่รู้ว่าเหลียงอ๋องจะนำเด็กไปปรุงยาวิเศษเช่นนี้!

ที่สำคัญ หวังคุนบุตรชายคนเดียวของตระกูลหวังเป็นคนไม่เอาไหน ไม่เพียงชอบเด็กหนุ่มหน้าตาดี ทว่า ยังชอบตัดแขนตัดขาของเด็กหนุ่มเหล่านั้นอีกด้วย

เด็กที่ถูกส่งตัวไปยังจวนเหลียงอ๋องเหล่านั้น หวังคุนแอบผู้ใหญ่ในตระกูลคัดเด็กชายที่ตนเองชอบเอาไว้ส่วนหนึ่งแล้ว ที่เหลือถึงส่งไปยังจวนเหลียงอ๋อง

หากเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมา เหลียงอ๋องเป็นองค์ชายอาจไม่เป็นอันใดมาก…คนที่จะตกที่นั่งลำบากเป็นคนแรกคือตระกูลหวังของพวกเขา!

เด็กชายเหล่านั้นไม่มีสัญญาทาส พวกเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา!

หวังเซียงเซินร้อนใจเป็นอย่างมาก รีบสั่งให้คนไปจัดการกับเด็กหนุ่มที่หวังคุนซุกซ่อนไว้ให้เกลี้ยง หวังคุนไม่เต็มใจ ทว่า ได้ยินบิดาของตนกล่าวว่าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วจึงไม่กล้าขัดขืนอีก ปล่อยให้บิดาของตนจัดการตามใจชอบ

หวังเซียงเซินสั่งให้คนสังหารชายหนุ่มและเด็กชายที่หวังคุนเพิ่งรับเข้ามาในจวนได้ไม่นานทั้งหมด จากนั้นนำไปโยนในบ่อน้ำแห้งแล้วกลบบ่อน้ำทำลายหลักฐาน

ไป๋ชิงเสวียนเป็นหนึ่งในของเล่นที่หวังคุนชอบมากที่สุด เขาไม่เพียงมีใบหน้าที่งดงาม ทุกครั้งที่แสดงสีหน้าหวาดกลัว ยิ่งทำให้หวังคุนชื่นชอบมากเป็นพิเศษ

บัดนี้ไป๋ชิงเสวียนเป็นใบ้ ทว่า เขาไม่ได้หูหนวก เขาถูกหวังคุนจับยัดใส่กระถางต้นไม้กระเบื้องสีขาว เมื่อได้ยินคำกล่าวของหวังเซียงเซินจึงเบิกตาโพลง ร้องอู้อี้ขอความช่วยเหลือ

หวังคุนหันไปเห็นใบหน้าขาวซีดของไป๋ชิงเสวียนจึงหันไปขอร้องบิดาให้เหลือไป๋ชิงเสวียนไว้ให้เขาสักคน ทว่า หวังเซียงเซินกล่าวว่าหากรอดเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ หวังคุนอยากนำมาเพิ่มอีกกี่คนก็ได้ หวังคุนจึงพยักหน้ารับอย่างปวดใจ ไม่หันไปมองไป๋ชิงเสวียนอีก

แววตาของไป๋ชิงเสวียนเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด เขาคือหลานชายของเจิ้นกั๋วอ๋อง เป็นหลานชายคนเดียวที่เหลืออยู่ของเจิ้นกั๋วอ๋อง! เป็นสายเลือดเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ พวกเขากล้าทำเช่นนี้กับเขาได้อย่างไร! กล้าดีอย่างไรกัน!

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท