เหล่าทหารสวมเกราะสีเงินยวง ในมือถือดาบและธนู บนหลังมีธงสีทองของแคว้นต้าโจว
เหล่าทหารที่อยู่ด้านหน้าขี่อยู่บนหลังของสุนัขป่า สุนัขป่าเหล่านั้นตัวใหญ่มาก แต่ละตัวดุดันร้ายกาจ!
ที่ด้านหลังของเหล่าทหาร มีฝูงสุนัขป่ามากมายรายล้อมอยู่ แม้จำนวนจะไม่ถึงหมื่นแต่ก็ต้องมีอยู่หลายพัน
ฉากเช่นนี้…..สงครามของเทพเซียนที่เล่าขานกันในตำนาน
ทั้งหมดนี่คือ……กองทัพของแคว้นต้าโจว?
ผู้คนทั้งหมดต่างตื่นตะลึงไปแล้ว
เหยียนเฉียวหลัวยิ่งตกตะลึงอยู่กับที่ สมองกลายเป็นสีขาวโพลนไปหมด
นี่….นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?
กองทหารนับพัน สุนัขป่าจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเขาขึ้นมาบนเขาเทียนซานได้อย่างไร?
ในขณะที่ฝูงชนกำลังตื่นตะลึงและมีแต่สีหน้างุนงงอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงนายทัพที่ถือดาบใหญ่ผู้นั้นลงมาจากบนหลังของสุนัขป่า กระชับดาบเล่มใหญ่เดินมาถึงเบื้องหน้าจีเฉวียน เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งประสานหมัดคำนับ “แม่ทัพผู้พิชิตแห่งแคว้นต้าโจวตู๋กูจุน ถวายพระพรฝ่าบาท!”
ทันทีที่ตู๋กูจุนกล่าวออกมา ก็ได้ยินเสียงของเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังของเขาส่งเสียงประสานตาม ทั้งหมดคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น เปล่งเสียงดังว่า “กองทหารแคว้นต้าโจว ถวายพระพรฝ่าบาท!”
น้ำเสียงดังกึกก้อง สะท้อนไปทั่วทั้งภูเขาเทียนซาน
แม้แต่พื้นดินใต้ฝ่าเท้าก็ยังสั่นสะเทือน ต้นไม้หนามที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ถูกไอสังหารบนร่างของพวกเขากดดันเสียจนต้องครั่นคร้าม พากันถดถอยไปยังด้านหลัง
จีเฉวียนใช้พระหัตถ์ข้างหนึ่งประคองตู๋กูจุนให้ลุกขึ้น “แม่ทัพผู้พิชิตรีบรุดมาไกลนับพันลี้ มิต้องมากมารยาทไป”
ตรัสแล้ว ก็กวาดสายพระเนตรที่น่าเกรงขามไปทางกองทัพของตู๋กูจุน “ทหารทั้งหลายลุกขึ้นได้”
กองทหารทั้งหมดถึงได้ลุกขึ้นยืน
หากเปรียบเทียบกับเหล่าทหารที่ยืนอยู่ในนี้ กองทัพของแคว้นต้าโจวยังองอาจน่าเกรงขามกว่ามากนัก แต่ละคนคล้ายดังดาบที่ผ่านการชโลมเลือดมาแล้ว เมื่อมีทหารเช่นนี้นับพันอยู่รวมกันในที่นี่ ไอสังหารเหล่านั้นก็พวยพุ่งขึ้นฟ้าสร้างความกดดันไปทั่วทั้งภูเขาเทียนซาน
ภายใต้หน้ากาก องค์ชายน้อยถึงกลับหน้าเปลี่ยนสี
แม้แต่ตัวเขาก็ยังคาดไม่ถึง ว่าจีเฉวียนจะถึงกับเรียกกองทหารของตู๋กูจุนที่อยู่ไกลถึงเป่ยเจียงมายังที่นี่!
และตลอดทางที่มานี้ เขาถึงกลับไม่ได้ยินข่าวคราวเลยแม้แต่นิดเดียว?
พวกเขาขี่สุนัขป่าเหล่านั้นมา ดูจากลักษณะแล้วนั่นเป็นสุนัขป่าตะวันตกของแดนเป่ยเจียง!
พวกเขาขี่สุนัขป่าตะวันตกมาตลอดทาง?
ตระกูลตู๋กูไม่เพียงแต่พิชิตแดนเป่ยเจียงได้เท่านั้น แม้แต่สุนัขป่าตะวันตกก็ยังสามารถพิชิตได้ด้วย?
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า สุนัขป่าตะวันตกคือสัตว์เทพที่เผ่าอาปู้ไซแห่งแดนเป่ยเจียงเลี้ยงดูด้วยความเคารพเทิดทูน ยามปกติมีแต่จะคอยรอรับบรรณาการจากเผ่าอาปู้ไซ ตอนนี้กลับยอมรับใช้ทั้งกายและใจต่อตระกูลตู๋กู?
ไม่…พวกมันกำลังหมอบคำนับให้กับฮ่องเต้แห่งต้าโจว จีเฉวียน
ยามนี้ ไม่เพียงแต่กองทัพของตระกูลตู๋กูที่คุกเข่าคำนับให้กับจีเฉวียน แม้แต่สุนัขป่าตะวันตกยังก้มศีรษะให้ แสดงความอ่อนน้อมต่อจีเฉวียนออกมา
ดูสิ….ผู้อื่นต่างก็นำเหล่านักพรตมา แต่ว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจวผู้นี้ยกกันมาทีหนึ่ง ก็ล้วนแต่เป็นกองทัพที่กวาดล้างเข่นฆ่าศัตรู
ผู้คนทั้งหลายต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ปากของแต่ละคนกว้างขนาดจะกลืนไข่ไก่ทั้งใบลงไปได้
ที่ต้าโจวยกมาคือกองทัพ ไม่ใช่นักพรต….
แต่ว่าแค่บรรยากาศในตอนนี้ ก็มีแรงกดดันที่มากเกินไปแล้ว หากมีใครกล้าไม่เห็นด้วย ขอเพียงแค่ฮ่องเต้แคว้นโจวมีพระบัญชา ก็สามารถจะถล่มภูเขาเทียนซานนี้ให้ราบเรียบ จัดการฝังกลบพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ที่นี่
จีเฉวียนยังมิทันได้รับสั่งว่าอะไร ก็มีบางคนเริ่มสำนึกเสียใจแล้ว……
ทำไมพวกเขาถึงได้ถูกคำพูดเพียงไม่กี่คำของเหยียนเฉียวหลัวหลอกลวงเอาได้นะ?
พวกเขาต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว ฮ่องเต้พระองค์ใหม่แห้งแคว้นต้าโจว มีฝีมือโหดเ**้ยมไร้ไมตรี มิว่าจะทำสิ่งใดล้วนแล้วแต่มีแผนการรัดกุม เขาไหนเลยจะพาเพียงองครักษ์ไม่กี่สิบคนมาตามหาขุมทรัพย์ได้กัน?
พอมองเห็นสถานการณ์มาถึงจุดเปลี่ยนแล้ว ตู๋กูเจวี๋ยก็โผเข้าไปอยู่ข้างกายตู๋กูจุน ลูบคลำดาบเล่มใหญ่ในมือของเขา ส่งเสียด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง “พี่ใหญ่ ท่านมาแล้ว”
ตู๋กูจุนเหลือบมองดูเขาแวบหนึ่ง เห็นใบหน้าขาวๆ ของเขามีชั้นน้ำแข็งเกาะบางๆ ชั้นหนึ่ง ริมฝีปากม่วงๆ นั้นยู่เข้าหากกันจนเป็นปากนก จึงล้วงเอาเตาอุ่นมือออกมาจากอกส่งให้เขาไป “ข้าไม่มีเวลาคุ้มครองเจ้า อย่าตายละ”
ตู๋กูเจวี๋ยรับเตาอุ่นมือมา ตบอกตนเองเบาๆ “พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น วางใจเถอะ ข้าอายุยืนอยู่แล้ว ไม่ตายแน่นอน”
ว่าแล้ว เขาก็มองเข้าไปในกลุ่มทหารตระกูลตู๋กูที่อยู่ด้านหลังตู๋กูจุนครั้งหนึ่ง “ทำไม ท่านปู่มิได้มาด้วยล่ะ?”
เขายังนึกว่า ขุมทรัพย์ที่มีแรงดึงดูดใจมากขนาดนี้ ท่านปู่จะต้องรีบมาอย่างแน่นอน
“ที่แดนเป่ยเจียงยังต้องให้ท่านปู่นั่งบัญชาการ ท่านไม่อาจถอนตัวออกมาได้” ตู๋กูจุนคว้าจับเขาขึ้นมา เหวี่ยงลงไปบนหลังสุนัขป่าของตนเอง “อยู่ให้ดีๆ อย่าได้ยุ่งวุ่นวาย ประเดี๋ยวตอนสู้กัน ข้าไม่มีเวลาดูแลเจ้า”
น้องรองคนนี้เหมือนกับกระบวยตักปุ๋ย [1] ที่ใดมีเหตุเขาเป็นต้องโผล่หัวไปที่นั่น ตู๋กูจุนคาดไม่ถึงจริงๆ ว่า เขาจะมาถึงที่นี่ด้วย
หรือจีเฉวียนจะตั้งพระทัยดึงตัวเขามากัน?
ตนเองกับท่านปู่ต่างก็ได้รับพระบัญชาและจดหมายของน้องรองในเวลาพร้อมๆ กัน
ในจดหมายนั้นเขียนว่าน้องเล็กถูกฮ่องเต้พามาหาขุมทรัพย์ ฮ่องเต้ยังให้เหตุผลกับน้องเล็กว่าเป็นการ ‘แก้เบื่อ’ จึงได้พาเขามาด้วย
ดูอย่างไรก็รู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะฝ่าบาททรงมีพระประสงค์จะครอบครองขุมสมบัติของแคว้นเซอปี่ซือ จึงได้ตั้งพระทัยนำสองคนนี้มาเป็นตัวประกัน
ยังดีที่….น้องเล็กปลอดภัยไร้เรื่องราว ทั้งยังอ้วนขึ้นมาพอควร ขาวๆ นุ่มๆ หากว่าอายุน้อยกว่านี้สักหน่อย คงยิ่งเหมือนกับตุ๊กตาเด็กหญิง
ตอนนี้อาปู้ถาลากับราชาสุนัขป่าตะวันตกอยู่เป็นเพื่อนนางที่เชิงเขา ปลอดภัยอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าเขาจะมิได้ชื่นชอบจีเฉวียนสักเท่าไร แต่ว่าคนผู้นั้นก็รักษาคำสัญญา มิได้ทำสิ่งใดไม่ดีกับน้องเล็ก
ในขุมทรัพย์ของแคว้นเซอปี่ซือ พอดีมีสิ่งของที่ท่านปู่ต้องการ สมควรถือโอกาสนี้นำออกมาพร้อมกัน
อีกด้านหนึ่ง เหยียนเฉียวหลัวยังคงไม่ทันได้สติกลับมา ก็เห็นเหล่านักพรตในชุดสีเขียวนับร้อยคนเหาะออกมาจากด้านหลังของกองทัพแคว้นโจว
นักพรตแต่ละคนรูปโฉมงดงามดุจบุปผา ในมือถือแส้ปัด กลางหน้าผากมีแต้มดอกไม้
พวกเขาลอยลงมาดุจเทพเซียน ดูราวกับเหล่าเทพที่มาเยือนยังโลกหล้า
ผู้นำของพวกเขาเป็นนักพรตเฒ่าเคราขาวผู้หนึ่งและนักพรตวัยกลางคนอีกสองคน ถึงแม้ว่าจะดูมีอายุแล้ว แต่ยังคงมีรูปโฉมน่าชื่นชม
เมื่อมีคู่เปรียบเทียบกันเช่นนี้ ก็เหมือนจะชี้ให้เห็นว่านักพรตของพวกตนคือของเทียม ผู้อื่นต่างหากที่เป็นของแท้
“โอ้เง็กเซียนบนสวรรค์ ข้านักพรตอู๋เทียน ถวายพระพรฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจวของพวกเรา” นักพรตเฒ่าผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าจีเฉวียน คำนับเขาด้วยความเคารพนอบน้อม
“ข้านักพรตอู๋เจิน….”
“ข้านักพรตอู๋ซื่อ….”
“เหล่านักพรตศิษย์อารามเทียนเก๋อกวน….”
“ถวายพระพรฝ่าบาท พวกเราได้รับพระบัญชาเรียกหา วันนี้แม้ต้องสิ้นชีพในภูเขาเทียนซานแดนเซอปี่ซือ ก็ไม่เสียดายแม้แต่น้อย”
เหล่านักพรตทั้งหนุ่มและชราล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน ด้วยท่าทางประหนึ่งว่าจีเฉวียนนั้นคือเง็กเซียนฮ่องเต้บนสรวงสวรรค์
ฝูงชนที่เดิมทีก็อยู่ในความตกตะลึงกันอยู่ ยามนี้ถึงกับโง่งมกันไปแล้ว
ดูสิ…. ฮ่องเต้ต้าโจวไม่เพียงแต่เรียกกองทหารมา แต่ยังสามารถเรียกนักพรตมาได้มากมาย
ชื่อเสียงของอารามเทียนเก๋อกวนย่อมต้องเคยได้ยินกันมาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว เรียกว่ามิได้ด้อยไปกว่าภูเขาฮว่าชิ่งซานเลย
มิว่าจะเป็นอดีตฮ่องเต้ในกาลก่อนหรือฮ่องเต้แคว้นต่างๆ ในกาลปัจจุบัน ต่างก็ให้ความเคารพยกย่องต่ออารามเทียนเก๋อกวนด้วยกันทั้งนั้น แม้ว่าทุกๆ ปีราชวงศ์จะส่งมอบเงินบริจาคจำนวนมากไปให้อารามเทียนเก๋อกวน แต่ก็ไม่เคยได้ยินมาว่าอารามเทียนเก๋อกวนจะทำสิ่งใดให้กับแคว้นต้าโจวมาก่อน
ผู้คนทั้งหลายต่างก็เข้าใจกันว่า …..ฮ่องเต้แคว้นต้าโจวไม่ได้รับการยอมรับจากอารามเทียนเก๋อกวนเสียอีก
คิดไม่ถึงว่า…..ผู้อื่นไม่เพียงแต่ได้รับการยอมรับ แต่ยังสามารถเรียกใช้อารามเทียนเก๋อกวนได้อย่างตามสบายอีกด้วย
ในตอนนี้ผู้คนทั้งหลายจึงได้แต่รู้สึกอิจฉาจีเฉวียนจนตาร้อนไปหมดแล้ว
——
[1] 搅屎棍 ตัวสร้างปัญหา
——
คุยกันนิดนึง:
เตาอุ่นมือ/เตาพก (暖手炉) : เตาขนาดเล็กเท่าผลส้มหรือใหญ่กว่าเล็กน้อย สำหรับถือบนมือหรือใส่ในแขนเสื้อ ทำจากสำริดสองชั้นเพื่อกักเก็บความร้อน ภายนอกฉลุลวดลาย ลงยาหรือหุ้มกระเบื้องเคลือบ บรรจุถ่านไม้ไร้ควัน หรือควันน้อยตามแต่ทุนทรัพย์ของผู้ถือ เป็นหนึ่งในเครื่องแก้หนาวที่สามารถแสดงฐานะทางสังคมของคุณหนูทั้งหลาย
ตอนต่อไป “จีเฉวียนน่ากลัวเกินไปแล้ว”