ตอนที่ 499 หนังสือสารภาพผิด
“พอแล้ว! หยุดได้แล้ว!” น้ำเสียงของฮ่องเต้อ่อนโยนลงกว่าเดิม
แม้เหลียงอ๋องจะทำไม่ถูก ทว่า เขาทำไปเพราะความกตัญญู ฮ่องเต้จึงอดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ โดยเฉพาะตอนที่เห็นบาดแผลลึกที่แขนของเหลียงอ๋อง เมื่อนึกได้ว่าโอรสยอมใช้เลือดของตัวเองปรุงยาให้เขา ฮ่องเต้ก็ใจอ่อนทันที
โอรสของฮ่องเต้มีไม่มากไม่น้อย ทว่า ไม่มีโอรสองค์ใดที่จะกตัญญูได้เท่ากับเหลียงอ๋องอีกแล้ว แม้แต่องค์รัชทายาทก็สู้ไม่ได้
“เสด็จพ่อ!” เหลียงอ๋องคลานเข่าเข้าไปกอดเข่าของฮ่องเต้ “ลูกไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ เสด็จพ่อทรงทำเป็นไม่รับรู้เรื่องนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ! ทว่า ต่อไปลูกคงไม่ได้อยู่ดูแลแสดงความกตัญญูต่อเสด็จพ่ออีกแล้ว เสด็จพ่ออย่าทรงหักโหมงานหนัก ทรงพักผ่อนให้มากนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ก้มหน้ามองเหลียงอ๋องที่เอาแต่กอดเข่าเขาร้องไห้ ไม่ได้ขอร้องเขาแม้แต่น้อย ทว่า กลับบอกให้เขาดูแลตัวเองให้ดี ฮ่องเต้อดหวั่นไหวไม่ได้ ทันใดนั้นเองความเมตตาของคนเป็นพ่อถาโถมเข้ามาในใจ เขายกมือขึ้นลูบศีรษะของเหลียงอ๋องอย่างแผ่วเบา กล่าวเสียงเบาหวิว “เอาเถิด หยุดร้องไห้ได้แล้ว!”
“ฝ่าบาท…” เกาเต๋อเม่ารายงานอยู่นอกตำหนัก “ใต้เท้าฟ่านอวี่ไหวหัวหน้ากองกำลังตรวจเมืองขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้ากล่าวว่าจวนหวังแห่งซอยจิ่วชวีเกิดไฟไหม้ ชาวบ้านช่วยเหลือเด็กออกมาจากจวนจำนวนไม่น้อย ล้วนเป็นเด็กที่หายตัวไปพ่ะย่ะค่ะ บางคนถูกตัดแขน บางคนถูกตัดขาอย่างโหดร้ายพ่ะย่ะค่ะ เด็กที่อายุมากหน่อยกล่าวว่าตนถูกโจรป่าลักพาตัวมาจากเมืองซั่วหยาง อยากกลับบ้านไปหาพ่อแม่ของตนพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้และเหลียงอ๋องสนทนากันอย่างลับๆ ในตำหนักเพียงสองคน แม้แต่เกาเต๋อเม่าก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปด้านใน ทำเพียงยืนรายงานอยู่นอกตำหนักเท่านั้น
ตระกูลหวังแห่งซอยจิ่วชวีอย่างนั้นหรือ…
ฮ่องเต้เลิกคิ้วสูงมองดูโอรสที่ยังคงกอดเข่าของเขาร้องไห้อยู่ จากนั้นกล่าวอย่างคิดสิ่งใดขึ้นมาได้ “เจ้าเป็นคนกตัญญู แม้เจ้าจะทำผิด ทว่า เจ้าเป็นโอรสของเรา เราย่อมปกป้องเจ้าอยู่แล้ว!”
เหลียงอ๋องเงยหน้ามองฮ่องเต้ทั้งน้ำตา “ทว่า มีคนไปตีกลองร้องทุกข์แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ ปกปิดต่อไปไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”
ฮ่องเต้มองดูโอรสผู้ซื่อบื้อของตนเอง ย่อกายลงไปประสานสายตากับเหลียงอ๋อง เอ่ยสั่ง “เจ้าไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ตระกูลหวังเป็นคนก่อเรื่องนี้ ตระกูลหวังเห็นว่าเจ้าหลอกง่ายจึงดึงเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เจ้าไม่รู้สิ่งใดทั้งสิ้น เข้าใจหรือไม่”
เหลียงอ๋องตะลึง “ทว่า เตาปรุงยาวิเศษยังอยู่ที่จวนของลูก ยังมีศพเด็กบางส่วนที่ลูกยังไม่ทันส่งออกจากจวนอีกพ่ะย่ะค่ะ…”
“เราคือโอรสแห่งสวรรค์ เราบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าก็คือไม่เกี่ยวข้อง เจ้าจำไว้ให้ดีเป็นพอ! ที่เหลือเราจะจัดการเอง!” ฮ่องเต้กล่าวจบก็ลุกขึ้น มองไปทางเหลียงอ๋องที่ว่าง่ายและกตัญญูแวบหนึ่ง เอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขาเบาๆ กล่าวขึ้น “ไปเถิด!”
เหลียงอ๋องแสร้งทำเป็นก้มศีรษะคำนับฮ่องเต้อย่างไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราว จากนั้นเดินออกจากตำหนัก ยืนรออยู่ที่ด้านนอกพร้อมกับเกาเต๋อเม่า
เมื่อธูปหนึ่งก้านหมดลง ฮ่องเต้จึงเดินออกมาจากตำหนัก พาเหลียงอ๋องเดินไปยังห้องตำราของตน
เมื่อฮ่องเต้ไปถึง ฟ่านอวี่ไหวรีบเข้าไปรายงานเรื่องที่จวนหวังไฟไหม้และพบตัวเด็กที่ถูกลักพาตัวมาอยู่ในจวนให้ฮ่องเต้ฟัง “ทุกคนในตระกูลหวังถูกจับขังคุกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท เรื่องนี้คือเรื่องใหญ่ เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของราชวงศ์ ฝ่าบาทได้โปรดส่งคนไปสำรวจในจวนเหลียงอ๋องด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ผู้ตรวจการเดินไปด้านหน้า “หากเรื่องนี้คือเรื่องจริง เราควรยับยั้งโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”
เหลียงอ๋องเงยหน้ามองไปทางฮ่องเต้ เมื่อเห็นสายตาที่ฮ่องเต้ส่งมาให้ เขาจึงรีบร้องไห้ออกมา “เสด็จพ่อ! ลูกไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
องค์รัชทายาทมองดูเหลียงอ๋องที่แสร้งคุกเข่าตัวสั่นเทาอยู่กลางห้อง เขาก้มหน้าลงไปกล่าวกับฮ่องเต้เสียงแผ่วเบา “เสด็จพ่อ เหลียงอ๋องคือน้องชายของลูก ลูกเชื่อว่าเหลียงอ๋องเป็นคนมีเมตตา เขาไม่มีทางทำเรื่องโหดร้ายอย่างการนำเด็กมาปรุงยาหรอกพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อให้ใต้เท้าฟ่านไปตรวจค้นจวนเหลียงอ๋องเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเหลียงอ๋องเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้พิพากษาหลู่จิ้นเห็นดังนั้นจึงกล่าวขึ้นบ้าง “ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หากเหลียงอ๋องไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ เราควรส่งคนไปตรวจค้นจวนของเหลียงอ๋องจะได้ไม่ถือเป็นการปรักปรำเหลียงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
เหลียงอ๋องมองไปทางฮ่องเต้ด้วยความตกใจและหวาดกลัว แววตามีแต่ความอ้อนวอน
ฮ่องเต้เม้มปากมองไปทางฟ่านอวี่ไหว “สอบสวนคนตระกูลหวังแล้วหรือไม่”
ฟ่านอวี่ไหวตะลึงงัน ส่ายหน้าเล็กน้อย “ยังพ่ะย่ะค่ะ”
การสอบสวนไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยตรวจเมืองนี่นา!
“ยังไม่ทันสืบสวนตระกูลหวังก็จะส่งคนไปค้นจวนเหลียงอ๋องอย่างนั้นหรือ หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ราชวงศ์จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน!” น้ำเสียงของฮ่องเต้เต็มไปด้วยโทสะ เมื่อควบคุมอารมณ์ได้จึงกล่าวต่อ “ฟ่านอวี่ไหว เจ้าจงนำกำลังคนไปล้อมจวนเหลียงอ๋องเอาไว้ ห้ามผู้ใดเข้าออกทั้งสิ้น!”
“น้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!” ฟ่านอวี่ไหวรับคำสั่งแล้วเดินออกไปจากตำหนัก
ฮ่องเต้ลูบไปที่หมอนกลมลายมังกรสีทองอย่างแผ่วเบา จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หลู่จิ้น…”
ผู้พิพากษาหลู่จิ้นรีบก้าวไปด้านหน้า “พ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้ารับผิดชอบสอบสวนตระกูลหวัง หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเหลียงอ๋องจริงๆ ค่อยไปตรวจค้นจวนเหลียงอ๋องก็ยังมิสาย!” สายพระเนตรของฮ่องเต้หยุดอยู่ที่เหลียงอ๋อง “เหลียงอ๋องกลับไปรออยู่ที่จวนก่อน หากเจ้าถูกใส่ร้ายเราจะไม่ปล่อยผู้ที่ใส่ร้ายเจ้าลอยนวลเด็ดขาด!”
“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ!”
“รับบัญชาพะย่ะค่ะ!” หลู่จิ้นก้มศีรษะรับคำแล้วเดินออกไปจากตำหนัก
หลู่จิ้นเดินออกมาจากตำหนัก เมื่อเผชิญกับแสงแดดจ้า เขาหรี่ตาหยี เมื่อครู่ฮ่องเต้จงใจบอกกับเขาว่าพระองค์ต้องการปกป้องเหลียงอ๋อง
หลู่จิ้นกำหมัดแน่น เตรียมเดินลงบันไดจากไป ทว่า ได้ยินเสียงขององค์รัชทายาทดังขึ้นเสียก่อน
เขารีบโค้งกายคำนับองค์รัชทายาท “องค์รัชทายาท!”
“ลำบากใต้เท้าหลู่แล้ว หวังว่าใต้เท้าหลู่จะคืนความยุติธรรมให้แก่ชาวบ้านให้ได้ เรากลัวว่าชาวบ้านจะผิดหวังในตัวของราชวงศ์ คิดว่าราชวงศ์ปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่เห็นค่าชีวิตของชาวบ้าน แต่ไรมาราชวงศ์ล้วนล่มสลายเพราะสูญเสียใจของชาวบ้านไป เสด็จพ่อมอบราชวงศ์ไว้ในมือของใต้เท้าหลู่นะ!”
หลู่จิ้นเลิกคิ้วสูง เขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายขององค์รัชทายาท พระองค์ต้องการให้เขาสืบรู้ว่าเหลียงอ๋องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือต้องการกันเหลียงอ๋องออกจากเรื่องนี้กันแน่
องค์รัชทายาทหันมองไปรอบๆ กาย จากนั้นก้าวเข้าไปใกล้หลู่จิ้น “หากเหลียงอ๋องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ หากใต้เท้าหลู่ตัดสินอย่างยุติธรรม ราชวงศ์ไม่ช่วยปกปิดความผิดของคนในราชวงศ์ด้วยกัน ชาวบ้านย่อมรักและเทิดทูนพวกเรา”
หลู่จิ้นเข้าใจในทันที เขารีบโค้งกายคำนับองค์รัชทายาทอีกครั้ง “องค์รัชทายาททรงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรายงานตามผลที่สอบสวนจริงพ่ะย่ะค่ะ!”
องค์รัชทายาทพยักหน้า “ใต้เท้าหลูไปทำงานเถิด!”
หลู่จิ้นโค้งกายเดินถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นจึงเดินลงไปจากบันได
เมื่อหลู่จิ้นออกมาจากวังก็รีบให้คนไปนำตัวทุกคนในตระกูลหวังไปที่ศาลต้าหลี่
ชาวบ้านเห็นหน่วยตรวจเมืองเข้าล้อมจวนเหลียงอ๋องไว้แน่นหนา ต่างรอเวลาที่ฮ่องเต้จะส่งคนเข้าไปตรวจค้นด้านในจวน ทว่า ทหารทำเพียงแค่ล้อมจวนเอาไว้ ไม่มีคนเข้าไปตรวจค้นด้านในสักคน ชาวบ้านจึงเริ่มวิจารณ์กันไปต่างต่างนานา
หลู่จิ้นรอให้คนนำตัวคนตระกูลหวังมาที่ศาลต้าหลี่ เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม คนที่ได้รับคำสั่งกลับมารายงานหลู่จิ้นว่าตระกูลหวังฆ่าตัวตายทั้งตระกูล เหลือไว้เพียงหนังสือสารภาพผิด!