ตอนที่ 507 ยินดีเช่นกัน
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นสบตาเซียวหรงเหยี่ยน กำถ้วยชาเคลือบสีขาวในมือแน่น
แววตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทว่า ดูสงบนิ่งราวกับไม่ได้กล่าวถ้อยคำที่ทำให้คนใจเต้นแรงออกมา
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลง รอยยิ้มในดวงตามากกว่าเดิม ใบหูแดงก่ำ พยักหน้าด้วยท่าทีที่ดูสงบนิ่งที่สุด “เซียวเซียนเซิงมีน้ำใจแล้วเจ้าค่ะ”
“ได้ยินว่าฮ่องเต้ทรงส่งทหารกองทัพใหม่ไปยังหนานเจียง เหยี่ยนยินดีกับคุณหนูใหญ่ด้วยขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาในมือลง กล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยน ”ยินดีกับเซียวเซียนเซิงที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ”
กองทัพใหม่ที่ฮ่องเต้ส่งไปยังหนานเจียงจะได้รับการฝึกโดยกองทัพไป๋ ภายภาคหน้าอาจกลายเป็นคนของกองทัพไป๋!
ขอเพียงต้าจิ้นส่งกองทัพไป๋ประชิดชายแดนซีเหลียง ต้าเยี่ยนก็จะปลอดภัย
ครั้งนี้ทั้งไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนล้วนได้ผลประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ เป็นเรื่องที่น่ายินดีทั้งสองฝ่าย
เซียวหรงเหยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ต่ำกว่าไป๋ชิงเหยียนเล็กน้อย ชายหนุ่มมองใบหน้าขาวนวลของไป๋ชิงเหยียน ดวงใจร้อนรุ่ม ความรู้สึกที่ไม่ได้เจอกันหนึ่งวันราวกับห่างกันสามวันช่างทรมานยิ่งนัก
ช่วงนี้เขามัวแต่ยุ่งเรื่องของต้าเยี่ยน ที่สำคัญการมาจวนไป๋ทุกวันก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมสักเท่าใด หากบุกห้องนอนของไป๋ชิงเหยียนยามวิกาล เขาก็กลัวว่าไป๋ชิงเหยียนไม่อาจอธิบายกับต่งซื่อมารดาของนางได้ จึงอดทนอยู่หลายวัน วันนี้ใช้ข้ออ้างในการนำของขวัญวันเกิดมาให้ต่งซื่อถึงได้พบหน้าหญิงสาว
ชายหนุ่มรู้สึกว่าแม้ทำได้เพียงนั่งจิบชาด้วยกัน ใจของเขาก็อบอุ่นและสงบลงมากแล้ว
เซียวหรงเหยี่ยนยกชาขึ้นจิบหนึ่งอึก ชุนเถาเดินเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว อ้อมเสาเคลือบน้ำมันสีดำไปหยุดอยู่ข้างไป๋ชิงเหยียน จากนั้นใช้มือป้องปากกระซิบข้างใบหูของหญิงสาว “คุณหนูรองให้คนนำจดหมายมาให้เจ้าค่ะ คนเพิ่งมาถึงเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า หันไปมองทางเซียวหรงเหยี่ยน “เซียวเซียนเซิงนั่งรอสักครู่นะเจ้าคะ เดี๋ยวข้ากลับมา…”
“ไม่รีบขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเสียงแผ่วเบา
ไป๋ชิงเหยียนจับมือของชุนเถาเดินออกมาจากโถงรับรอง เดินตามระเบียงทางเดินไปถึงทางออก องครักษ์ชุดดำที่ยืนอยู่ตรงนั้นรีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น สองมือยื่นจดหมายให้หญิงสาว “คุณหนูใหญ่!”
ไป๋ชิงเหยียนรับจดหมายมา “ลำบากเจ้าแล้ว รีบไปพักผ่อนก่อนเถิด”
เมื่อองครักษ์ชุดดำจากไป ไป๋ชิงเหยียนเปิดจดหมายออกอ่าน
ไป๋จิ่นซิ่วรายงานความคืบหน้าเรื่องเหลียงอ๋องปรุงยาวิเศษให้ไป๋ชิงเหยียนฟัง
วันนั้นองค์รัชทายาทและพระชายาไปเยี่ยมเหลียงอ๋องที่จวน ทว่า กลับพบว่าเหลียงอ๋องแอบปรุงยาวิเศษในจวนของตัวเองจริงๆ ที่สำคัญคือใช้เลือดของเด็กในการปรุงยา องค์รัชทายาทโมโหจนสลบไปทันทีจนองครักษ์จวนองค์รัชทายาทต้องแบกเขาออกมาจากจวน
องครักษ์จวนองค์รัชทายาทช่วยเหลือบรรดาเด็กที่แทบไร้ลมหายใจออกมาจากจวนเหลียง จากนั้นพาพวกเขาไปยังโรงหมอท่ามกลางสายตาของชาวบ้านมากมาย เรื่องกลายเป็นเรื่องใหญ่โต แม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่อาจปกป้องเหลียงอ๋องได้
ต่อมาบรรดาคนค้าทาสต่างไปเป็นพยานว่าพวกเขาขายเด็กให้แก่เหลียงอ๋อง ทว่า พวกเขาซื้อเด็กมาจากผู้อื่นอีกทอด
คดีนี้จบลงอย่างรวดเร็ว เหลียงอ๋องมีสัญญาทาสของเด็กเหล่านั้น โชคทีที่เด็กเหล่านั้นยังมีชีวิตรอด เพียงแค่เสียเลือดมากไปเท่านั้น
เหลียงอ๋องขัดคำสั่งของบรรพบุรุษ ลอบปรุงยาวิเศษ ถูกฮ่องเต้ต่อว่ายกใหญ่ จากนั้นถูกกักบริเวณอยู่แต่ในจวนเหลียงอ๋อง
ใต้เท้าหลู่จิ้นเข้าไปค้นจวนเหลียงอ๋องแทบพลิกแผ่นดินตามคำขอร้องของผู้ตรวจการ ทว่า ก็ยังหาศพของเด็กคนอื่นๆ ไม่พบ กลับพบศพจำนวนมากที่จวนหวังแห่งซอยจิ่วชวีแทน เมื่อสตรีกลางคนเห็นศพที่ไม่สมประกอบของบุตรชายตนเองก็แทบเสียสติ
หวังเซียงเซินทิ้งหนังสือสารภาพผิดไว้แล้วฆ่าตัวตายชดใช้ความผิดทั้งตระกูล ไม่เหลือหลักฐานและพยานให้สอบปากคำอีก คดีนี้จึงจบลงโดยที่เหลียงอ๋องไม่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ตระกูลหวังกลายเป็นแพะรับบาป เสียชีวิตทั้งตระกูล
บรรดาของเล่นของหวังคุนที่ถูกช่วยเหลือออกมาจากจวนล้วนถูกส่งไปยังสถานสงเคราะห์
เดิมทีฮ่องเต้ต้องการสืบสวนต่อว่าผู้ใดเป็นคนวางเพลิงจวนหวัง ทว่า จวนหวังถูกเผาจนเกลี้ยง ไม่อาจหาหลักฐานใดได้ เด็กโตซึ่งถูกช่วยชีวิตออกมากล่าวว่าตอนนั้นมีคนจะฆ่าพวกเขา ทว่า ไฟไหม้ขึ้นเสียก่อน
ชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่าผู้ที่วางเพลิงเป็นผู้ผดุงคุณธรรม มิเช่นนั้นเด็กเหล่านั้นคงเสียชีวิตไปแล้ว
ไป๋จิ่นซิ่วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ตอนนั้นนางคิดว่าจวนหวังถูกเผา ตระกูลหวังถูกจับเข้าคุกหมดแล้ว นางจึงให้คนไปจับตาดูจวนเหลียงอ๋องแทน นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนลอบเคลื่อนย้ายศพจากจวนเหลียงอ๋องไปไว้ที่จวนหวังแทน
ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวถึงไป๋ชิงเสวียนที่ตอนนั้นถูกส่งไปยังจวนหวังไว้ในจดหมายด้วย ไป๋ชิงเสวียนถูกช่วยออกมาเช่นกัน คงเป็นเพราะถูกขังอยู่ในกระถางต้นไม้จึงขยับเขยื้อนไม่ได้ ใบหน้าถูกไฟไหม้จนเสียโฉม ตัวร้อนเป็นไฟไม่ลด หมอที่ไปช่วยรักษาที่สถานสงเคราะห์กล่าวว่าจะรอดหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเมตตาของสวรรค์
ไป๋ชิงเหยียนอ่านจดหมายจบก็ยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงทางเดิน หญิงสาวคิดว่านี่คือฝีมือของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ต้องการปกป้องเหลียงอ๋องอย่างนั้นสินะ
จวนเหลียงอ๋องมีองครักษ์ลับของฮ่องเต้คอยคุ้มกันอยู่ คนของนางไม่อาจเข้าใกล้ได้ กลัวว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ เหลียงอ๋องย่อมแสร้งทำตัวเป็นคนโง่และอ่อนแอ ไม่มีคนไว้ใช้งานอยู่แล้ว
ผู้ที่สามารถเคลื่อนย้ายศพของเด็กเหล่านั้นไปยังจวนหวังทั้งๆ ที่มีคนของไป๋จิ่นซิ่วและองครักษ์ขององค์รัชทายาทจับตาดูอยู่เช่นนั้นมีเพียงฮ่องเต้คนเดียวเท่านั้น
หรือว่าเหลียงอ๋องไปขอความช่วยเหลือจากเซียวหรงเหยี่ยนที่สำนักศึกษาซ่างม่อซูกันนะ
หากราชสำนักของต้าจิ้นวุ่นวายถือเป็นผลดีต่อแคว้นต้าเยี่ยน สำหรับเซียวหรงเหยี่ยนแล้ว เหลียงอ๋องมีชีวิตอยู่ดีกว่าตายไปมากนัก
ไม่นานไป๋ชิงเหยียนก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป ต่อให้คนของเซียวหรงเหยี่ยนจะเก่งกาจเพียงใดก็ไม่มีทางเคลื่อนย้ายศพเหล่านั้นออกจากจวนเหลียงอ๋องซึ่งมีองครักษ์ลับของฮ่องเต้คุ้มกันอยู่ได้
ไป๋ชิงเหยียนฟังเสียงร้องของจักจั่นที่น่ารำคาญขึ้นทุกที ยิ่งรู้สึกผิดหวังกับราชสำนักต้าจิ้นมากขึ้นทุกวัน
แสดงว่าฮ่องเต้รู้เรื่องที่เหลียงอ๋องใช้เด็กปรุงยาวิเศษ ทว่า ในสายตาของฮ่องเต้ ชีวิตเด็กเหล่านี้ไม่มีค่าเช่นเดียวกับตระกูลไป๋ที่เมื่อไม่มีประโยชน์ก็กลายเป็นคนไม่มีค่าทันที…กระทั่งควรกำจัดให้สิ้นซาก
ลมพัดจนเกิดเสียงกระดิ่งกระทบกันเบาๆ ผ้าม่านตรงระเบียงทางเดินสะบัดพลิ้ว ใบไม้บนต้นไม้ใหญ่ส่งเสียงซู่ๆ
ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกว่าดวงตาของตัวเองแดงก่ำ
ชาวบ้านคือรากฐานของแคว้น เมื่อได้ขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้ลืมไปแล้วหรืออย่างไร
เด็กคืออนาคตของแคว้น
คนในเมืองหลวงที่อ่านเรื่องนี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่งมีอยู่จำนวนมาก คนตระกูลสูงศักดิ์มักเอนเอียงไปตามความต้องการของราชวงศ์
บัดนี้ฮ่องเต้ปกป้องเหลียงอ๋องซึ่งแอบปรุงยาวิเศษ ไม่รู้ว่าจะมีคนสูงศักดิ์อีกกี่ตระกูลที่จะลอกเลียนแบบ ถึงเวลานั้น ตระกูลสูงศักดิ์พากันปรุงยาวิเศษบ้าง ฮ่องเต้จะได้ให้เหลียงอ๋องปรุงยาให้เขาอย่างเปิดเผย