เห็นอยู่ว่าฝ่าเท้านั้นกำลังจะพุ่งมาถึง ในทันใดนั้นเอง เงาร่างของคนผู้หนึ่งเหาะออกมาจากฝูงชน
เงาร่างนั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง ราวกับสายฟ้าที่ฟาดออกมา เพียงพริบตาเดียวก็ปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าเหยียนเฉียวหลัว
ในพริบตาที่เท้าของนางกำลังจะถีบมาถึงนั้นเอง เขาก็ลากคนทั้งสองออกไป
ครู่ต่อมาคนทั้งหลายถึงได้มองเห็นชัดเจนว่านั่นเป็นยอดบุรุษที่หมดจดงดงามผู้หนึ่ง
เขาสวมชุดสีทองตลอดทั้งร่าง เส้นผมยาวสลวยถูกรวบไว้สูง ดวงตาหงส์คู่นั้นงดงามเกินจะหาใดมาเปรียบ บ่ากว้าง เอวสอบ สองขาเรียวยาว
เพียงแต่กลิ่นอายของคนผู้นั้นหยิ่งยโสอย่างไร้ที่เปรียบ
สายลมพัดมา เป่าชายเสื้อของเขาพลิ้วไปด้านหลัง
มือข้างหนึ่งของเขาหิ้วตู๋กูเจวี๋ย มืออีกข้างหิ้วหยวนเฟย ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนทั้งหลาย
ทั้งๆ ที่เขามิได้กล่าววาจาใดออกมา แต่กลับดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งหมดไป
เหยียนเฉียวหลัวตกตะลึงไปชั่วครู่ ค่อยได้สติกลับมา สายตาของนางเป็นประกาย จดจ้องไปยังจีเฉวียนอย่างเย็นชาพลางกล่าวว่า “ฮ่องเต้แคว้นโจว ในที่สุดท่านก็ยอมปรากฏตัวแล้ว?”
ฮ่องเต้แคว้นโจว?
คนผู้นี้คือจีเฉวียน ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจว?
หัวใจของคนทั้งหมดเย็นวาบ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในทะเลทราย พวกเขาก็ได้เห็นกระโจมของแคว้นต้าโจวแต่ไกล แต่ว่ากลับไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้
แต่ตอนนี้เมื่อสามารถมองเห็นจีเฉวียนผู้นี้ได้ในระยะใกล้ถึงเพียงนี้ ต่างก็อดจะประหลาดใจไม่ได้
ในบรรดาสามแคว้นใหญ่ มีแต่ฮ่องเต้ที่พระชนม์น้อยที่สุดผู้นี้ที่เสด็จมาด้วยพระองค์เอง
นี่พระองค์ไม่ได้ยินหรือว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาพึ่งจะวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ไปว่าอย่างไร? ตอนนี้ยังถึงกับกล้าบุกเดี่ยวมาช่วยคนอีกหรือ?
สมกับที่เป็นคนหนุ่มอายุน้อย ช่างไม่กลัวตาย
ผู้คนทั้งหลายพากันเหลือบดูเขา ต่างก็ลอบนินทากันอยู่ในใจ
อิ๋งฉีเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน เขานึกว่าจีเฉวียนเกิดเรื่องขึ้นระหว่างทางไปแล้วเสียอีก ตอนนี้ดูแล้ว ท่าทางของเขาไม่รีบไม่ร้อน ราวกับว่ามาก่อนตั้งนานแล้ว เพียงแต่เฝ้าดูงิ้วอยู่เท่านั้น
จีเฉวียนที่เขารู้จักมักเป็นเช่นนี้อยู่เสมอ ชอบที่จะมองดูอย่างเพิกเฉย หากไม่ถึงจุดที่ไม่อาจปล่อยไปได้อีกต่อไปก็ไม่มีวันลงมือด้วยตนเอง
เขามักจะสงบนิ่งได้อยู่ตลอด หากมิใช่เห็นว่าจะเกิดการสูญเสียชีวิตผู้คนขึ้นแล้ว เกรงว่าเขาก็ยังคงจะมองดูงิ้วฉากนี้จากมุมลับตาแห่งใดแห่งหนึ่งต่อไป
อิ๋งฉีกวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้ง ทำไมถึงมีแต่จีเฉวียนเพียงผู้เดียว แล้วแม่นางน้อยที่อยู่ข้างกายของเขาล่ะ?
นางมิใช่คนรักที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะร้องขอหรอกหรือ? ถึงกลับกล้าเอาไปทิ้งไว้ที่ไหนเสียแล้ว?
“ท่านวางแผนทำร้ายพวกข้าพี่น้อง ทำให้แคว้นต้าเหยียนของเราต้องชดใช้ทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ถึงตอนนี้ก็ทำให้พระเชษฐาผู้เป็นรัชทายาทของข้าต้องตาย ไม่แน่ว่าตอนนี้ท่านก็คิดจะให้ผู้คนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดล้วนต้องตายสินะ” เหยียนเฉียวหลัวสาดน้ำครำลงไปอีก “หากว่าสามารถทำให้กองกำลังของทุกฝ่ายดับสิ้นได้ละก็ ต้าโจวของท่านก็จะได้ครอบครองขุมทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว จากนั้นก็ทำลายแคว้นอื่นๆ ในแผ่นดินนี้ให้ดับสิ้นจนหมด ท่านจะได้ครอบครองแผ่นดินเพียงผู้เดียวใช่ไหม?”
“จีเฉวียน ท่านคาดการณ์ผิดไปแล้ว พวกเราทั้งหมดล้วนมิใช่คนโง่ ไหนเลยจะยอมให้ท่านจัดการ?”
น้ำเสียงของเหยียนเฉียวหลัวแตกพร่าอยู่บ้าง เมื่อได้พบกับจีเฉวียนอีกครั้ง นางก็ยังคงไม่อาจรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้
ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ยังคงรักษาความสงบนิ่งดังเดิม เหมือนกับตัวเขาในปีนั้น ไม่ว่าจะเผชิญกับเรื่องที่ร้ายแรงเพียงใด ก็ไม่เคยแตกตื่นวุ่นวาย ราวกับว่าเขาได้คาดคิดวิธีการรับมือทั้งหมดเอาไว้แล้ว
แต่นางรู้ว่า ครั้งนี้เขาไม่มีทางแก้ไขอะไรได้อย่างแน่นอน
ยามที่อยู่ในทะเลทรายนั้น ต้องถือว่านางกับเหยียนหยุนได้ร่วมเดินทางมากับเขามาช่วงหนึ่ง นางรู้เรื่องเป็นอย่างดี จีเฉวียนนำองครักษ์ลับมาด้วยเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกนักพรต เขาไม่ได้นำมาด้วยเลยสักคน
ตอนนี้บุกเดี่ยวเข้ามาแต่เพียงลำพัง ก็แสดงว่าองครักษ์เหล่านั้นคงจะพบกับอันตรายเข้าเสียแล้ว
เขาในตอนนี้ก็แค่คนที่ตบหน้าตนเองแสร้งว่าเป็นคนอ้วน [1] เท่านั้น เขาก็แค่ฝืนยืนหยัดเอาไว้ แต่ที่จริงนั้นยืนอยู่บนความล่มสลายตั้งแต่แรกแล้ว
ยิ่งเขาไม่พูดไม่จา ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการยืนยันความคิดของเหยียนเฉียวหลัว นางเชิดปลายคางขึ้นมา “ขอเพียงท่านยินยอมศิโรราบ ข้าว่าทุกคนต่างก็สามารถให้ความเห็นอกเห็นใจ ไม่ถึงกับเอาชีวิตก็เป็นได้”
จีเฉวียนมิได้มองไปที่นาง เพียงแต่โยนสองคนในมือกลับไปที่ข้างกายหลงเซียว จากนั้นถึงได้เบนสายพระเนตรไปที่บุรุษชุดม่วงที่อยู่ข้างกายเหยียนเฉียวหลัว
บุรุษชุดม่วงเองก็พึ่งจะหันมามองดูเขาแวบหนึ่งเช่นกัน ยามที่สายตาทั้งสี่ประสานเข้าด้วยกันนั้น เขากลับต้องเป็นฝ่ายละสายตาไปก่อน
ดวงเนตรหงส์ของจีเฉวียนหรี่ลง ตรัสถามว่า “ตกลงแล้วเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”
ประโยคนี้ ชัดเจนเลยว่าตรัสถามองค์ชายน้อย
แต่ว่าเหยียนเฉียวหลัวกลับเข้าใจผิดไป
นางหัวเราะเสียงเย็นชา “ฮ่องเต้แคว้นโจว ข้าจะให้ท่านต้องยอมรับผิด คุกเข่าลงต่อหน้าเราผู้เป็นองค์หญิง สำนึกเสียใจในความผิดที่ท่านได้ทำลงไป คืนแผ่นดินของแคว้นเหยียนเรากลับมา และเพราะพระเชษฐาของเราผู้เป็นองค์รัชทายาทถูกท่านทำร้ายจนต้องตาย ย่อมต้องให้ราชวงศ์ต้าโจวของท่านชดใช้ชีวิต”
“นอกจากนี้แล้วยังต้องเอาชีวิตของไทเฮาน้อยนั่นมาด้วยเป็นอย่างไร?”
“ชีวิตของพระเชษฐา ยังสำคัญและมีค่ามากกว่านางมากมายนัก หากใช้ชีวิตของนางมาชดเชยกับชีวิตขององค์รัชทายาท ก็ต้องถือว่าต้าโจวได้กำไรแล้ว”
คำขอนี้ของนาง หากว่าเป็นตอนแรกๆ ล่ะก็ต้องนับว่าออกจะเพ้อเจ้อไปอยู่บ้าง แต่ว่าตอนนี้กลับไม่เหมือนกันแล้ว
ตอนนี้จีเฉวียนเป็นดั่งเนื้อปลาบนเขียง ที่นางจะแก้แค้นอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น
“หากรู้แต่แรกว่าจะมีวันนี้ ท่านก็ไม่ควรทำเช่นนั้นตั้งแต่แรก” ตอนนี้ นางค่อยถอนหายใจออกมา “หากว่าตอนนั้นท่านมิได้ปฏิเสธอย่างไร้ซึ่งเยื่อใย ก็คงจะไม่ต้องมามีจุดจบเช่นนี้”
“ฮ่องเต้ต้าโจว ท่านไม่สมควรทำร้ายน้ำใจขององค์หญิงแคว้นเหยียน ทั้งยังทำเรื่องชั่วช้าขึ้นมา องค์หญิงแคว้นเหยียนเรียกร้องเช่นนี้ไม่นับว่าเกินไปเลยแม้แต่น้อย ท่านจงคุกเข่าขออภัยเสียตอนนี้ มอบคืนทรัพย์สินและดินแดนแก่ผู้เป็นเจ้าของ ฆ่าคนต้องชดใช้ชีวิต ให้ไทเฮาที่ใช้การอะไรไม่ได้ผู้หนึ่งมาชดใช้ชีวิตให้กับองค์รัชทายาทที่เดิมมีอนาคตไม่สิ้นสุดเช่นนี้ ที่จริงก็ต้องนับว่าเป็นความกรุณาเป็นพิเศษแล้ว”
เหล่าคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากเหยียนเฉียวหลัวต่างก็พากันส่งเสียงสนับสนุนขึ้นมา
เหยียนเฉียวหลัวคือผู้มีพระคุณของพวกเขา พวกเขาต้องติดตามเหยียนเฉียวหลัวจึงจะมีเนื้อกิน
เหยียนเฉียวหลัวพึงพอใจกับความรู้สึกที่มีฝูงชนมาปกป้องอย่างยิ่ง นางจับจ้องไปที่จีเฉวียน รอคอยให้ภาพที่คาดเอาไว้เกิดขึ้นมา
ขอเพียงจีเฉวียนมีการแสดงออกถึงความจริงใจมากพอ นางพอจะฝืนรับเอาไว้ก็ได้
นั่นเป็นเพราะนับตั้งแต่เป็นสาวน้อย นางก็ชอบเขามาโดยตลอด จะให้นางถอดใจยอมแพ้ นางก็ยังไม่อาจจะทำได้ง่ายๆ
ขอเพียงแค่ต่อไปจีเฉวียนอยู่ในโอวาทเชื่อฟัง เรื่องที่เขาได้ทำไปในอดีตนางก็ค่อยๆ ให้อภัยเขาทีละน้อย
จีเฉวียนมิได้สนอกสนใจคนเหล่านี้เลยสักคนเดียว
สายพระเนตรของพระองค์ยังคงจดจ้องไปที่องค์ชายน้อย จากนั้นก็ตรัสออกมาอีกครั้ง “นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการนะหรือ?”
เหยียนเฉียวหลัว “ย่อมแน่นอน”
องค์ชายน้อยทรงทราบดีว่าจีเฉวียนกำลังสนทนากับตนเอง เขาปิดตาลง อยู่ต่อหน้าฝูงชน
เขาไม่ต้องการตอบสิ่งใดกลับไป
จีเฉวียนฉลาดล้ำกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
บางที….อาจจะรู้ในสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้
คืนนั้นตอนที่ตนเองไปที่กระโจมของเขา เขาก็คงจะรู้อยู่แล้วสินะ
ไม่กระโตกกระตาก ทำเป็นไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น แต่กลับปกป้องตู๋กูซิงหลันเอาไว้อย่างดีทุกฝีก้าว
สิ่งที่ตนปรารถนาคืออะไร……มีหรือว่าเขาจะไม่รู้?
เพียงแต่แค่ทำเป็นไม่รู้เท่านั้นเอง
ผ่านไปอีกนานพักใหญ่ องค์ชายน้อยถึงได้กล่าวออกมาประโยคหนึ่ง “ฮ่องเต้แคว้นโจว เจ้ารังแกองค์….องค์หญิงของข้าก่อน ย่อมต้องชดใช้”
“สิ่งที่เราติดค้างเจ้า เราย่อมต้องชดใช้ให้เจ้า” จีเฉวียนตรัสอย่างนิ่งเฉย ยามที่กล่าววาจานี้ออกไปเขาก็เอาแต่ทอดเนตรมองดูองค์ชายน้อย “ในทำนองเดียวกัน เราจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากว่าเจ้ายอมกลับใจ ก็ยังทันอยู่”
“กลับใจ?” องค์ชายน้อยหัวเราะเสียงเย็น “ที่ฮ่องเต้แคว้นโจวติดค้างคือชีวิตของ….องค์หญิงแคว้นเหยียนของข้า จะให้กลับใจเช่นไร?”
คำพูดของเขาทำเอาสายพระเนตรของจีเฉวียนมืดครึ้มลง
เหยียนเฉียวหลัวยังไม่ทันทำความเข้าใจอะไรด้วย ก็กล่าวตามไปว่า “ฮ่องเต้แคว้นโจว คนที่ควรสำนึกเสียใจ สมควรกลับใจ ก็คือท่าน”
——
[1] 打肿脸充胖子 ยอมเจ็บตัวเพื่อให้ดูดี ทำเกินความสามารถเพื่อให้ถูกชื่นชม
——
คุยกันนิดนึง:
ไรท์: มีเงื่อนงำ? มีแค้นเก่าหรอ? แต่เฉียวหลัวหนูช้าๆ หน่อยดีไหมคะ? ไปใส่พี่เต้แบบไม่ยั้งเดี๋ยวเจอสะท้อนกลับจะรับไหวหรือ (นี่เรียกว่าสปอย?)
ตอนต่อไป “กองทหารและฝูงหมาป่า”