ตอนที่ 509 ศักดิ์ศรีของแคว้นยิ่งใหญ่
ต่งฉงหลานมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนด้วยความตกใจที่ชายหนุ่มนึกเรื่องตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าขึ้นมาได้ เขาส่ายหน้ายิ้มๆ กล่าวขึ้น “วิธีที่เซียวเซียนเซิงกล่าวมา ท่านพ่อของข้าเคยถวายฎีกาขึ้นไปแล้วขอรับ ทว่า ฝ่าบาททรงเห็นว่าหากต้าจิ้นเป็นคนเสนอเรื่องตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าขึ้นก่อนเท่ากับเป็นการยอมก้มหัวให้หรงตี๋ ทำลายศักดิ์ศรีของแคว้นใหญ่อย่างต้าจิ้น อีกทั้งกลัวว่าจะมีสายลับของหรงตี๋ลอบเข้ามาขอรับ”
ต่อมาต่งชิงเยว่อยากลอบส่งคนไปเจรจาเรื่องนี้กับหรงตี๋ ให้หรงตี๋ยอมเป็นคนเสนอการเปิดตลาดแลกเปลี่ยนขึ้น ทว่า ถูกต่งชิงผิงห้ามไว้เสียก่อน เขากลัวว่าความหวังดีของน้องชายเขาจะกลายเป็นการทรยศบ้านเมืองแทน
ไป๋จิ่นจื้อได้ยินเช่นนี้จึงกลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้ ศักดิ์ศรีของแคว้นยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ…การปล่อยให้ชาวบ้านแถบชายแดนถูกปล้นชิงทุกฤดูหนาวไม่เป็นการทำลายศักดิ์ศรีของแคว้นหรืออย่างไร
ศักดิ์ศรีของแคว้นไม่ใช่การดูแลไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อนจากสงคราม ไม่ถูกข้าศึกปล้นชิงทรัพย์ ชาวบ้านไม่อดอยากอย่างนั้นหรือ!
ไป๋จิ่นจื้อคิดว่าควรให้ฮ่องเต้ย้ายไปอยู่ที่เติงโจวสักสองสามปี ไปลิ้มรสความลำบากของชาวบ้านดูสักหน่อย เขาจะได้รู้เสียทีว่าศักดิ์ศรีของแคว้นคือสิ่งใดกันแน่!
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก
บ่าวรับใช้ของตระกูลไป๋ทยอยเดินถือถาดอาหารสี่เหลี่ยมสีดำขึ้นไปบนชั้นสามของเรือน จากนั้นเดินลงจากบันไดอีกด้าน
เมื่อจัดเตรียมโต๊ะอาหารเสร็จ ฉินหมัวมัวจึงลงมาเชิญทุกคนขึ้นไปที่ชั้นสาม
อาหารกลางวันนี้มีขนมเปี๊ยะปิ้งซึ่งต่งถิงเจินเข้าครัวทำด้วยตัวเอง แม้รสชาติจะแตกต่างจากรสชาติดั้งเดิมของเติงโจวอยู่บ้าง ทว่า ต่งซื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายของขนมเปี๊ยะปิ้งเจ้าดังของเมืองเติงโจว ต่งถิงเจินเป็นคนละเอียดอ่อนมาก
“คุณหนูตื่นขึ้นมาทำขนมนี่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลยเจ้าค่ะ ทำอยู่หลายเตาถึงได้รสชาติที่ใกล้เคียงที่สุดเจ้าค่ะ!” สาวใช้ข้างกายของต่งถิงเจินกล่าวยิ้มๆ
“ถิงเจินใส่ใจแล้ว!” ต่งซื่อกุมมือของต่งถิงเจินแน่น
บุรุษและสตรีนั่งแยกโต๊ะโดยมีฉากกั้นเช่นเดิม คงเป็นเพราะวันนี้เซียวหรงเหยี่ยนเปิดประเด็นเรื่องตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าขึ้นมา ต่งฉางหลานจึงสนทนาเรื่องนี้กับชายหนุ่มตลอดระยะเวลาที่รับประทานอาหาร เอ่ยถามชายหนุ่มอย่างสนใจว่าตลาดแลกเปลี่ยนสินค้ามีลักษณะเช่นไรบ้าง
เซียวหรงเหยี่ยนเคยไปที่เมืองเหมิงและตอนที่ไปเป็นช่วงที่มีตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าพอดี ชายหนุ่มจึงเล่าทุกอย่างที่เคยพบเห็นมาให้ต่งฉางหลานฟังอย่างไม่คิดปิดบัง
ต่งฉางหลานตั้งใจฟังมาก ดูเหมือนเขาจะสนใจตลาดแลกเปลี่ยนสินค้ามากจริงๆ
ทั้งสองคนสนทนากันต่อแม้จะรับประทานอาหารเสร็จแล้ว จนเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง โคมไฟในจวนไป๋เริ่มสว่างขึ้น เซียวหรงเหยี่ยนจึงขอตัวกลับก่อน ต่งฉางหลานยังคงติดลมจึงเดินออกไปส่งเซียวหรงเหยี่ยนพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน
ต่งฉางหลานกล่าวเชิญเซียวหรงเหยี่ยนอย่างจริงจังที่หน้าประตูจวนไป๋ “หากเซียวเซียนเซิงมีเวลาต้องไปที่เติงโจวบ้างนะขอรับ ฉางหลานสนใจสิ่งที่เซียวเซียนเซิงกล่าวเป็นอย่างมาก ท่านพ่อของข้าก็คงสนใจเช่นเดียวกันขอรับ!”
เซียวหรงเหยี่ยนยกมือคารวะต่งฉางหลาน “เหยี่ยนไปแน่ขอรับ ถึงเวลานั้นอาจไปรบกวนคุณชายต่ง!”
เมื่อส่งเซียวหรงเหยี่ยนเสร็จ ขณะเดินกลับไปด้านในพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน ต่งฉางหลานกล่าวขึ้น “พี่หญิง ดูเหมือนว่าเซียวเซียนเซิงผู้นี้จะมีใจให้พี่หญิงนะขอรับ”
ต่งฉางหลานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทว่า สุดท้ายก็ตัดสินใจกล่าวเตือนไป๋ชิงเหยียน
ต่งฉางหลานเป็นบุรุษเช่นเดียวกัน เขามองสายตาของเซียวหรงเหยี่ยนที่มองไปทางไป๋ชิงเหยียนออก แม้ชายหนุ่มจะพยายามซ่อนไว้อย่างมิดชิด ทว่า เมื่อพี่หญิงใหญ่กล่าวสิ่งใด สายตาของเซียวหรงเหยี่ยนมักจะหยุดอยู่ที่ใบหน้าของนางทุกครั้ง รอยยิ้มและความสุขบนใบหน้าซ่อนไว้ไม่มิดและแสร้งทำออกมาไม่ได้
ไป๋ชิงเหยียนกำมือแน่น มองไปทางต่งฉางหลาน “เหตุใดฉางหลานจึงกล่าวเช่นนี้กัน”
ต่งฉางหลานคิดว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้มีใจให้เซียวหรงเหยี่ยน เขาเม้มปากเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา “พี่หญิง เดิมทีท่านพ่อและท่านย่าอยากให้พี่หญิงแต่งงานกับฉางหยวน เช่นนี้พี่หญิงจะได้ไม่ถูกแม่สามีรังแกหรือดูถูก ทว่า พี่หญิงไม่ได้มีใจให้ฉางหยวน ที่สำคัญตระกูลไป๋ยังต้องการพี่หญิง ท่านพ่อและท่านย่าจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก ทว่า แม้พวกท่านจะไม่กล่าวออกมา ทว่า พวกท่านเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของพี่หญิงมากนะขอรับ”
ต่งฉางหลานเหลือบมองไป๋ชิงเหยียนซึ่งกำลังเดินตามระเบียงทางเดินที่ทอดยาวกลับไปด้านในพร้อมกับเขาแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้มีทีท่าไม่พอใจ เขาจึงกล่าวต่อ “หากพี่หญิงไม่รังเกียจฐานะของเซียวเซียนเซิง พี่หญิงอาจให้เขาแต่งเข้าตระกูลไป๋ได้ขอรับ เซียวเซียนเซิงผู้นี้เป็นคนมีความรู้และวิสัยทัศน์กว้างไกล หากเขาจริงใจต่อพี่หญิงจริงๆ ถือเป็นคู่ครองที่เหมาะสมมากขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนเม้มปาก ไม่กล่าวสิ่งใดออกมา กระชับมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น ก้มหน้าลง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “รอให้…สถานการณ์ในใต้หล้าสงบลงก่อนค่อยว่ากันเถิด”
เมื่อใดใต้หล้าจึงจะสงบกัน…
ต่งฉางหลานกล่าวสิ่งที่ควรกล่าวไปหมดแล้วจึงไม่ได้โน้มน้าวสิ่งใดต่อ เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเรือนจวินจื่อเซวียนแล้ว ต่งฉางหลานจึงโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางกลับเติงโจวแต่เช้าตรู่ จะรายงานเรื่องที่พี่หญิงกล่าวให้ท่านพ่อฟังไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “พรุ่งนี้พี่ต้องไปปราบโจรป่า คงอยู่ส่งเจ้าไม่ทัน เดินทางระวัง กลับถึงเติงโจวแล้วส่งคนมารายงานความปลอดภัยด้วย”
“พี่หญิงไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ” บัดนี้ใจของต่งฉางหลานไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาอยากทำสิ่งที่พี่หญิงบอกเขาไปเรียนให้ท่านพ่อทราบโดยเร็วที่สุด พวกเขาจะได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการบุกโจมตีของหรงตี๋ในช่วงฤดูหนาว
กลางดึก ไป๋ชิงเหยียนแอบไปที่เรือนชิงเหอของต่งซื่อ ทว่า สั่งห้ามไม่ให้สาวใช้รายงานให้มารดาทราบ
ฉินหมัวมัวยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ชี้มือไปในห้อง สื่อให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้ว่าต่งซื่อกำลังเสียใจ
ปกติ เมื่อถึงวันเกิดของท่านแม่ อาอวี๋มักมีความคิดดีๆ เสมอ นางจำได้ว่าปีที่แล้วอาอวี๋พาบรรดาพี่น้องไปเชิดสิงโตฉลองวันเกิดให้ท่านแม่ที่เรือนแต่เช้าตรู่
คุณชายรูปงามทั้งสิบเจ็ดคนของตระกูลไป๋สวมชุดเชิดสิงโต อุ้มหัวสิงโตไว้ในอ้อมกอดพลางคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นอวยพรให้ต่งซื่อมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
อาอวี๋ยืนอยู่ด้านหน้าสุด ใบหน้าที่สดใสและหยิ่งทระนง มือข้างหนึ่งถือหัวสิงโต เมื่อยิ้มดวงตาเต็มไปด้วยแสงประกายแห่งความสุข
ทว่า ปีนี้ไม่มีบุรุษทั้งสิบเจ็ดของตระกูลไป๋อยู่เลยสักคน
เช้าวันนี้ไป๋ชิงเหยียนนึกได้ว่าตอนที่ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่ เมื่อถึงวันเกิดของท่านแม่ ท่านพ่อมักลงมือทำบะหมี่อายุยืนให้ท่านแม่ทานด้วยตัวเอง ดังนั้นนางจึงพาน้องๆ มาทำบะหมี่ให้ท่านแม่ทานที่เรือนชิงเหอ
ไป๋ชิงเหยียนหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง ได้ยินเสียงกลั้นสะอื้นของมารดาดังแว่วมาจากในห้อง ดวงตาของหญิงสาวแดงก่ำ น้ำตาไหลรินลงมาโดยไร้เสียงสะอื้น หญิงสาวหันหน้าหนี ใช้มือปาดน้ำตาออก
ความจริงสำหรับท่านแม่แล้ว ของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดคงเป็นการที่ท่านพ่อและอาอวี๋กล่าวกับนางว่าเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย
ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันแน่น นางจะโทษว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรมไม่ได้ สวรรค์ให้โอกาสนางกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ให้โอกาสนางได้กลับมาปกป้องท่านแม่ บรรดาท่านอาสะใภ้และน้องๆ นางก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว
นางเกลียดตัวเอง เกลียดที่เอาแต่ทำตัวอ่อนแอ นอนรักษาตัวอยู่บนเตียงมานานหลายปี
“ฉินหมัวมัว ข้าคงไม่เข้าไปด้านในแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยเสียงหดหู่ “รบกวนท่านดูแลท่านแม่ด้วย”
ฉินหมัวมัวติดตามรับใช้ต่งซื่อมาหลายปี รู้ดีว่าต่งซื่อก็คงไม่อยากให้คุณหนูใหญ่เห็นสภาพของนางในตอนนี้ ฉินหมัวมัวจึงพยักหน้า “คุณหนูใหญ่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลฮูหยินให้ดีเจ้าค่ะ”
วันต่อมา ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงส่องแสงระยิบระยับ พระจันทร์ทอแสงเรืองรอง
คบเพลิงทั้งสี่ทิศของสนามฝึกยังคงสว่างไสวราวกับเป็นเวลากลางวัน