ตอนที่ 545 เตือน
ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปมองก็เห็นต่งเหล่าไท่จวินนั่งอยู่บนเตียงไม้ริมหน้าต่าง มือถือกรรไกรตัดหญ้าสีทองแดง สีหน้าส่อแววปวดใจอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ข้าไม่ค่อยถนัด…”
บรรดาสาวใช้ในห้องต่างพากันใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากหัวเราะ
“เหล่าไท่จวิน คุณหนูเปี่ยว นายท่านให้มาเรียนเชิญคุณหนูเปี่ยวไปพบที่ห้องตำรา บอกว่าทางเมืองหลวงส่งจดหมายมาแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้หน้าตาสะอาดสะอ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาด้านใน เมื่อทำความเคารพเสร็จจึงเอ่ยขึ้นยิ้มๆ
ผู้ที่ส่งจดหมายมาจากเมืองหลวงน่าจะเป็นจิ่นซิ่ว ไป๋ชิงเหยียนวางกรรไกรในมือลง หันไปทำความเคารพต่งเหล่าไท่จวิน “ท่านยาย เดี๋ยวข้ากลับมานะเจ้าคะ”
“ไปเถิด! ถือว่าไว้ชีวิตต้นไม้เหล่านี้ของยายด้วย!” ต่งเหล่าไท่จวินโบกมือให้ไป๋ชิงเหยียน
สาวใช้ในห้องที่ใจกล้าหน่อยถึงกลับหลุดหัวเราะออกมา ชุนเถาเอ่ยขึ้นยิ้มๆ เช่นเดียวกัน “คุณหนูใหญ่ของบ่าวทำเป็นทุกอย่าง ทว่า เรื่องตัดแต่งต้นไม้และเย็บปักถักร้อยนี่ไม่ถนัดจริงๆ เจ้าค่ะ”
ต่งเหล่าไท่จวินรับผ้าขนหนูจากบ่าวรับใช้มาเช็ดทำความสะอาดมือ กล่าวยิ้มๆ “คนเราจะเก่งไปหมดเสียทุกอย่างได้อย่างไรกัน การตัดแต่งต้นไม้และเย็บปักถักร้อยมีไว้สำหรับแก้เหงายามว่างเท่านั้น สิ่งที่อาเป่าของเราถนัดคือสิ่งที่มีประโยชน์ต่อแคว้นและชาวบ้านอย่างแท้จริง”
ต่งเหล่าไท่จวินกล่าวประโยคนี้ออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“ไปเถิด อาจเป็นจดหมายจากจิ่นซิ่ว” ต่งเหล่าไท่จวินกล่าวถึงตรงนี้ก็ชะงักการกระทำลง “คำนวณดูแล้ว เดือนหน้าเด็กจิ่นซิ่วก็คงจะคลอดแล้วสินะ!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ…”
“ดีเลย! เดี๋ยวยายจะเตรียมของขวัญรับขวัญหลาน เจ้านำไปให้จิ่นซิ่วแทนยายด้วย!” ต่งเหล่าไท่จวินกล่าวจบก็โบกมือไล่ “ไปเถิด! หวังหมัวมัวรีบนำต้นบอนไซมาให้ข้าตัดแต่งซ่อมเร็ว!”
ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพต่งเหล่าไท่จวิน จากนั้นพาชุนเถาเดินออกไปจากเรือนของท่านยาย ทว่า บังเอิญพบกับหลัวอี๋เหนียงที่รอไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่นอกเรือนพอดี
เมื่อหลัวอี๋เหนียงที่ถือพัดกลมยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าเรือนอย่างกระวนกระวายเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมา นางรีบก้มหน้าจัดชุดกระโปรงสีเขียวแกมทองแดงปักลายใบชาขาวของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก้าวเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน ทำความเคารพ “หม่อมฉัน…คารวะองค์หญิงเจิ้นกั๋วเพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยพบหน้าหลัวอี๋เหนียงจึงไม่รู้ว่าสตรีตรงหน้าคือผู้ใด ชุนเถารีบเอ่ยบอก “คุณหนูใหญ่ หลัวอี๋เหนียงเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้สั่งให้หลัวอี๋เหนียงลุกขึ้น ทำเพียงเอ่ย “หลัวอี๋เหนียงไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าให้ชุนเถาบอกเจ้าเมื่อคืนหรือ”
ใจของหลัวอี๋เหนียงกระตุกวูบ ภายนอกไป๋ชิงเหยียนดูเป็นสตรีที่งดงาม เรือนร่างบอบบาง ไม่ว่าอย่างไรก็ดูเป็นสตรีที่มีจิตใจอ่อนโยน ทว่า เมื่อเอ่ยปากกลับดูน่าเกรงขามเช่นนี้เองหรือ!
ในที่สุดหลัวอี๋เหนียงก็ทนคำกล่าวยั่วยวนใจของพี่ชายผู้ไม่ได้เรื่องของตัวเองไม่ไหว พี่ชายของนางกล่าวว่าช่วงนี้หลัวอี๋เหนียงไม่ได้พบหน้าต่งชิงเยว่ ทว่า นางสามารถมาขอร้ององค์หญิงเจิ้นกั๋วแทนตนได้ อย่างไรเสียหลัวอี๋เหนียงก็เป็นผู้ให้กำเนิดต่งฉางเม่า องค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องไว้หน้านางแน่ หลัวอี๋เหนียงจึงรวบรวมความกล้าแบกหน้ามาถึงที่นี่
นึกไม่ถึงว่าเมื่อพบหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋ว หญิงสาวจะดูดุดันถึงเพียงนี้ หลัวอี๋เหนียงกล่าวถ้อยคำที่เตรียมมาไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
“ดูเหมือนหลัวอี๋เหลียงจะไม่รู้จักกฎเกณฑ์สักเท่าใด ยังดีที่ตอนนี้ข้าอยู่ในจวนต่งจึงไม่มีองครักษ์คุ้มกันข้างกาย หากอยู่นอกจวนต่งแล้วหลัวอี๋เหนียงบุ่มบ่ามถลามาตรงหน้าข้าเช่นนี้ เกรงว่ายังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใดก็คงถูกองครักษ์ข้าจัดการไปแล้ว”
น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็นและราบเรียบ ขนที่ลำคอของหลัวอี๋เหนียงลุกซู่ นางรีบคุกเข่าลงบนพื้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วโปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ!”
“หลัวอี๋เหนียง เดิมทีข้าเห็นแก่ต่งฉางหลานจึงยินดีไว้หน้าเจ้า ทว่า เจ้าจงจำไว้ด้วยว่า ข้าไว้หน้าเจ้า เจ้าเองก็ต้องทำตัวให้สมกับที่ข้าไว้หน้า ขอเพียงเจ้าไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนข้างกายของข้า ข้าจะไม่ยุ่งเรื่องเรือนหลังของท่านน้าชาย อย่างไรเสียหลานสาวก็ไม่ควรจัดการอนุของน้าชายตัวเอง ทว่า หากเจ้ายังมายุ่งย่ามกับข้าอีก อย่าว่าแต่ข้าอยากให้เจ้าหายไปจากโลกนี้เลย แม้แต่สาวใช้ข้างกายของข้าอยากให้เจ้าหายไป…ย่อมมีคนช่วยข้าจัดการเรื่องนี้อย่างสะอาดไร้ร่องรอยแน่นอน!”
วุ่นวายกับคนข้างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วอย่างนั้นหรือ…
หลัวอี๋เหนียงตัวสั่นราวกับลูกนก ทั้งๆ ที่ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กล่าวเสียงดัง ทว่า ทุกถ้อยคำล้วนฝังลึกลงไปในใจของนาง นางเข้าใจแล้ว องค์หญิงเจิ้นกั๋วกำลังกล่าวถึงจุดประสงค์ที่นางมาที่นี่วันนี้สินะ!
เดิมทีวันนี้หลัวอี๋เหนียงตั้งใจมาขอยืมตัวชุนเถาไปพบหน้าพี่ชายของนาง จะได้สอบถามชุนเถาได้ว่ามีใจให้พี่ชายของนางจริงหรือไม่
“ก่อนทำสิ่งใดจงคิดถึงต่งฉางเม่าให้มาก เดิมทีบุตรอนุก็อยู่ในจวนอย่างยากลำบากมากแล้ว อย่าทำให้เขาอับอายผู้คนในจวนต่งเพราะอี๋เหนียงอย่างเจ้าเลย!”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนพาชุนเถาเดินไปยังเรือนตำราของต่งชิงเยว่
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของไป๋ชิงเหยียนจากไปไกล หลัวอี๋เหนียงจึงทรุดกายลงบนพื้นด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
สาวใช้ข้างกายของหลัวอี๋เหนียงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยกันรีบคลานเข้าไปหาหลัวอี๋เหนียง “อี๋เหนียงพวกเรารีบไปจากที่นี่เถิดเจ้าค่ะ หากต่งเหล่าไท่จวินเห็นพวกเราอยู่ที่ ท่านจะถูกทำโทษนะเจ้าคะ!”
เดิมทีหลัวอี๋เหนียงที่ตอนนี้สติกำลังเลื่อนลอยเคยคิดว่าการที่พี่ชายของตัวเองแต่งงานกับสาวใช้ข้างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ถือเป็นการลดฐานะ ทว่า คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนในวันนี้เหมือนเป็นการตบหน้านางฉาดใหญ่ ทำให้นางได้สติขึ้นมา
หากตระกูลต่งไม่ใช่ตระกูลของท่านยายไป๋ชิงเหยียน อี๋เหนียงในตระกูลต่งอย่างนางจะมีค่าอันใดกัน นางยังสำคัญไม่เท่าสาวใช้ขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเลย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงสาวใช้ใหญ่ข้างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วผู้นั้น!
ความสัมพันธ์ที่สนิทสนมขององค์หญิงเจิ้นกั๋วและตระกูลต่งทำให้นางลืมตัวจนเชื่อคำกล่าวของพี่ชายผู้ไม่ได้เรื่องคนนั้น หวังสูงอยากให้สาวใช้ข้างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วแต่งงานกับพี่ชายของตน ช่างเป็นฝันที่ลมๆ แล้งๆ จริงๆ
ทำไม่สำเร็จ โดนสามีของตัวเองตำหนิยังไม่เท่าใด หากทำให้ต่งฉางเม่าเดือดร้อนจะทำเช่นไรกัน!
ต่งฉางเม่าคือบุตรอนุ แม้จะโดดเด่นเพียงใด ทว่า เขาก็อยู่อย่างยากลำบากในจวนต่ง เดิมทีนางอยากอาศัยบารมีขององค์หญิงเจิ้นกั๋วคอยหนุนหลังให้ต่งฉางเม่า ทว่า หากเรื่องนี้ทำไม่สำเร็จและเดือดร้อนมาถึงบุตรชายของนาง หลัวอี๋เหนียงก็ไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้ว!
“พยุง…พยุงข้าขึ้นมา!” หลัวอี๋เหนียงรีบกล่าว
สาวใช้ของหลัวอี๋เหนียงประคองหลัวอี๋เหนียงกลับเรือน พี่ชายของหลัวอี๋เหนียงที่เดินวนไปมาในเรือนอย่างร้อนรนรีบถลาเข้ามาหา ชะโงกหน้าไปด้านนอก “คนเล่า”
หลัวอี๋เหนียงจ้องพี่ชายของตนเขม็ง “ข้าขอเตือนพี่เลยนะว่าต่อไปนี้อย่าเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก นางเป็นถึงสาวใช้ข้างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว ฐานะอย่างนางแต่งงานออกเรือนไปเป็นภรรยาเอกของคนตระกูลสูงศักดิ์ยังได้เลย พี่อย่ามัวฝันหวานเช่นนี้อีกเลย!”
พี่ชายของหลัวอี๋เหนียงหน้าถอดสี เดือดดาลขึ้นทันที ขบกรามแน่นพลางเอ่ยถาม “นางบ่าวชั่วช้านั่นกล่าวเช่นนี้หรือ!”
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นคนกล่าวเอง พี่ล้มเลิกความคิดพวกนั้นบัดนี้เลยนะ อย่าคิดใช้วิธีสกปรกอันใดอีก หากพี่ทำให้ฉางเม่าของข้าเดือดร้อน ข้าจะลากพี่ไปตายด้วยกัน!” หลัวอี๋เหนียงกล่าวจบก็เกือบจะร้องไห้ออกมา สะบัดผ้าเช็ดหน้าอย่างแรงแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง เมื่อถลาไปถึงเตียงนอนก็ร้องไห้ออกมาทันที