ตอนที่ 559 ขอฝาก
ชาวบ้านมองไปทางต่งเหล่าไท่จวินด้วยท่าทีสงบนิ่ง
เป็นจริงดังที่ต่งเหล่าไท่จวินกล่าว ตระกูลต่งปกป้องคุ้มครองเมืองเติงโจวมาทุกรุ่น พวกเขายอมตาย ทว่า ไม่มีทางทอดทิ้งเมืองเติงโจวและชาวบ้านไปอย่างแน่นอน
ขนาดอดีตใต้เท่าต่งยังเสียชีวิตเพราะปกป้องเมืองเติงโจวเลย
ตอนที่ใต้เท้าต่งเสียชีวิตในสงคราม ต่งเหล่าไท่จวินเป็นคนนำทหารยืนหยัดคุ้มกันเมืองเติงโจวจนกระทั่งต่งชิงเยว่นำกองทัพไป๋มาเสริมทัพ เติงโจวจึงไม่ถูกหนานหรงยึดครองเมือง
ด้วยเหตุนี้ต่งเหล่าไท่จวินจึงมีอำนาจและบารมีมากในสายตาของชาวบ้านเมืองเติงโจว
ต่งเหล่าไท่จวินนึกถึงสามีที่เสียชีวิตในสงครามของตัวเอง ลำคอของนางร้อนผ่าว น้ำเสียงเริ่มสะอื้นเล็กน้อย “สามีของข้าซึ่งเสียชีวิตเพราะปกป้องเมืองเติงโจวเคยกล่าวไว้ว่าชาวบ้านเมืองเติงโจวคือสายเลือดเดียวกันกับตระกูลต่ง! เกิดเป็นคน…จะทอดทิ้งสายเลือดของตัวเองไปได้อย่างไรกัน!”
“ข้าขอสาบานด้วยชีวิตของคนทั้งตระกูล ตระกูลต่งรักและปกป้องชาวบ้านมาโดยตลอด หากวันใดที่ตระกูลต่งมีใจคิดร้ายต่อชาวบ้าน ขอให้สวรรค์จงลงโทษ ตระกูลมอดดับไม่เหลือ! ขอให้ทุกท่านได้โปรดเชื่อใจตระกูลต่ง เชื่อใจในตัวของทายาทตระกูลต่งทุกคน!”
กล่าวจบ ต่งเหล่าไท่จวินโค้งคำนับชาวบ้านทุกคน
“ต่งเหล่าไท่จวินทำให้พวกเราอายุสั้นแล้วขอรับ! พวกเราได้รับการปกป้องคุ้มครองจากตระกูลต่งมาทุกยุคสมัย จะกล้ารับการคำนับจากต่งเหล่าไท่จวินได้เช่นไรขอรับ แม้พวกเราจะเป็นเพียงชาวบ้านต่ำต้อย ทว่า พวกเรารู้ดีว่าตระกูลต่งรักและห่วงใยชาวบ้าน พวกเราเชื่อใจตระกูลต่ง เชื่อใจใต้เท้าต่งขอรับ!”
บุรุษในชุดคลุมยาวคนหนึ่งกล่าวขึ้นท่ามกลางกลุ่มคน
เมื่อคนผู้นั้นกล่าวจบ ชาวบ้านต่างพากันตะโกนว่าเชื่อใจตระกูลต่ง เชื่อใจต่งชิงเยว่ ตีกลองของเมืองเติงโจวจนดังกึกก้องไปทั่ว
ต่งชิงเยว่เห็นดังนั้นจึงก้าวเข้าไปคารวะชาวบ้านทุกคนแล้วกล่าวขึ้น “ทุกท่านเชื่อใจข้า ข้าจะปกป้องให้ทุกคนปลอดภัย บัดนี้ขอให้ทุกท่านรีบกลับไปเก็บสิ่งของมีค่าที่จวนของตัวเอง อีกสองชั่วยามไปรวมตัวกันที่ประตูเมืองทิศเหนือ ต่งฉางหลานบุตรชายคนโตของข้าและมารดาของข้าจะพาทุกท่านไปยังที่พักแรม วันนี้ข้าขอให้พวกท่านออกจากเมืองเป็นการชั่วคราว วันหน้าข้าจะรับพวกท่านกลับมาในเมืองอีกครั้งให้ได้!”
ชาวบ้านรับคำพลางกระจายตัวกันกลับไปเก็บของที่จวนของตัวเอง
ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ข้างกายของต่งเหล่าไท่จวิน หญิงสาวรู้สึกนับถือท่านยายของตนมาก
“เซียวเซียนเซิงจากไปแล้วหรือไม่” ต่งชิงเยว่หันไปถามต่งฉางหลาน
ต่งฉางหลานส่ายหน้า “ยังขอรับ เซียวเซียนเซิงกล่าวว่ายังมีเรื่องต้องจัดการให้เสร็จ เขามีองครักษ์ติดตัวมาด้วย ดังนั้นจึงอยากออกเดินทางไปพร้อมกับท่านย่า เมื่อคุ้มกันท่านย่าไปถึงที่พักอย่างปลอดภัย เขาจะเดินทางต่อไปยังต้าเยี่ยนขอรับ ทว่า ข้าบอกกับเซียวเซียนเซิงแล้วขอรับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ออกเดินทาง บัดนี้หากอยากจากไปเกรงว่าต้องรอให้สงครามที่เติงโจวยุติลงก่อนขอรับ”
“บัดนี้องค์หญิงหมิงเฉิงแห่งต้าเยี่ยนยังอยู่ในเมือง นางจะอพยพออกจากเมืองเติงโจวพร้อมกับขบวน ของเราหรือจะไปจากที่นี่พร้อมกับต้าเยี่ยนและเป่ยหรงเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามต่งชิงเยว่
“พี่หญิงคงไม่ทราบว่าก่อนที่ท่านแม่จะพาหรงเจี๋ยและน้องสาวอีกสองคนออกจากเมือง แม่ทัพเผยแห่งต้าเยี่ยนมาสอบถามสถานการณ์จากท่านพ่อ กล่าวว่าสามารถเกลี้ยกล่อมให้เป่ยหรงมาช่วยรบขับไล่หนานหรงออกไปจากเติงโจวได้ ทว่า ท่านพ่อไม่เชื่อใจผู้อื่นนอกจากคนของเราเอง ดังนั้นจึงปฏิเสธแม่ทัพเผยไปพร้อมเสนอให้เคลื่อนย้ายตัวองค์หญิงหมิงเฉิงไปที่กระโจมนอกเมืองก่อน แม่ทัพเผยเห็นด้วย ดังนั้นจึงเคลื่อนย้ายตัวขององค์หญิงออกไปตั้งแต่คืนนั้นพร้อมกับท่านแม่แล้วขอรับ”
“ดังนั้นตอนนี้แม่ทัพเผยก็อาศัยอยู่ที่กระโจมนอกเมืองเช่นกันอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนถาม
ต่งฉางหลานพยักหน้า “ข้าสั่งให้คนจับตาดูอย่างเข้มงวดแล้ว พี่หญิงวางใจได้ขอรับ”
เมื่อเห็นชาวบ้านแยกย้ายกันกลับไปเก็บข้าวของของตัวเอง ไป๋ชิงเหยียนหันไปถามต่งชิงเยว่ต่อ “ท่านหมอบอกว่าจะช่วยชีวิตองค์หญิงหมิงเฉิงได้หรือไม่เจ้าคะ”
ต่งชิงเยว่ส่ายหน้า “ตอนนี้ทำได้เพียงยื้อเวลาออกไปเท่านั้น ทว่า คงยื้อได้อีกไม่นานแล้ว! ข้าบอกกับแม่ทัพเผยอย่างชัดเจนแล้วว่าให้คนรักขององค์หญิงหมิงเฉิงรีบมาพบนางครั้งสุดท้ายโดยเร็วที่สุด”
องค์หญิงหมิงเฉิงสลบไม่ได้สติ ทว่า บางคราวที่สะลึมสะลือขึ้นมามักเอ่ยเรียกนามของคนๆ หนึ่งอยู่ตลอดเวลา คงเป็นคนที่นางคะนึงหามากที่สุด
“เจ้าก็กลับไปเก็บของของตัวเองเถิด อีกเดี๋ยวจะได้เดินทางออกจากเมืองไปพร้อมท่านยายของเจ้า” ต่งชิงเยว่ลูบศีรษะของไป๋ชิงเหยียนอย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนอยากจะกล่าวสิ่งใดอีก ต่งชิงเยว่จึงเดินนำหลานสาวไปยังที่ลับตาคน
ต่งชิงเยว่มองดูหลานสาวที่ใบหน้าสงบนิ่ง กล่าวขึ้นเสียงเบา “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการกล่าวสิ่งใด เจ้าอยากถือโอกาสนี้พบหน้าอาอวี๋สักครั้ง ทว่า สงครามครั้งนี้กำหนดไว้แล้วว่าเราต้องพ่ายแพ้ ชื่อเสียงองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่รบชนะไม่เคยพ่ายแพ้ของเจ้าจะเสื่อมเสียในสงครามครั้งนี้ไม่ได้เด็ดขาด ข้าไม่ได้ห่วงเรื่องชื่อเสียงของเจ้า ทว่า สิ่งนี้คือข้อได้เปรียบและเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวที่สำคัญที่สุดของเจ้าในฐานะสตรีหากเจ้าคิดทำการใหญ่ในภายภาคหน้า”
ต่งชิงเยว่ตบไหล่ของหลานสาวเบาๆ “หากวันหน้ามีสงครามขึ้นอีก ข้าจะให้เจ้าได้พบหน้าอาอวี๋แน่ เจ้าเชื่อข้าเถิด”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าต่งชิงเยว่หวังดีต่อนาง สตรีอยู่ในใต้หล้านี้อย่างยากลำบาก โดยเฉพาะสตรีที่เป็นแม่ทัพ…
ที่นางมีที่ยืนในกองทัพไป๋ได้ นอกจากฐานะที่นางคือหลานสาวคนโตของตระกูลไป๋แล้ว ยังเป็นเพราะนางเป็นคนตัดศีรษะของแม่ทัพใหญ่ผางผิงกั๋วของแคว้นสู่ได้ อีกทั้งไม่เคยพ่ายแพ้ในสงครามใดๆ ดังนั้นนางจึงได้สมญานามว่าเสี่ยวไป๋ไซว่!
ท่ามกลางกลียุคเช่นนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งจะได้รับการยกย่อง ไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือบุรุษก็ตาม
ท่ามกลางยุคแห่งสงครามเช่นนี้ สตรีต้องลำบากและทุ่มเทมากกว่าบุรุษเป็นร้อยพันเท่า ต่งชิงเยว่เข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี ดังนั้นไม่สำคัญว่าหนานหรงจะบุกยึดเติงโจวได้หรือไม่ ทว่า เขาจะปล่อยให้ชื่อเสียงของหลานสาวเสื่อมเสียในสงครามครั้งนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“ครั้งนี้เจ้าจงหลบอยู่ใต้ปีกของน้าอย่างสบายใจ ให้ข้าได้ปกป้องเจ้าเอง! วันหน้า ข้าไม่รู้ว่าจะปกป้องเจ้าได้อีกนานเพียงใด เมื่อไปจากเติงโจว หนทางข้างหน้าของเจ้าจะลำบากยิ่งกว่านี้ ข้าอยู่ไกลถึงเติงโจวคงช่วยอันใดเจ้าไม่ได้มาก”
ไป๋ชิงเหยียนเข้าใจความหวังดีของต่งชิงเยว่ หญิงสาวโค้งกายให้ท่านน้าชาย ความรู้สึกซาบซึ้งถาโถมเข้ามาในใจ “เช่นนั้น ครั้งนี้อาเป่าขอฝากชีวิตไว้ที่ท่านน้าชายด้วยนะเจ้าคะ”
ต่งชิงเยว่ยิ้มให้ไป๋ชิงเหยียน เอื้อมมือไปลูบศีรษะของหลานสาวอย่างแผ่วเบา
ไม่ว่าจะเป็นอาเป่าหรืออาอวี๋ หลานสาวและหลานชายของเขาล้วนไม่ใช่เด็กเล็กที่ต้องการการปกป้องคุ้มครองจากน้าชายอย่างเขาอีกต่อไปแล้ว
ต่งชิงเยว่รู้สึกว่าตัวเองแก่ลงมากแล้ว บัดนี้บรรดาลูกหลานแข็งแกร่งกว่าพวกเขามากนัก
ไม่ว่าจะเป็นอาเป่า อาอวี๋หรือต่งฉางหลาน บุตรชายคนโตของเขา
บางทีอาจจริงดั่งที่อาเป่ากล่าว เขาควรวางมือปล่อยให้ฉางหลานได้ลองฝึกฝนด้วยตัวเองบ้างได้แล้ว
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากจวนต่งพร้อมกับต่งเหล่าไท่จวินหลังจากเก็บข้าวของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เห็นเซียวหรงเหยี่ยนยืนรออยู่หน้าประตูจวนอย่างนอบน้อม
ไป๋ชิงเหยียนรู้มาก่อนแล้วว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะออกเดินทางไปนอกเมืองพร้อมกับต่งเหล่าไท่จวินในครั้งนี้ด้วย
“เหล่าไท่จวิน คุณหนูใหญ่ไป๋…” เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพต่งเหล่าไท่จวินและไป๋ชิงเหยียน
ต่งเหล่าไท่จวินมองดูบุรุษที่ดูโดดเด่น สุขุมและรูปงามตรงหน้าพลางพยักหน้าให้ยิ้มๆ จากนั้นประคองมือของไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปบนรถม้า
ชุนเถาเหลือบมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนอย่างหวาดระแวง เมื่อคุณหนูใหญ่ขึ้นไปบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว ชุนเถาจึงรีบตามขึ้นไปทันที จากนั้นปิดม่านของรถม้าเพื่อบดบังสายตาของเซียวหรงเหยี่ยน
เยว่สือเห็นเหตุการณ์จึงเดินเข้าไปใกล้เจ้านายของตน “นายท่าน ท่านได้ล่วงเกินสิ่งใดสาวใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่ไป๋หรือไม่ขอรับ เหตุใดแม่นางชุนเถาจึงมองมาทางท่านอย่างไม่ชอบใจเช่นนี้ขอรับ”