ตอนที่ 562 วันหน้า
ต่งฉางเม่ายังดักซุ่มอยู่ที่ประตูทิศตะวันออก นางยังมีโอกาสอีกครั้ง
ทว่า หากนางตายไปตอนนี้ นางจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
ที่สำคัญเมื่อครู่นางฝืนยกร่างขององค์ชายแห่งหนานหรงขึ้นเพื่อข่มขวัญของทหารหนานหรง นางฝืนออกแรงมากเกินไปจนแขนได้รับบาดเจ็บ กล้ามเนื้อที่เกร็งแน่นเมื่อครู่ บัดนี้อ่อนจนแทบไร้เรี่ยวแรง
เมื่อหลูผิงเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนสงบลงแล้วจึงโบกมือให้องครักษ์ไป๋และทหารเติงโจวบุกไปด้านหน้า “เปิดทาง!”
กองทัพเติงโจวกุมชัยชนะไว้ในมือ พวกเขาสังหารศัตรูจนตาแดงฉาน บัดนี้เห็นได้ชัดว่าหนานหรงพ่ายแพ้แล้ว พวกเขาได้แต่ถอยหนี ไร้กำลังสู้กับทหารเติงโจวแล้ว
“บุกสังหารออกไปยังประตูทิศตะวันออกให้ได้!” ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองบรรดาทหารเติงโจวที่กำลังสู้รบอย่างดุเดือดพลางตะโกนลั่น “จับเป็นแม่ทัพหน้ากากผี!”
แม้แม่ทัพหน้ากากผีจะเพิ่งมีชื่อเสียงได้ไม่นาน ทว่า เขาสู้รบกับแม่ทัพใหม่ของต้าเยี่ยนอย่างแม่ทัพเซี่ยสวินอยู่หลายครั้ง อีกทั้งเอาชนะได้อย่างสวยงาม เติงโจวมีอาณาเขตติดกับหนานหรง กองทัพเติงโจวล้วนรับรู้ดีว่าหนานหรงเปลี่ยนไปตั้งแต่มีแม่ทัพหน้ากากผีผู้นี้โผล่มา
หากสามารถจับเป็นแม่ทัพหน้ากากผีได้ วันหน้าพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวแม่ทัพหน้ากากผีผู้นี้อีก!
กองทัพเติงโจวโห่ร้องดังสนั่น ถือดาบยาวสู้รบอย่างดุเดือดยิ่งกว่าเดิม
หลูผิงอยากให้คุณหนูใหญ่ได้เจอกับคุณชายสักครั้งเหมือนกัน เขาตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปติดๆ เอ่ยสั่งให้องครักษ์ไป๋หาทางฝ่าเหล่าทหารหนานหรงออกไป คุ้มกันคุณหนูใหญ่ไปส่งที่ประตูเมืองทิศตะวันออกให้ได้
ประตูเมืองตะวันออก
ต่งฉางเม่าเห็นทหารหนานหรงที่อยู่กำแพงกำลังตะโกนสั่งสิ่งใดบางอย่าง ประตูเมืองทิศตะวันออกค่อยๆ เปิดออก แม่ทัพหน้ากากผีขี่ม้านำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน
ต่งฉางเม่าที่สั่งให้ทหารดักซุ่มอยู่ด้านนอกรีบกระโจนขึ้นหลังม้า ชักดาบออกมาพลางตะโกนเสียงดังลั่น “สังหารสุนัขหนานหรง! จับเป็นแม่ทัพหน้ากากผี!”
บรรดาทหารซึ่งซุ่มอยู่นอกประตูทิศตะวันออกเห็นว่าสหายร่วมกองทัพสร้างผลงานโจมตีจนประตูเมืองเปิดออกได้แล้ว พวกเขาซึ่งอยู่ที่นี่ยังไม่มีผลงาน พวกเขาก็เริ่มร้อนใจ
บัดนี้ประตูเมืองทิศตะวันออกเปิดออก ทหานหนานหรงต้องหนีออกมาทางนี้อย่างแน่นอน โอกาสสร้างผลงานของพวกเขามาถึงแล้ว!
ทหารกองทัพเติงโจวทุกคนเลือดกายพุ่งพล่านขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินต่งฉางเม่าชักดาบพลางประกาศกร้าว ทุกคนตะโกนโห่ร้องอย่างฮึกเหิม
“สังหารสุนัขหนานหรง! จับเป็นแม่ทัพหน้ากากผี!”
“สังหารสุนัขหนานหรง! จับเป็นแม่ทัพหน้ากากผี!”
“สังหารสุนัขหนานหรง! จับเป็นแม่ทัพหน้ากากผี!”
ดาบคมของต่งฉางเม่าชี้ไปทางประตูเมืองทิศตะวันออก “บุก!”
“บุก…”
พลทหารม้าสามพันนายโผล่ออกมาจากเนินเขาสูงที่ซ่อนตัวอยู่ จากนั้นพุ่งทะยานไปทางทหารหนานหรงที่ขี่ม้าออกมาจากประตูเมืองทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว
ฝุ่นตลบไปทั่วบริเวณภายในพริบตา ทหารม้าสามพันนายบุกเข้าไปราวกับสายน้ำที่ทะลักออกมา ม้าควบไปอย่างรวดเร็ว เสียงสู้รบดังกระหึ่ม กึกก้องราวกับต้องการให้ได้ยินไปถึงสรวงสวรรค์
แม่ทัพใหญ่ข้างกายของแม่ทัพหน้ากากผีเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ รีบตะโกนขึ้น “ท่านแม่ทัพ! มีกับดักขอรับ! ท่านแม่ทัพรีบนำเสบียงกลับไปก่อน ข้าจะรั้งพวกมันไว้เองขอรับ!”
ไป๋ชิงอวี๋คำนวณเวลาที่กลุ่มของต่งฉางเม่าจะลงมาถึงตัวพวกเขา เมื่อคิดแล้วว่าต้านทานไม่ไหว ชายหนุ่มกระตุกบังเหียนม้า ปลดดาบที่เอวของตนโยนให้แม่ทัพใหญ่ “ถ่ายทอดคำสั่งไปว่าอย่ากระหายสงคราม หาทางบุกฝ่าออกไปให้ได้ สิ่งสำคัญคือการนำเสบียงกลับไปยังหนานหรง เสบียงเหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้พวกเราไม่หนาวตายเมื่อฤดูหนาวมาเยือน!”
ครั้งนี้ต่งฉางเม่าไม่ได้สั่งให้พลธนูยิงธนูใส่หนานหรง ก่อนมาที่นี่ต่งชิงเยว่กำชับเขาไว้อย่างแน่นหนาว่าห้ามยิงธนูเด็ดขาด ให้ต่งฉางเม่าทำทีเป็นขัดขวางหนานหรงเอาไว้ จากนั้นปล่อยพวกเขาหนีไป เพื่อมีคำตอบให้ฮ่องเต้เป็นพอ!
มิเช่นนั้นเมื่อกำจัดหนานหรงได้แล้ว กองทัพเติงโจวจะหมดสิ้นความสำคัญทันที ตระกูลต่งอาจตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย มีเพียงศัตรูที่แข็งแกร่งยังคงอยู่เท่านั้น ฮ่องเต้ถึงจะให้ความสำคัญกับกองทัพเติงโจว
ต่งฉางเม่ารู้ว่าต่งฉางหลานแสร้งทำเป็นเสียชีวิต พี่ชายของเขากำลังลอบฝึกฝนกำลังทหารส่วนตัวอยู่ที่หนานหรง ต่งฉางเม่าต้องทำเรื่องที่ตนเองได้รับมอบหมายให้ดีจะได้ช่วยเหลือตระกูลต่ง ช่วยเหลือพี่ชายของตัวเองได้!
ท่านพ่อกล่าวว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของตระกูลต่ง เดิมทีท่านไม่อยากให้บุตรอนุอย่างเขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ทว่า พี่ชายของเขาออกหน้าแทนเขา กล่าวว่ายินดีฝากชีวิตของตนเองไว้ในมือของเขา ดังนั้นพี่ชายจึงเลือกแสร้งทำเป็นเสียชีวิต พาทหารไปฝึกฝนที่หนานหรงด้วยตัวเอง ให้บุตรอนุอย่างเขาอยู่คอยช่วยเหลือบิดาที่เติงโจวแทน
ต่งฉางเม่ายินดีทำและเสียสละทุกอย่างเพื่อตอบแทนความไว้ใจของพี่ชายคนโต!
สงครามที่จัดฉากขึ้นในครั้งนี้ดำเนินต่อไปเพียงไม่นาน ต่งฉางเม่าปล่อยทหารหนานหรงไป จากนั้นแสร้งทำไปขี่ม้าไล่ตาม…
เมื่อกลุ่มของไป๋ชิงเหยียนมาถึง สนามรบเหลือเพียงซากศพและม้าของหนานหรงและเติงโจวที่ไม่มีเจ้าของเท่านั้น
พระอาทิตย์สีเลือดสาดส่องไปทั้งเมืองเติงโจวที่เพิ่งผ่านสงครามมาอย่างดุเดือด สาดส่องไปยังยอดเขาลูกใหญ่ซึ่งอยู่ไกลออกไป ทำให้เมืองเติงโจวดูอบอุ่นขึ้นในทันตา อีกทั้งสาดส่องจนยอดเขาลูกนั้นอร่ามไปด้วยแสงสีทอง
เงาของไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าทอดยาวไปไกล…
ม้าที่หญิงสาวนั่งอยู่วนย่ำไปมาอยู่กับที่ อยากจะก้มลงเลียเสบียงอาหารที่หนานหรงทำหกอยู่บนพื้น ทว่า มันพ่นลมออกทางจมูกอย่างไม่ชอบใจกลิ่นคาวเลือดซึ่งปนเปื้อนอยู่ในเศษอาหารเหล่านั้น
ลมพัดกลิ่นคาวเลือดโชยเข้ามาใกล้ ไป๋ชิงเหยียนมองดูทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มองดูกลุ่มก้อนเมฆบนท้องฟ้าเหนือยอดเขาสูงใหญ่ มองนกอินทรีสยายปีกบินอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางแสงสีเลือดของดวงอาทิตย์ ความหดหูถาโถมเข้ามาในใจของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวรู้สึกราวกับถูกงูใหญ่รัดที่ลำคอจนหายใจไม่ออก
สุดท้ายนางก็ไม่ได้พบหน้าอาอวี๋
หลูผิงมองดูแผ่นหลังที่โดดแสงอาทิตย์สาดส่องของไป๋ชิงเหยียน ควบม้าเข้าไปใกล้ เอ่ยเสียงแผ่วเบา “อย่างน้อยคุณหนูใหญ่ก็ได้รับรู้ว่าคุณชายยังปลอดภัยดีนะขอรับ”
มองเห็นการขี่ม้าที่ปราดเปรื่องของอาอวี๋ เขาคงแข็งแรงดี!
หลูผิงกวาดสายตามองยังดาบเล่มหนึ่งที่ตกอยู่ข้างกายของทหารหนานหรงซึ่งอยู่ห่างออกไป เขารีบขี่ม้าเข้าไปใกล้ เหยี่ยบไปบนกองเลือดและดินโคลน ก้มหยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมา
ดาบเล่มนี้ไม่มีอัญมณีใดๆ ประดับอยู่ทั้งสิ้น ทว่า แกะสลักอย่างสวยงาม หลูผิงจำได้ว่าตอนที่เขาไปยังหนานหรงเขาเห็นแม่ทัพหน้ากากผีพกดาบเล่มนี้ไว้ข้างกาย!
แม่ทัพหน้ากากผีคือคุณชายของตระกูลไป๋ หลูผิงจดจำรายละเอียดทุกอย่างบนร่างของเขาได้อย่างแม่นยำ!
“คุณหนูใหญ่! ดาบของแม่ทัพหน้ากากผีขอรับ!” หลูผิงเก็บดาบกลับมายื่นให้ไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนได้สติจึงรับดาบมาจากมือของหลูผิง ชักออกมาจากฝัก
ดาบเล่มนี้ไม่คมสักเท่าใดแล้ว การที่ดาบไม่คมแสดงว่าเขาไม่ได้ใช้มันในสงครามเพียงครั้งเดียว
ที่สำคัญรอยเลือดที่ติดอยู่ที่ดาบมีทั้งเลือดเก่าและเลือดใหม่ปะปนกันอยู่
แสดงว่าอาอวี๋เคยใช้ดาบเล่มนี้มาก่อนจริงๆ
ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงคำกล่าวของเซียวหรงเหยี่ยนที่ว่าเพลงดาบของแม่ทัพหน้ากากผีเก่งกาจมาก
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนร้อนผ่าว ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย อาอวี๋ยังใช้ดาบได้แสดงว่าเขายังแข็งแรงดีใช่หรือไม่
วันนี้นางได้เห็นอาอวี๋จากที่ไกลๆ บัดนี้รับรู้ว่าอาอวี๋แข็งแรงปลอดภัยดี เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
พวกนางสองพี่น้องยังมีวันข้างหน้ารออยู่
นางเชื่อว่าอีกไม่กี่ปีอาอวี๋ต้องได้กลับไปอวยพรวันเกิดให้ท่านแม่ด้วยตัวเอง
ไป๋ชิงเหยียนเก็บดาบเข้าฝัก จากนั้นกำไว้ในมือแน่น มองออกไปยังเบื้องหน้า