ตอนที่ 577 เห็นแก่ส่วนรวม
“ท่านพ่อเป็นผู้ตรวจการเมืองเติงโจว มีกองทัพเติงโจวอยู่ในมือ วิธีที่ดีที่สุดที่องค์รัชทายาทจะดึงท่านพ่อไปเป็นพวกได้คือการแต่งงาน ทว่า ท่านพ่อไม่มีบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอก ข้าเป็นเพียงบุตรอนุที่ต่ำต้อยคนหนึ่ง หากแต่งเข้าไปในจวนองค์รัชทายาท อย่างมากก็เป็นเพียงได้เพียงอนุคนหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถอาจเอื้อมได้แม้แต่ตำแหน่งชายารอง ข้าไม่อยากแต่งไปเป็นอนุของผู้อื่น ข้ายอมแต่งงานกับชาวไร่ชาวนาไปเป็นภรรยาเอกอย่างสมเกียรติ ดีกว่าแต่งงานไปเป็นอนุของผู้อื่นเจ้าค่ะ” ต่งถิงอวิ๋นกล่าวพลางดวงตาแดงก่ำ “ที่สำคัญ ผู้ที่มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือมักถูกผู้อื่นจ้องจะดึงไปเป็นพวก หากข้าแต่งเข้าจวนองค์รัชทายาท ถึงแม้ท่านพ่อของข้าจะไม่เข้าพวกกับองค์รัชทายาท ทว่า ผู้อื่นย่อมคิดว่าท่านเป็นอยู่ดี”
เป็นบุตรอนุเช่นเดียวกัน มองออกเหมือนกันว่าองค์รัชทายาทอยากแต่งงานกับบุตรอนุของตระกูลต่งเพราะอยากครอบครองอำนาจทางทหารของท่านน้าชาย คนหนึ่งคิดเหยียบย่ำตระกูลต่ง ปีนป่ายขึ้นไปอยู่ที่สูงตัวคนเดียวอย่างเห็นแก่ตัว อีกคนแม้จะมีความเห็นแก่ตัวเช่นกัน ทว่า นางคิดถึงส่วนรวม จึงพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น
มิน่า ท่านยายจึงรับต่งถิงอวิ๋นมาเลี้ยงดูข้างกาย
สตรีผู้นี้ฉลาด รู้จักประมาณตนและคิดถึงส่วนรวม
“แสร้งป่วยก็พอแล้ว เหตุใดต้องทรมานตัวเองเช่นนี้ด้วย” ไป๋ชิงเหยียนดึงต่งถิงอวิ๋นมานั่งข้างกาย
“ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อลำบากใจเจ้าค่ะ ท่านพ่อเป็นคนตรงไปตรงมาและมีอคติกับบุตรอนุอย่างพวกข้า หากข้าแสร้งป่วยแล้วท่านพ่อจับได้ ข้าคงโดนลงโทษเจ้าค่ะ” ต่งถิงอวิ๋นกล่าวถึงตรงนี้ก็ก้มหน้าต่ำลง สะอื้นเล็กน้อย
ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าบุตรอนุในตระกูลต่งค่อนข้างลำบาก
ไป๋ชิงเหยียนลูบหลังมือของต่งถิงอวิ๋นเบาๆ “ท่านย่าคือท่านย่าของเจ้า ไม่ต้องกลัว ท่านย่าต้องปกป้องเจ้าแน่”
ต่งถิงอวิ๋นพยักหน้า
“ไปเช็ดผมให้แห้งแล้วนอนพักผ่อนเสีย ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้!” ไป๋ชิงเหยียนปลอบโยนต่งถิงอวิ๋น
เช้าวันต่อมา เมื่อองค์รัชทายาทเพิ่งตื่นนอนก็รู้ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นในจวนต่งเมื่อวาน
องค์รัชทายาทป้วนปาก ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก จากนั้นเอ่ยถามเฉวียนอวี๋ “เมื่อวานเกิดเรื่องอันใดขึ้นในจวนต่งอย่างนั้นหรือ”
เฉวียนอวี๋ส่ายหน้า “บ่าวไร้ความสามารถ ไม่อาจสืบข่าวได้พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทส่งผ้าเช็ดหน้าคืนให้เฉวียนอวี๋แล้วยิ้มออกมาบางๆ “จวนต่งแห่งเมืองเติงโจวแน่นหนาราวกับมีเหล็กคุ้มกัน แม้แต่เสด็จพ่อของเรายังสืบข่าวไม่ได้ นับประสาอันใดกับเจ้ากัน หากเจ้าสืบรู้ เราคงต้องสงสัยว่าใต้เท้าต่งจงใจอยากให้เราทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแน่ๆ ไปเตรียมอาหารเถิด!”
“องค์ชายทรงมีประสบการณ์ บ่าวติดตามรับใช้องค์ชายมานาน ทว่า ไม่ได้เรียนรู้จากองค์ชายสักนิด ช่างน่าละอายยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋ยิ้มพลางสั่งให้คนจัดโต๊ะอาหาร
องค์รัชทายาทต้องการออกไปตรวจค่ายทหาร ต่งชิงเยว่และไป๋ชิงเหยียนย่อมต้องไปเป็นเพื่อน ระหว่างทางองค์รัชทายาทแสร้งทำเป็นถามถึงต่งถิงจืออย่างไม่ได้ตั้งใจ นึกไม่ถึงว่าต่งชิงเยว่จะหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่ได้ยิน เมื่อเห็นต่งชิงเยว่มีท่าทีอึกอัก องค์รัชทายาทจึงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
ต่งชิงเยว่เล่าเรื่องที่เมื่อวานต่งเหล่าไท่จวินสืบได้ว่าต่งถิงจือไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของตนให้องค์รัชทายาทฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาถอนหายใจยาว “ในฐานะบุรุษ กระหม่อมเหมือนถูกหยามหน้า โชคดีที่ตระกูลต่งไม่เคยรายงานการถือกำเนิดของบุตรอนุ คนที่รู้ว่าตระกูลต่งมีบุตรสาวอนุมีไม่มาก มิเช่นนั้นกระหม่อมคงกลายเป็นตัวตลกของแคว้นแน่พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นใบหน้าของต่งชิงเยว่เขียวปัด สื่อว่าเขาโกรธมากจริงๆ องค์รัชทายาทอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นตบไปที่บ่าของต่งชิงเยว่เบาๆ บุรุษเข้าใจบุรุษด้วยกันดีที่สุด อนุสวมเขาให้สามี ปล่อยให้สามีเลี้ยงดูบุตรของผู้อื่นมานานหลายปีเช่นนี้ อย่าว่าแต่ต่งชิงเยว่เลย แม้แต่บุรุษธรรมดาก็คงไม่มีผู้ใดอดทนได้
ต่งชิงเยว่ยังถือว่ามีเมตตา หากเป็นองค์รัชทายาท…สายเลือดชั่วและอนุผู้ต้อยต่ำไม่มีทางได้เห็นตะวันในวันรุ่งขึ้นแน่ๆ
คิดได้ถึงตรงนี้ จู่ๆ องค์รัชทายาทก็นึกถึงเรื่องที่ตนให้เฉวียนอวี๋นำป้ายหยกไปมอบให้ต่งถิงจือเมื่อวานขึ้นมาได้ เขารู้สึกกระอักกระอ่วนทันที กลับไปคงต้องสั่งให้เฉวียนอวี๋และทุกคนที่รู้เรื่องนี้ปิดปากให้สนิท ห้ามเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก
องค์รัชทายาทเพิ่งมาถึงค่ายทหาร ยังไม่ทันมอบของพระราชทานจากฮ่องเต้ให้เหล่าทหาร เขาก็ได้รับรายงานด่วนจากเมืองหลวงเสียก่อน ในจดหมายกล่าวว่าฮ่องเต้พลัดตกจากหลังม้าระหว่างไปขี่ม้าเล่นกับชิวกุ้ยเหริน บัดนี้สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ก่อนฮ่องเต้จะหมดสติ เขาได้เรียกตัวท่านราชครูถานกลับไปยังราชสำนักเพื่อช่วยเหลียงอ๋องและองค์หญิงใหญ่จัดการดูแลเรื่องในราชสำนัก อีกทั้งมีราชโองการเรียกตัวองค์รัชทายาทกลับไปเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด
เมื่อองค์รัชทายาทได้ยิน ใบหน้าของเขาซีดเผือดทันที ไม่มีจิตใจมอบของรางวัลให้แก่เหล่าทหารเติงโจวแล้ว
ฮ่องเต้ได้รับบาดเจ็บหนักยังไม่ได้สติ ฮองเฮาและเหลียงอ๋องจะไม่ถือโอกาสนี้ยึดอำนาจในราชสำนักอย่างนั้นหรือ หากฮ่องเต้สวรรคตอย่างกะทันหัน ผู้ใดจะรับประกันได้ว่าเหลียงอ๋องและฮองเฮาจะไม่ปลอมแปลงราชโองการปลดองค์รัชทายาทอย่างเขาและยกบัลลังก์ให้ผู้อื่นแทนกัน! ถึงเวลานั้น องค์รัชทายาทที่ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงอย่างเขาจะกลายเป็นกบฏของแผ่นดินทันที
เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินข่าวนี้ หญิงสาวกำหมัดแน่นด้วยความตกใจ
บัดนี้ตระกูลไป๋ต้องการควบคุมสถานการณ์ในราชสำนักให้เป็นไปอย่างสงบ ฮ่องเต้จะเป็นอันใดไปในตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด ทว่า ยังถือว่าฮ่องเต้ยังมีสติที่ไม่ให้ฮองเฮาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทน ทว่า กลับเชิญท่านราชครูถานและองค์หญิงใหญ่มาช่วยเหลือเหลียงอ๋องแทน สถานการณ์ในเมืองหลวงจึงอยู่ในขั้นที่ยังควบคุมได้
ท่านย่าของนางแซ่หลิน เป็นองค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์ ฮ่องเต้จึงเชื่อในในตัวท่านย่าของนาง
ที่ฮ่องเต้เลือกเหลียงอ๋องเพราะตอนนั้นพระองค์คงไม่มีตัวเลือกอื่นอีกแล้ว คงคิดว่าเหลียงอ๋องอ่อนแอ ควบคุมง่าย เขาย่อมเชื่อฟังราชครูถานและองค์หญิงใหญ่แน่
ทว่า แท้จริงแล้วเหลียงอ๋องเป็นคนโหดเหี้ยม เจ้าแผนการ บัดนี้เขายังมีพ่อตาที่มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือคอยสนับสนุนอีกต่างหาก
ทว่า หากฮองเฮาร่วมมือกับเหลียงอ๋องและรู้ธาตุแท้ของเขา ฮองเฮาคงมีทางป้องกันและคานอำนาจของเหลียงอ๋องแล้ว
ทว่า เหลียงอ๋องมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ พวกเขาจะคานอำนาจกันได้นานสักเท่าใดกันเชียว หากเหลียงอ๋องจะก่อกบฏให้ได้ ท่านย่าของนางจะมีอันตรายหรือไม่
ไป๋ชิงเหยียนร้อนรน องค์รัชทายาทเองก็เช่นกัน
“องค์รัชทายาท เมืองหลวงกำลังวุ่นวาย พวกเราจะรอช้าไม่ได้ องค์รัชทายาทต้องรีบกลับไปควบคุมสถานการณ์ที่เมืองหลวงเพคะ!” ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดกล่าวกับองค์รัชทายาท “พวกเราค่อยคุยรายละเอียดกันต่อระหว่างทาง บัดนี้องค์รัชทายาทต้องเตรียมตัวกลับเมืองหลวงโดยเร็วเพคะ หม่อมฉันจะไปกับองค์รัชทายาทด้วยเพคะ!”
“ใช่ องค์หญิงเจิ้นกั๋วกล่าวถูกต้อง!” องค์รัชทายาทพยักหน้าด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด “เฉวียนอวี๋รีบกลับไปบอกให้ขบวนรถม้าไปรอเราที่นอกเมือง บอกเรื่องนี้ให้ฟางเหล่า ฉินเซียนเซิงและเริ่นเซียนเซิงทราบด้วย ระหว่างกลับเมืองหลวงให้พวกเขามารถม้าคันเดียวกับเรา เพื่อร่วมปรึกษาหารือกับเราและองค์หญิงเจิ้นกั๋ว”
“องค์รัชทายาทจะเสด็จกลับไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้เพคะ ฝ่าบาททรงไม่ได้สติ เมืองหลวงกำลังวุ่นวาย หากองค์รัชทายาทกลับไปเช่นนี้แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา เท่ากับเป็นการเดินเข้าไปติดกับนะเพคะ ถึงเวลานั้นไม่ว่ากองทัพใดต้องการช่วยฝ่าบาทและองค์รัชทายาทออกมา ต่างไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้นทั้งสิ้นเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงหันไปมองทางต่งชิงเยว่ “ครั้งนี้กองทัพเติงโจวได้รับบาดเจ็บหนัก องค์รัชทายาททรงรับสั่งให้กองทัพผิงอันเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับองค์รัชทายาทเถิดเพคะ หากเกิดสิ่งใดขึ้นมาเราจะได้มีทางรับมือเพคะ”
องค์รัชทายาทรู้ดีถึงการมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ เขากำหมัดแน่น “ทว่า หากไม่มีคำสั่งจากเสด็จพ่อ ห้ามเคลื่อนย้ายทหารค่ายทหารผิงอัน เรา…”
ต่งชิงเยว่เห็นดังนี้จึงรีบกล่าวขึ้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วกล่าวถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทเป็นรัชทายาทของแคว้น บัดนี้ฝ่าบาททรงสลบไม่ได้สติ องค์รัชทายาทมีอำนาจสั่งการแทนจักรพรรดิ แม่ทัพฝูคือขุนนาง เขาต้องทำตามคำสั่งขององค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”
องค์รัชทายาทลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าช้าๆ “ตกลง เคลื่อนขบวนอ้อมไปยังค่ายผิงอัน เราจะไปพบแม่ทัพฝู ขอให้เขาคุ้มกันเรากลับไปยังเมืองหลวงด้วยตัวเอง!”
องค์รัชทายาทก็กลัวเช่นเดียวกัน ตอนนี้โอรสที่เกิดจากฮองเฮาอย่างซิ่นอ๋องอยู่ในเมืองหลวง อีกทั้งยังมีเหลียงอ๋องอีกคน